ตอนที่ 25 เส้นทางสู่การสร้างรากฐานของข้าขึ้นอยู่กับเจ้า
ตอนที่ 25 เส้นทางสู่การสร้างรากฐานของข้าขึ้นอยู่กับเจ้า
พวกเขาเห็นว่าต้นไม้สูงถูกตัดออกเป็นท่อนๆ และยังมีรอยเขม่าสีดำจากเปลวไฟบนพื้นผิวของต้นไม้
พื้นดินมีเศษเนื้อและกองเลือดกระจายไปทั่ว มีขนของหมาป่ายักษ์ตกอยู่เต็มพื้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขาทั้งสี่ไม่ต่างจากเห็นผีเลย
หมาป่ายักษ์เหล่านั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่ทหารในกองทัพหลินเจียงที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็ไม่อาจจะต้านทานพวกมันได้ แต่เลือดและเนื้อที่ตกกระจัดกระจายอยู่ในสถานที่แห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของการต่อสู้อย่างชัดเจน ถ้าหมาป่ายักษ์ห้าถึงหกตัวไม่ตาย มันจะไม่มีทางที่เลือดและเนื้อของพวกมันจะสาดกระเซ็นได้ขนาดนี้
จ้วงเฉียงพึมพำออกมา “เป็นไปไม่ได้ ใครเป็นคนฆ่าพวกมันกัน?”
หวังกังเจี้ยนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมาว่า “ในเมื่อเรามุ่งหน้ามาที่นี่แล้ว ก็ต้องค้นหาต่อไป เพื่อจะได้รู้ว่าราชาหมาป่ายักษ์หนีไปที่ไหน คุณน่าจะหาเห็นร่องรอยของมันได้”
หวังหยงและคนอื่นๆ พยักหน้าและเริ่มค้นหาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเขาจะค้นหามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของราชาหมาป่าที่หลบหนีไปเลย นอกจากพื้นที่บริเวณตรงนี้แล้ว ที่อื่นก็ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ ไม่มีรอยเลือดหรือรอยเท้าพวกมัน ไม่มีอะไร สิ่งนี้มีหมายความชัดเจนในตัวมันเอง
หวังหยงกลืนน้ำลายลงไป “หมาป่ายักษ์ตายไปหมดแล้ว และร่างของพวกมันก็ถูกมนุษย์กลุ่มนั้นเอาไปด้วย”
แม้ว่าหวังกังเจี้ยนและซ่งต้ายี่จะดูไม่เชื่อ แต่พวกเขาก็พยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของหวังหยง
“ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้ของเราจะไร้ประโยชน์” ซงต้ายี่ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้และก็ไม่มีผู้เสียชีวิต นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติระดับ 1 แต่เขาก็อาจติดเชื้อได้ หากเขาได้รับบาดเจ็บ
เนื่องจากตอนนี้ไม่มีหมอแม้แต่คนเดียวที่เหลืออยู่ เลยต้องเพิ่งแต่ยาในการรักษาเท่านั้น ใครจะรู้ว่าเขาจะรอดหรือไม่
หวังกังเจี้ยนเองก็เกาหัวด้วยความงุนงง
“พี่ยังกังวลเรื่องอะไรอีก” หวังหยงถามขึ้น
หวังกังเจี้ยนยิ้มอย่างขมขื่น "จ้วงเฉียงกล่าวว่าราชาหมาป่าของฝูงหมาป่ายักษ์นั้นเป็นสัตว์พิเศษระดับ 2 นอกจากนี้ยังมีสัตว์พิเศษระดับ 1 อีกหลายตัวในฝูงหมาป่ายักษ์ แล้วชายคนนั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งขนาดไหนถึงทำลายฝูงหมาป่ายักษ์ลงได้เช่นนี้ ? ต้องเป็นมนุษย์เหนือธรรมชาติระดับ 3 อย่างนั้นเหรอ?”
จ้วงเฉียงส่ายหัวทันที “เป็นไปไม่ได้ หายากมาก เพราะการจะเป็นมนุษย์เหนือธรรมชาติระดับ 3 ได้นั้น ต้องใช้กำลังคนจำนวนมากเพื่อช่วยกันรวบรวมแกนพลังจิต ส่วนมากแล้วพวกเขาจะต้องเป็นผู้นำขององค์กรต่างๆทั้งสิ้น คนที่อยู่ตัวคนเดียวไม่มีทางเป็นไปได้หรอก?”
หวังกังเจี้ยน, หวังหยงและซงต้ายี่คิดตาม
คงไม่มีมนุษย์เหนือธรรมชาติระดับ 3 คนไหนที่จะวิ่งออกมาต่อสู้ข้างนอก เพื่อตามหาความตื่นเต้นเช่นนี้
พวกเขาจะต้องอยู่ในฐานที่มั่นของตนและพยายามพัฒนาตนเองทุกวิถีทาง
จ้วงเฉียงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "บางทีเขาอาจเป็นเพียงบุคคลพิเศษระดับสอง แต่เขามีพรสวรรค์ที่ทรงพลังมาก ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์เหนือธรรมชาตินั้น ก็มีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนกัน มีทั้งระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง และพรสวรรค์ยังสามารถช่วยให้พวกเขาต่อสู้ข้ามระดับได้ด้วย "
หวังกังเจี้ยนถอนหายใจ" ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราต้องระวัง ไม่ต้องพูดถึงว่าโรงแรมห่าวไท่ถูกซอมบี้ระดับสูงสองตัวครอบครองไปแล้ว และตอนนี้ยังมีมนุษย์เหนือธรรมชาตินิรนามปรากฏตัวขึ้นอีก ... ชีวิตของเรา เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆแล้ว "
เมื่อพูดจบ พวกเขาทั้งสี่ก็ขึ้นรถหวูหลิงเพื่อกลับไปให้ถึงบริษัทรักษาความปลอยภัยเฮยเฟิงก่อนค่ำ
...
โรงแรมห่าวไท่
ฉู่เสวียนใช้เวลานานมากกว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่
ระหว่างทางเขาได้ฆ่าซอมบี้ไปมากมายและยังสามารถกลั่นลูกปัดโลหิตได้จำนวนมาก
นอกจากนี้ เวลาเดินผ่านซุปเปอร์มาร์เก็ต เขาก็จะเข้าไปเดินดูว่ามีของกินไหม
ท้ายที่สุดแล้วการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวันก็น่าเบื่อนิดหน่อย
จะดีกว่านี้ถ้ามีของกินอื่นๆ หรือมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติอื่นที่แปลกใหม่ให้ลองกินบ้าง
อย่างไรก็ตาม ฉู่เสวียนก็พบเพียงช็อคโกแลตเท่านั้น
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าวิกฤตซอมบี้บนดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้เกิดขึ้นมานานกว่าห้าปีแล้ว
ซึ่งก็มีอาหารเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามารถเก็บได้นานมาจนถึงตอนนี้
“ดูเหมือนว่าถ้าข้าอยากกินอาหารอร่อย ๆที่นี่ ข้าคงจะต้องปลูกผักกินเองสินะ ” ฉู่เสวียนคิดอย่างรอบคอบ นี่ไม่ใช่งานยาก
สิ่งที่เขาต้องทำคือตั้งค่ายกลเพื่อรวบรวมพลังวิญญาณบางๆ รอบตัวเขาเข้ามา สิ่งนี้จะทำให้แม้แต่ดินที่ขาดสารอาหารที่สุด ก็สามารถกลายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ได้
ดินแดนดังกล่าว สามารถเรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งจิตวิญญาณ
หากว่าปลูกพืชในทุ่งแห่งจิตวิญญาณ พืชผลก็จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมีรสชาติอร่อย
สำหรับงานหนักๆอย่างพรวนดิน กำจัดวัชพืช ควบคุมศัตรูพืช และการเก็บเกี่ยว ก็สามารถปล่อยให้ศพหยินทำงานให้ได้
แม้ว่าศพหยินจะโง่เขลา แต่ตราบใดที่พวกมันได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม พวกมันก็สามารถทำงานที่ซ้ำซากจำเจแบบนี้ได้ดียิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก..เพียงแค่ต้องสอน
ซึ่งบังเอิญว่าที่โรงแรมห่าวไท่นี้ ก็มีสวนอยู่ด้านหลังโรงแรม ฉู่เสวียนจึงสั่งให้ศพหยินไปช่วยกันดึงดอกไม้และต้นไม้ทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นออก และพลวนดินทำให้เป็นแปลงผัก
จากนั้นเขาก็ได้สร้างค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณขึ้นมา
พลังวิญญาณของดาวเคราะห์ดวงนี้อ่อนแอมาก ด้อยกว่าของทวีปชางเสวียนเป็นไหนๆ
แต่ไม่ว่ามันจะอ่อนแอแค่ไหน ก็ยังมีอยู่บ้าง อีกอย่างค่ายกลรวบรวมวิญญาณก็สามารถรวบรวมพลังวิญญาณที่กระจัดกระจายเหล่านี้มาไว้ในที่เดียวได้ เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวล
หากไม่ได้ผล เขาก็สามารถวางหินวิญญาณไว้รอบๆ และดึงพลังวิญญาณจากหินวิญญาณมาหล่อเลี้ยงดินได้
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ฉู่เสวียนก็ได้สร้างดินแดนแห่งจิตวิญญาณเสร็จสิ้น
ดินแดนแห่งจิตวิญญาณนี้กว้างสี่สิบเมตรและยาวสามสิบเมตร เขาแบ่งมันออกเป็นหลายพื้นที่ เพื่อปลูกพืชวิญญาณต่างๆ ตามลำดับ อีกทั้งยังมีข้าวสีทองมีลักษณะคล้ายข้าว แต่รสชาติอร่อยกว่า
"ข้าวสีทองนั้นคล้ายกับข้าวสาลี แต่หากกินเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายมีความคล่องตัวมากขึ้น"
"... "
ฉู่เสวียนเลือกพืชวิญญาณในถุงเก็บของของเขาออกมา จากนั้นก็มอบให้กับศพหยินไป เพื่อช่วยกันหว่าน
ในตอนแรก ศพหยินนั้นค่อนข้างทำงานงุ่มง่าม แต่ภายใต้การกำกับควบคุมของเขา ในไม่ช้าพวกมันก็เชี่ยวชาญ
“ไม่เลว ไม่เลว” ฉู่เสวียนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนบนดาบ แล้วทะยานขึ้นไปบนดาดฟ้า
ราชาหมาป่าและหมาป่ายักษ์ทั้งสี่ถูกมัดไว้ในเวลานี้
หมาป่ายักษ์ทั้งสี่ยังไม่ตื่น แต่ราชาหมาป่าตื่นขึ้นมาแล้ว มันยังคงแสดงสายตาที่โหดร้ายออกมา ราวกับว่ามันต้องการกัดฉู่เสวียนเป็นพันครั้ง
ทว่าฉู่เสวียนก็ไม่ได้สนใจรูปลักษณ์นี้ของมันเลย เขาหยิบมีดออกมาแล้วกรีดลงไปบนร่างกายของราชาหมาป่า เริ่มจากข้อต่อแขนขา ตามด้วยท้อง แล้วก็หน้าผาก เนื้อและกระดูกของทั้งสามส่วนนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณที่แตกต่างกัน
ฉู่เสวียนยัดเมล็ดพันธ์ของใบบำรุงจิตวิญญาณและผลโลหิตเข้าไปในข้อต่อของแขนขาและหน้าท้องของราชาหมาป่าตามลำดับ
เพราะหน้าผากนั้นอยู่ใกล้กับสมองมากที่สุด เขาจึงโรยเมล็ดพันธ์ของดอกไม้กำเนิดวิญญาณลงไป
ดอกไม้กำเนิดวิญญาณเป็นส่วนประกอบหลักของน้ำอัมฤทธิ์โลหิตที่ช่วยให้เข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน ส่วนใบบำรุงจิตวิญญาณและผลไม้โลหิตก็เป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่หายาก ต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมากในการซื้อ หากว่ามีสมุนไพรวิญญาณพวกนี้อยู่ในมือ การกลั่นน้ำอัมฤทธิ์โลหิตที่ช่วยให้เข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
"เส้นทางการเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐานของข้าขึ้นอยู่กับเจ้า” ฉู่เสวียนตบหัวของราชาหมาป่าแล้วหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ
ราชาหมาป่ารู้สึกได้ทันทีว่าพลังของมันกำลังถูกพืชแปลก ๆ เหล่านั้นดูดซับไป แต่มันก็ไร้พลังที่จะต่อต้าน และทำได้เพียงเฝ้าดูพลังของตัวเองถูกดูดออกไปเท่านั้น
สำหรับหมาป่ายักษ์ตัวอื่นๆ ฉู่เสวียนก็ทำอย่างเดียวกัน เขาได้ปลูกสมุนไพรวิญญาณไว้บนร่างของพวกมัน เพราะถึงอย่างไรพวกมันก็เป็นเพียงสัตว์พิเศษระดับที่ 1 หลังจากที่ปลูกสมุนไพรวิญญาณสามอย่างนี้เสร็จ ฉู่เสวียรก็ไม่ได้ปลูกสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าใด ๆ อีกเลย
หลังจากนั้นฉู่เสวียนก็ได้ลงไปที่ชั้น 1 ของโรงแรมอีกครั้ง เพื่อสร้างโดมหมอกกันไม่ให้พลังวิญญาณในดินแดนแห่งจิตวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นเล็ดลอดออกไป
นี่คือค่ายกลง่ายๆระดับกลางที่ผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณสามารถทำได้
ขั้นตอนนั้นก็ง่ายๆ คือการสร้างหมอกปกคลุมด้านในและด้านนอก ซึ่งสามารถครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกลม โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 100 ฟุต
เมื่อแปลงเป็นหน่วยความยาวของดาวเคราะห์นี้แล้ว เส้นผ่านศูนย์กลางจะอยู่ที่ประมาณสามร้อยสามสิบเมตร
เป็นไปได้ที่จะครอบคลุมโรงแรมห่าวไท่ รวมทั้งบ้านพักอาศัยและร้านค้าบริเวณโดยรอบ
ผู้ที่เข้าไปในกลุ่มหมอกโดยไม่ได้ตั้งใจ จะถูกส่งกลับไปยังทางที่เข้ามา และจะไม่สามารถเข้าไปในโดมหมอกแห่งนี้ได้
อย่างที่สองคือสร้างค่ายกลรวบรวมวิญญาณชั่วร้าย....