40 - เตาเหล็ก
40 - เตาเหล็ก
หลังจากนั้น ฉินโม่ก็เริ่มอธิบายว่าความร่วมมือใน "สหกรณ์หมู่บ้านตระกูลฉิน" ว่ามันมีวิธีการทำงานอย่างไร และทุกคนต่างเกาหัวด้วยความงุนงง
"ตอนนี้ในเมืองหลวงขาดแคลนผักมาก เราจะปลูกผัก รับรองว่าได้เงินมหาศาลแน่นอน!" ฉินโม่กล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
แต่ทุกคนในที่นั้นกลับนิ่งงันไป
เสี่ยวหลิวเกือบจะร้องไห้และกระซิบบอก "คุณชาย ขณะนี้เป็นฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก ไม่มีผักอะไรที่จะปลูกได้เลยนะ!"
"เจ้าจะรู้อะไร!"
ฉินโม่เตะเสี่ยวหลิวออกไปด้านข้าง แล้วหันไปมองคนอื่นๆ แน่นอนว่าสีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย "เอาเถอะ ฟังข้าไว้ รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่นอน!"
เขาเบื่อที่จะอธิบาย เพราะคิดว่าการให้เห็นผลลัพธ์จะดีกว่าการอธิบายมาก
"ลุงหลิวเกิน!"
"ข้าอยู่ที่นี่ คุณชาย!"
หยางหลิวเกินรีบแสดงความเคารพ ในอดีตทุกครั้งที่เขาแสดงความเคารพต่อฉินโม่ ส่วนใหญ่ก็เพราะเห็นแก่หน้าฉินเซียงหรู
แต่ตอนนี้ การเคารพนั้นเกิดจากตัวฉินโม่เอง ไม่ใช่เพราะสถานะของเขาเพียงอย่างเดียว แต่เพราะความกล้าหาญและความเป็นผู้นำที่ชัดเจน
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ฉินโม่ปฏิบัติต่อคนในหมู่บ้านตระกูลฉินเสมือนเป็นพี่น้อง ไม่ใช่เป็นคนรับใช้
"ในที่สุดคุณชายก็เติบโตแล้ว!" หยางหลิวเกินคิดในใจ
"สร้างเตาเหล็กให้เร็วที่สุด ข้ามีแผนใหญ่สุดในฤดูหนาวนี้ ข้าจะทำให้หมู่บ้านตระกูลฉินกลายเป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดในต้าเฉียน!"
"ได้เลย!"
แม้ว่าคำกล่าวของเขาจะดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไร แต่ความมุ่งมั่นของฉินโม่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกมีแรงกระตือรือร้นขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าทุกคนให้ความร่วมมือ ฉินโม่รู้สึกพอใจมาก
ความพึงพอใจนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อฉินเซียงหรูมาถึง ฉินโม่วิ่งหนีพลางตะโกนด้วยความโมโห "ท่านพ่อถ้าท่านยังทำแบบนี้อีก ข้าไม่ยอมรับเจ้าเป็นพ่ออีกแล้ว!"
"หยุด! ถ้าไม่หยุด ข้าจะหักขาเจ้า!"
ฉินเซียงหรูโกรธมาก เขาเคยคิดว่าฉินโม่เปลี่ยนไปแล้ว แต่กลับพบว่าฉินโม่ไม่ได้ไปที่สำนักกว๋อจือเจี้ยน แต่ออกไปเร่ร่อนแทน
ยิ่งกว่านั้นยังมาสร้างความวุ่นวายที่หมู่บ้านตระกูลฉินอีกด้วย
"นายท่าน ใจเย็นๆ ก่อน!"
หยางหลิวเกินกับหูซานจินรีบเข้ามาขวางฉินเซียงหรู
"หลิวเกิน ซานจิน ลูกชายข้าได้สร้างความวุ่นวายให้พวกเจ้ามากมายจริงๆ"
"นายท่าน ไม่ใช่คุณชายที่สร้างปัญหาให้พวกเรา แต่เราเองต่างหากที่ทำให้คุณชายลำบาก"
"อย่าเข้าข้างเจ้าคนโง่นั่น ข้าไม่รู้จักนิสัยลูกข้าได้อย่างไร?"
"ไม่ใช่เช่นนั้น นายท่าน ท่านฟังข้าก่อน"
หลังจากหยางหลิวเกินเล่าเรื่องทั้งหมด ฉินเซียงหรูตกตะลึง "ซานจิน เจ้าไม่โกหกใช่ไหม บอกข้ามาว่าหลิวเกินกล่าวความจริงหรือไม่!"
"นายท่าน หลิวเกินไม่ได้โกหกนายท่านเลย คุณชายของเราเติบโตขึ้นจริงๆ!"
หูซานจินกล่าวด้วยความประทับใจ "กล่าวได้ว่าเถี่ยจูโชคดีที่มีคุณชายอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นคงตายไปแล้ว!"
ฉินเซียงหรูดึงเคราตัวเองอย่างแรงจนเจ็บ "ดีจริงๆ ลูกข้าไม่เลวเลย นี่จึงเป็นบุตรของตระกูลฉินอย่างแท้จริง!"
ฉินเซียงหรูมีท่าทีดุร้ายขึ้นมาอีกครั้ง "โหวเกิงเหนียน มันกล้านำทหารบุกมาที่หมู่บ้านตระกูลฉิน ข้าจะต้องให้มันต้องชดใช้!"
แน่นอนว่าการดำรงอยู่ของฉินโม่ไม่ได้ทำให้โหวเกิงเหนียนเกิดความลังเลที่จะทำลายหมู่บ้านตระกูลฉิน แต่เป็นเพราะหยางหลิวเกินและเหล่าทหารเก่าล้วนเป็นนักรบที่เคยต่อสู้มาอย่างโชกโชน แม้จะผ่านไปกว่าสิบปีแล้ว แต่ความกล้าหาญที่ฝังอยู่ในกระดูกก็ไม่มีทหารของเมืองหลวงคนใดจะเทียบเทียมได้
จากนั้นฉินเซียงหรูก็มองฉินโม่ด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง "เจ้าเด็กโง่ มาหาพ่อก่อนะ!"
"ท่านโยนแส้ทิ้งก่อน!"
ฉินเซียงหรูโยนแส้ไปไกลๆ ฉินโม่ถึงค่อยถอนหายใจโล่งอกและเดินเข้ามาหา
ฉินเซียงหรูตบไหล่เขาอย่างแรง "ไม่เสียทีที่เป็นบุตรชายตระกูลฉิน จำไว้ หากใครกล้ามารังแกคนในหมู่บ้านตระกูลฉินอีก เจ้าก็ฆ่ามันได้เลย ต่อให้ท้องฟ้าถล่มลงมาก็ยังมีข้าเป็นคนแบกรับไว้!"
ฉินโม่พยักหน้าอย่างหนักแน่น "แล้วข้าจะสามารถกำนัลให้เจ้าลูกลิงหนึ่งดาบได้ไหม?"
"ไม่ได้!"
ฉินเซียงหรูกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ "เจ้าปล่อยพวกเขาไปแล้ว จะลงมือซ้ำอีกครั้งได้อย่างไร!"
แน่นอนว่าฉินโม่เข้าใจเรื่องนี้ดี
การทุบตีโหวหยงไม่นับเป็นอย่างไรได้ แต่หากเขาฆ่าบุตรชายของลู่กว๋อกงจริงๆ ฮ่องเต้ย่อมไม่เข้าข้างฉินโม่แน่นอน
ฉินโม่เพียงต้องการทำตัวให้ตัวเองดูเหมือนเป็นคนโง่เท่านั้น
"แค่คุยโม้โอ้อวดไปวันๆ ไม่กล้าทำอะไร!" ฉินโม่กล่าวด้วยท่าทางเหยียดหยาม
ฉินเซียงหรูโกรธจนเหนวดคราฟู่ฟ่อง เขาเคยคิดว่าฉินโม่เริ่มเข้าใจโลกแล้ว แต่ดูเหมือนว่าบุตรชายของเขาจะยังคงโง่เหมือนเดิม
"นายท่าน เงินที่คุณชายให้พวกเรา..."
"ก็ทำตามที่ลูกข้าบอก จะได้หรือเสียก็ถือว่าเป็นค่าเรียนรู้ไป!"
"ท่านพ่อขี้เหนียวของข้า สุดท้ายท่านก็ยอมใจอ่อนสักที!"
ฉินโม่รู้สึกแปลกใจ ในอดีตบิดาของเขาให้เงินใช้เพียงสิบตำลึงต่อเดือน แต่ตอนนี้เงินจำนวนหมื่นกว่าตำลึงนี้ บิดาของเขากลับไม่โวยวายอะไรเลย
ฉินเซียงหรูตบหัวฉินโม่เบาๆ "เจ้าโง่ ข้ามีเจ้าเป็นบุตรเพียงคนเดียว เมื่อข้าตายไป ทุกอย่างก็เป็นของเจ้า ข้าที่ประหยัดกับเจ้าก็เพราะกลัวว่าเจ้าล้างผลาญวงศ์ตระกูลจนสิ้นเนื้อประดาตัว!"
ฉินโม่เกาศีรษะ "ถ้าข้าจะไปทำธุรกิจเอง ท่านก็ไม่โกรธข้าใช่ไหม?"
"ทำไมต้องโกรธ?"
ฉินเซียงหรูมองโลกในแง่ดี "ทำธุรกิจดีกว่าไปทะเลาะวิวาท อย่างหนึ่งคือการเอาเงินออกไปอีกอย่างคือหาเงินเข้ามา มันมีข้อแตกต่างกันอยู่!"
เมื่อฉินเซียงหรูได้ยินว่าบุตรชายของเขากำลังวางแผนธุรกิจเขาก็อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง
ฉินโม่ประหลาดใจ "แล้วท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ตระกูลฉินเสื่อมเสียหรือ?"
"ใครจะมาถือสาคนโง่อย่างเจ้า"
ฉินโม่หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะออกมาอย่างโง่เขลา จริงอย่างที่พ่อกล่าว ใครจะมาถือสาเจ้าโง่อย่างเขา?
คืนนั้น ฉินเซียงหรูและฉินโม่พักค้างที่หมู่บ้านตระกูลฉิน
เช้าวันถัดมา เถี่ยจูยังมีไข้ แต่โชคดีที่เขายังมีชีวิตอยู่ โสมที่ซื้อมาช่วยยื้อชีวิตเขาไว้ หากเขาสามารถฝืนตัวเองผ่านช่วงนี้ไปได้ เขาก็จะรอดชีวิตอย่างแน่นอน
ฉินเซียงหรูไม่เร่งรีบให้ฉินโม่ไปที่สำนักกว๋อจือเจี้ยนอีกแล้ว
ไปที่นั่นก็มีแต่สร้างปัญหาทุกวัน
สู้ให้อยู่ที่บ้านดีกว่า ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก แต่ตราบใดที่ฉินโม่มีชีวิตที่มีความสุข มีลูกหลานให้ตระกูลฉินสักเจ็ดหรือแปดคน ในฐานะบิดาแค่นี้เขาก็ตายตาหลับแล้ว
“เจ้าโง่ เจ้าแน่ใจว่าจะไม่กลับเมืองพร้อมพ่อ?”
“ไม่ไปหรอก ท่านมีแต่หลอกลวง ก่อนหน้านี้ก็บอกว่าจะหาสาวใช้มาให้ข้า แม้แต่เส้นผมสักเส้นของพวกนางข้าก็ยังไม่ได้เห็น!” ฉินโม่บ่นอย่างไม่พอใจ "ไปๆ รีบไปให้พ้น ข้ารำคาญ!"
ฉินเซียงหรูรู้สึกผิด จึงไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาเพียงส่งสัญญาณให้หยางหลิวเกินดูแลฉินโม่อย่างดี จากนั้นก็ควบม้าจากไป
ทันทีที่ฉินเซียงหรูจากไป ฉินโม่ก็รู้สึกเป็นอิสระอีกครั้ง
เมื่อเขามองดูอุปกรณ์ต่างๆที่ทยอยส่งมอบเข้ามา ซึ่งแต่ละชิ้นเป็นของที่เขาเคยเห็นในโลกเก่า มันทำให้เขารู้สึตื่นเต้นอย่างมาก
เก้าอี้ไท่ซือ เก้าอี้โยก และโซฟาบุหนัง
ช่างน่าคิดถึงจริงๆ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเตาเหล็กถูกสร้างขึ้นสำเร็จแล้ว
ฉินโม่ดีใจจนร้องออกมา "ฮ่าๆ ดีมาก ดีมากจริงๆ ตอนนี้เราสามารถปลูกผักในฤดูหนาวได้แล้ว!"
…………