บทที่ 30 ในที่สุดก็กล้าออกไปข้างนอกโดยไม่ต้องแต่งหน้า
บทที่ 30 ในที่สุดก็กล้าออกไปข้างนอกโดยไม่ต้องแต่งหน้า
อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญว่าเถ้าแก่จะอ่อนแอแค่ไหนในเวลานี้
สิ่งต่าง ๆ ที่เถ้าแก่นำมา ชัดแจ้งว่าเป็นสิ่งของจากโลกอื่น เธอสามารถทะลุผ่านช่องว่างมิติมายังโลกของพวกเขาได้ และยังมีโรงแรมเป็นสมบัติติดตัว นี่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอแล้ว
หากมีผู้ใดมาขัดขวางการฝึกฝนของเถ้าแก่ บีบบังคับให้เธอต้องยุติร่างมนุษย์ด้วยความโกรธ ผลที่ตามคงไม่ต่างจากหายนะ
หรือบางที ใครคนหนึ่งพลั้งเผลอทำให้เถ้าแก่ขุ่นเคือง จากนั้นทั้งโลกอาจจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติร้ายแรง
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ไป๋ฮ่าวเกออดไม่ได้ที่จะหนาวสั่นในจิตใจ
ไม่ว่าในกรณีใด ไม่เพียงห้ามไปขัดขวางการฝึกฝนของเถ้าแก่ แต่ยังควรพยายามอย่างเต็มที่ในการร่วมมือกับเธอ และอย่าปล่อยให้เธอต้องผิดหวังกับโลกนี้
เฟิงหยวนหนิงเดินผ่านไป๋ฮ่าวเกอพลางตอบกลับ “ไม่จำเป็นต้องแทนคุณ แค่อย่าสร้างปัญหาให้ข้าก็พอ”
เธอพยายามทำตัวให้ดูสงบ
แต่ความจริงแล้ว ในใจของเธอกำลังมีความสุขจนแทบตัวลอยขึ้นไปบนฟ้า
หลังจากชำระล้างร่างกายแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกมีกำลังวังชา เดินเหินคล่องแคล่ว อาการปวดหลังและเอวหายไปหมดสิ้น
สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดคือ รอยคล้ำใต้ตาที่อยู่กับเธอมาตลอดได้หายไปในที่สุด ผิวที่หมองคล้ำก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูอมแดง แม้แต่ผิวเด็กทารกก็ยังสู้ไม่ได้
เธอไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าอย่างพิถีพิถันอีกต่อไป ต่อให้ไม่แต่งหน้า เธอก็มีความกล้าที่จะออกไปข้างนอก
ไป๋ฮ่าวเกอรีบรับปากทันที “เถ้าแก่โปรดวางใจ ข้าจะพยายามขจัดปัญหาทุกอย่างให้ท่าน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาขัดขวางท่านได้”
“,,,” เฟิงหยวนหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วหยุดเดิน หันไปปฏิเสธความหวังดีของเขา “หาได้จำเป็นไม่ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขนั้นเป็นสิ่งสำคัญ คนอื่นจะยอมรับหรือไม่นั้นช่างปะไร ข้าเคารพในความต้องการของแต่ละคน และไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งใด ๆ”
ในฐานะผู้เดินทางข้ามมิติ แม้ว่าเธอไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ แต่ก็ไม่อยากให้มีการนองเลือดเกิดขึ้น และไม่อยากให้ผู้บริสุทธิ์คนใดต้องตายเพราะตัวเธอ
ไป๋ฮ่าวเกอชะงัก แล้วรู้สึกละอายใจ “เป็นความผิดของข้าเองที่คิดตื้นเขิน เป็นเหตุให้เถ้าแก่ต้องขบขัน”
เฟิงหยวนหนิงตอบว่า “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”
เหตุผลที่เธอไม่ใส่ใจ เพราะไม่มีใครมาคุกคามเธอได้
หากไม่สามารถรับประกันสภาพความเป็นอยู่และความปลอดภัยในชีวิตได้ เธอเองก็ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ในสถานการณ์แบบนั้น เธอคงไม่สามารถเมตตาคนอื่นมากนัก
เมื่อกลับมาที่ล็อบบี้ของโรงแรม พบว่าไม่มีใครอยู่ในล็อบบี้แล้ว ทุกคนต่างไปที่ร้านอาหารกันหมด
เฟิงหยวนหนิงเดินเข้าไปในร้านอาหาร เห็นพี่น้องฝาแฝดกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและแย่งกันกินอาหารอย่างดุเดือด บางครั้งพวกเขาเพียงจ้องหน้ากันและสบถคำด่าสั้น ๆ
“ของข้า!”
“เจ้าหมูอ้วน อย่าแย่ง!”
“เจ้าผีหิวโหย!”
“เจ้าช้าลงหน่อย!”
“อร่อยยิ่งนัก!”
ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทว่าตอนนี้กลับมากินทุกอย่างในร้านอาหาร ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
โต๊ะที่เหลือถูกคนจากหน่วยสืบสวนครอบครองหมดแล้ว เมื่อเทียบกับเมื่อวาน วันนี้มีคนจากหน่วยสืบสวนมาเยอะขึ้นเกือบยี่สิบคน
แต่ร้านอาหารมีโต๊ะทั้งหมดแค่ยี่สิบโต๊ะ ทำให้ลูกค้าบางคนต้องยืนทานอาหารข้างโต๊ะ
แม้จะเป็นเช่นนั้น ลูกค้าเหล่านี้ก็ไม่ได้ประท้วง แต่กลับเดินไปเดินมาด้วยความตื่นเต้น ยื่นตะเกียบแย่งอาหารกันอย่างมีความสุข
นอกจากลูกค้าที่กำลังทานอาหารแล้ว ยังมีลูกค้าแปลกหน้ามานั่งรอที่โซฟาในโซนพักผ่อนอีกด้วย
เฟิงหยวนหนิงมองดูความวุ่นวายนี้ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อวานตอนเช้า เธอกังวลว่าจะมีลูกค้าน้อยเกินไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าโรงแรมของเธอเล็กเกินไป จนรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว
สถานการณ์แบบนี้ช่างน่าอับอายจริง ๆ
แต่เธอไม่รู้จะขยายร้านอาหารได้อย่างไร เนื่องจากระบบยังไม่ได้มอบข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเกรด
บางทีอาจจะต้องรอให้โรงแรมอัปเกรดเป็นระดับสามก่อน ร้านอาหารเล็ก ๆ นี้จึงจะอัปเกรดได้กระมัง?
ในเวลานี้ ซิ่วเอ๋อร์ถือจานกุ้งมังกรน้ำจืดผัดซอสหมาล่าออกมา เธอวางจานลงบนโต๊ะของลูกค้า แล้วเดินมารายงานสถานการณ์ให้เฟิงหยวนหนิงทราบ
ซิ่วเอ๋อร์ชี้ไปทางพี่น้องฝาแฝดและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “นายหญิง แขกโต๊ะนั้นสั่งกุ้งมังกรน้ำจืดผัดซอสหมาล่า 5 ที่ วุ้นเย็นรสกุหลาบพันปี 2 ที่ และสเต็กเนื้อสันใน 2 ที่เจ้าค่ะ”
หลังจากรายงานเรื่องของพี่น้องฝาแฝดแล้ว เธอก็ชี้ไปทางเคอปิงหลิงและคนจากหน่วยสืบสวน “นอกเหนือจากอาหารที่สั่งก่อนหน้านี้ พวกเขายังสั่งวุ้นเย็นรสกุหลาบพันปีเพิ่มอีก 19 ที่ สเต๊กเนื้อสันใน 10 ที่ ปลาต้มพริก 5 ที่ และกุ้งมังกรน้ำจืดผัดซอสหมาล่า 12 ที่เจ้าค่ะ”
เฟิงหยวนหนิง “…” คนพวกนี้กินเก่งจริง ๆ
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เมื่อวานและวันนี้ เธอพบว่ากุ้งมังกรน้ำจืดผัดซอสหมาล่าและสเต๊กเนื้อสันในได้รับความนิยมเป็นพิเศษในหมู่ลูกค้า
ส่วนปลาต้มพริก อาจเป็นเพราะเคอปิงหลิงเห็นแก่เธอ จึงสั่งเยอะขนาดนี้ในคราวเดียว?
ซิ่วเอ๋อร์รายงานต่อ “นายหญิง ลูกค้าที่รออยู่ในโซนพักผ่อนยังไม่ได้สั่งอาหาร และในช่วงที่ท่านไม่อยู่ มีลูกค้าบางส่วนกลับไปเพราะไม่มีที่นั่ง”
มีลูกค้าเข้ามาแล้วกลับไปด้วยเหรอ? เฟิงหยวนหนิงรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย เนื่องจากร้านอาหารมีขนาดเล็กเกินไป “เจ้ากลับไปทำอาหารก่อน เร่งมือหน่อยนะ”
“เจ้าค่ะนายหญิง” ซิ่วเอ๋อร์หันหลังเดินกลับไปที่ห้องครัว
เมื่อส่งซิ่วเอ๋อร์กลับไป เฟิงหยวนหนิงก็เริ่มเก็บเงินจากลูกค้าไปด้วย พลางครุ่นคิดไปด้วย
ร้านอาหารเล็กเกินไปกลายเป็นปัญหาใหญ่ ซิ่วเอ๋อร์ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบ จึงไม่สามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้ นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
แต่ในฐานะคนธรรมดา เธอไม่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง และต้องการนอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
หากเป็นเช่นนี้ ยามที่เธอไม่อยู่ คงจะสูญเสียลูกค้าไปมากมาย
เฟิงหยวนหนิงถามระบบในใจว่า “ระบบ สามารถให้ซิ่วเอ๋อร์เข้าถึงระบบเพื่อเก็บเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้ หุ่นเชิดไม่ใช่ร่างกายที่มีชีวิต ไม่มีจิตสำนึกและวิญญาณ จึงไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบได้”
“แล้วจะแก้ปัญหาการเก็บเงินยังไง? ฉันไม่สามารถเป็นแคชเชียร์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรอกนะ” ระบบการทำงานหนักแบบไม่มีวันหยุดสามารถฆ่าคนได้เลย
“โฮสต์โปรดสำรวจด้วยตัวเอง”
เฟิงหยวนหนิง “…”
ก็ได้ ในเมื่อยังแก้ปัญหาไม่ได้ เพื่อไม่ให้ตัวเองตายก่อนวัยอันควร ก็ต้องรับลูกค้าให้น้อยลงหน่อยแล้ว
เธอพบว่านักรบจากต่างโลกเหล่านี้เป็นเหมือนปีศาจ พลังงานเยอะ นอนดึกกว่าสุนัข และตื่นเช้ากว่าไก่ พวกเขาสามารถฝึกฝนจนดึกดื่นถึงตีสาม ทว่าก็ยังเริ่มทำกิจกรรมตั้งแต่เช้าตรู่
แข่งนอนดึกกับคนพวกนี้ เธอสู้ไม่ได้แน่ ๆ
เมื่อคืนตอนที่เธอนอน นักรบเหล่านั้นยังคงอยู่ที่ลานบ้าน เธอจึงสั่งให้ซิ่วเอ๋อร์อยู่เฝ้าประตูในเวลากลางคืนโดยไม่ปิดโรงแรม จากนั้นเธอก็เข้านอน
เนื่องจากมีคนเฝ้าระวังให้ เธอจึงวางใจที่จะเปิดโรงแรมไว้ เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะมีคนโง่เขลาย่องเข้ามาขโมยของกลางดึกหรือไม่
เฟิงหยวนหนิงเก็บเงินจากเคอปิงหลิงและพี่น้องฝาแฝดเสร็จแล้ว
ขณะที่เธอกำลังจะหันไปช่วยในห้องครัว ไป๋ฮ่าวเกอรั้งเธอไว้ก่อน “เถ้าแก่ขอรับ ตอนนี้ยังสั่งอาหารได้หรือไม่? ข้าจะไม่ทานที่นี่ ขอให้ส่งไปยังห้องชั้นบนแทน”
บัณฑิตหนุ่มชุดขาวที่ตามเข้ามารีบพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่ขอรับ ข้าขอสั่งด้วย และจะขึ้นไปทานชั้นบน”
เฟิงหยวนหนิงรีบตอบกลับ “โอ้ ได้สิ พวกท่านต้องการสั่งเมนูใด? สั่งทีละคน ไม่ต้องรีบร้อน”
ดูเหมือนว่าวันนี้จะยุ่งจนหัวหมุนอีกแล้ว
จำนวนลูกค้าในร้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภารกิจปลดล็อกลานบ้าน เธอไม่รีบร้อนในขณะนี้ แน่นอนว่าการฝืนบุกทะลวงขอบเขตไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ นี่เป็นภารกิจระยะยาวที่ต้องรอผลลัพธ์
…
ในลานบ้านธีมน้ำพุน้ำแข็งและน้ำพุร้อน ณ ห้องหนึ่งในโซนน้ำพุน้ำแข็ง
หญิงสาวนั่งขัดสมาธิอยู่ในบ่อน้ำพุน้ำแข็ง ตอนนี้เธอได้ละทิ้งวิชาที่เคยฝึกฝน และกำลังฝึกวิชาใหม่
เธอเป็นนักฆ่าขององค์กรลับ “ไม่หวนคืน” ทักษะที่เธอฝึกฝนแต่เดิมนั้นเป็นทักษะภายในองค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมันจะเผาผลาญและบีบศักยภาพของผู้คน ทำให้ประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น
ทว่าผลเสียคือรากฐานจะเสียหาย และยากที่จะก้าวหน้าได้หลังจากศักยภาพหมดลง แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์สูง หากได้ฝึกวิชานี้ตลอดทั้งชีวิต ก็ไม่มีทางทะลวงขอบเขตไปได้
แต่ไม่นึกว่าหลังจากแช่น้ำพุร้อนครั้งหนึ่ง ไม่เพียงจะชำระล้างพิษในร่างกาย แต่รากฐานที่เสียหายก็ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์
นี่มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างไม่คาดคิด
เมื่อเป็นเช่นนี้ วิชาเดิมที่เคยฝึกฝนก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เผอิญว่าเธอเก็บตำราฝึกวิชาอื่น ๆ ไว้บ้าง จึงเลือกวิชาพื้นฐานมาฝึกใหม่ทันที
เข้ามาครั้งหนึ่งต้องเสียเงิน 500 เฉียน สองครั้งก็ 1 ตำลึง เธอไม่อยากเสียโอกาสในการฝึกฝนในน้ำพุน้ำแข็งวันนี้
เธอวางแผนจะหนีจากองค์กรนักฆ่า “ไม่หวนคืน” และอีกไม่นานผู้นำองค์กรจะต้องส่งคนมาจัดการกับเธอในฐานะคนทรยศ เมื่อถึงตอนนั้น เธอคงหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่ที่โรงแรมนี้นานขึ้นเพื่อฝึกฝน ตราบใดที่เธอยังอยู่ในโรงแรมนี้ เธอก็มีความหวังที่จะชักชวนนักฆ่าคนอื่น ๆ ให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกับเธอ
และเมื่อถึงเวลานั้น เธอจะชักชวนพวกเขาเข้ามาใช้บริการของโรงแรม และหลังจากพวกเขาได้ลองแช่น้ำพุร้อน พวกเขาอาจจะอยากแปรพักตร์เช่นเดียวกัน
และเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้อยู่ที่โรงแรมนี้นานขึ้น เธอจึงคงต้องประหยัดเงินเท่าที่จะทำได้
หญิงสาวมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การฝึกฝน ท้ายที่สุดมันเป็นการปูพื้นฐานใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เธอก็ทะลวงขั้นมานะสร้างสองชั้น และกำลังก้าวไปสู่สามชั้นอย่างต่อเนื่อง
…
ภายในลานบ้านธีมสวนน้ำพุ
ด้านในป่ากระสอบทราย หลิงจิ่งกำลังต่อสู้กับกระสอบทรายอย่างดุเดือด
ซ่งอวี้หลวนนั่งรออยู่ม้าหินอ่อนบริเวณใกล้เคียง หลังทานช็อกโกแลตหมด เธอจึงลุกขึ้นยืนพร้อมยืดเหยียดร่างกาย “ศิษย์พี่ชาย ท่านฝึกฝนต่อเถิด ข้าจะออกไปดูสักหน่อยว่าเถ้าแก่ลงมาหรือยัง”
“ข้าไปด้วย!” กัวอี้ถังที่กำลังนั่งพักอยู่ใกล้ ๆ โพล่งขึ้น
เขากำลังกินมันฝรั่งทอดกรอบ พร้อมดื่มโค้กเย็นชื่นใจ “อึก ๆ ๆ” หลังจากนั้นเขาก็ทุบอกเรอเอิ้กออกมาอย่างมีความสุข
เมื่อวานนี้ เขาเกือบจะถูกพ่อลากตัวกลับไป แต่โชคดีที่รอดมาได้
หลังจากอยู่ในโรงแรมนี้หนึ่งคืน เขาพลันรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้จองห้องพักให้นานกว่านี้
เมื่อนึกถึงสภาพแวดล้อมที่ต้องกลับไป ห้องน้ำที่เต็มไปด้วยหนอนแมลงวัน ห้องที่มืดและอับชื้น เพียงแค่คิดก็รู้สึกอึดอัดแล้ว
เขาตั้งใจจะต่ออายุห้องพักเพิ่มในระหว่างที่พ่อไม่อยู่
ซ่งอวี้หลวนเบ้ปากใส่พร้อมพึมพำเบา ๆ “อยู่สบายแล้วไม่รู้จักพอ” ช่างเหมือนกับตัวเธอในอดีต
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าตนเองเก่งกาจ และไม่จำเป็นต้องฝึกวิชาหนักหน่วง แต่เมื่อกลายเป็นคนพิการ จึงสำนึกได้ว่ามันสำคัญเพียงใด
กัวอี้ถังมีโอกาสฝึกฝน แต่กลับไม่รู้จักใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ ฝึกเพียงครู่เดียวก็มานั่งพักสบายใจ รู้บ้างไหมว่าเธอคนนี้ซึ่งเป็นคนพิการต้องรู้สึกอิจฉาเหล่าคนที่มีโอกาสฝึกฝนแค่ไหน?
ฐานพลังของศิษย์พี่ชายดีขึ้นมาก แม้จะไม่ยอมกินบะหมี่รสไก่เผ็ด แต่ก็ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งไม่เว้นวัน ซึ่งค่อนข้างน่าพอใจแล้ว
หลิงจิ่งเหลือบมองมาทางนี้ แล้วคว้าโอกาสกระโดดออกจากป่ากระสอบทราย “เช่นนั้นข้าไปด้วย”
เขาเช็ดเหงื่อไคลออกจากใบหน้า แล้วเดินตามซ่งอวี้หลวนอย่างรวดเร็ว
ไม่นานทั้งสามคนก็เดินออกจากลานบ้าน
เมื่อผลักประตูกระจกเข้าไป เห็นว่าภายในล็อบบี้ไม่มีลูกค้าเลย แต่ในร้านอาหารกลับคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
ปัดโธ่ มาช้าเกินไป! ซ่งอวี้หลวนร้อนใจ รีบเดินเข้าไปในร้านอาหาร “เถ้าแก่…”
เฟิงหยวนหนิงเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าเสร็จพอดี และกำลังจะหันกลับไปที่ห้องครัว แต่เมื่อเห็นซ่งอวี้หลวน จึงหยุดฝีเท้าทันที “ท่านต้องการฟื้นฟูเส้นลมปราณใช่หรือไม่? ลองไปแช่น้ำพุร้อนดูสิ มันอาจจะได้ผล”
“น้ำพุร้อน? น้ำพุร้อนอะไรหรือเจ้าคะ? มันอยู่ที่ใด?” ซ่งอวี้หลวนเบิกตากว้างขึ้นทันที
“มันอยู่ที่ลานบ้าน ท่านไปดูที่เครื่องจำหน่ายตั๋วก็จะทราบเอง” เฟิงหยวนหนิงชี้แจงแล้วรีบเข้าห้องครัวไป
ซ่งอวี้หลวนตกใจ
ลานบ้าน? เธอเพิ่งออกมาจากลานบ้านเอง ตลอดทางก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แล้วน้ำพุร้อนอยู่ตรงไหน?
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตราบใดที่ยังมีความหวังอันริบหรี่ เธอก็อยากลองดู
ซ่งอวี้หลวนหันหลังกลับและออกจากร้านอาหาร ก่อนวิ่งตรงไปทางประตูกระจกที่เชื่อมไปยังลานบ้านในทันที