39 - สหกรณ์หมู่บ้านตระกูลฉิน
39 - สหกรณ์หมู่บ้านตระกูลฉิน
เหตุการณ์นี้ แน่นอนว่าโหวหยงเป็นฝ่ายผิด หากเรื่องไปถึงวังเกรงว่าฮ่องเต้คงไม่มีทางเข้าข้างตระกูลโหว
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าโง่ฉินยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้และฮองเฮา โหวหยงจะต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
หากเรื่องราวบานปลายและฉินเซียงหรูออกหน้าด้วยตัวเองมันจะกลายเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ของตระกูลโหวทันที
เขารู้สึกอึดอัดใจมาก
ที่สำคัญที่สุด โหวหยงยังอยู่ในมือของเจ้าโง่ฉิน
ฉินโม่ขึ้นชื่อเรื่องคุ้มดีคุ้มร้าย หากเฉินโม่คลุ้มคลั่งและฆ่าโหวหยงขึ้นมา เขาจะทำอย่างไร?
แม้ว่าเขาจะฆ่าฉินเซียงหรู มันก็ไม่สามารถชดเชยอะไรได้
เขาจึงต้องกล้ำกลืนความโกรธไว้
"จวิ้นจู่และโหวหยงต้องจ่ายค่าตัวคนละหมื่นตำลึง รวมทั้งบ่าวทาสสิบ และคนที่หลบหนีไปด้วย คิดรวมเป็นสองหมื่นสองพันตำลึงเท่านั้น!" หยางหลิวเกินกล่าวพร้อมกับคำนับ
"แค่หมื่นตำลึงเท่านั้น มากกว่านี้ไม่มี!"
โหวเกิงเหนียนหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า "ถ้าไม่ยอมก็ฆ่าลูกของข้าได้เลย ให้ดีที่สุด ฆ่าชิงเหอจวิ้นจู่ด้วย ข้าอยากจะดูว่าฉินเซียงหรูจะช่วยเจ้าลูกโง่ของเขาได้ไหม!"
หยางหลิวเกินเรียกให้คนไปแจ้งเรื่องนี้ ไม่นาน คนที่ไปก็กลับมาและรายงานต่อโหวเกิงเหนียนว่า "ลู่กว๋อกง คุณชายของข้าบอกว่าไม่ต้องการเงินแล้ว แต่จะใช้วิธี 'ตาต่อตาฟันต่อฟัน' แทน คุณชายของข้าจะยิงลูกเกาทัณฑ์ไปที่กว๋อกงน้อยหนึ่งดอก ถ้าเขารอดชีวิตได้ก็นับว่าช่วยเหลือท่านกว๋อกงประหยัดเงินไปสองหมื่นตำลึง!"
โหวเกิงเหนียนโกรธจนตัวสั่น ตระกูลโหวของเขาขาดเงินหรือ?
ในเมืองหลวงนี้ไม่มีขุนนางคนใดขาดแคลนเงินทอง
แต่ตอนนี้คลังหลวงว่างเปล่า ตระกูลต่างๆ พยายามเก็บตัวเงียบไม่กล้าอวดโอ่ความร่ำรวย
หากเขานำเงินกว่าสองหมื่นตำลึงออกมา ไม่เท่ากับป่าวประกาศต่อหน้าฮ่องเต้ว่า ตระกูลโหวเป็นขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือ?
"ลู่กว๋อกง คุณชายของข้าบอกว่า หากท่านไม่อยากให้บุตรชายของท่านบาดเจ็บ ท่านต้องนำเงินสองหมื่นสองพันตำลึงมาภายในครึ่งชั่วยาม หากเกินเวลาไปท่านต้องจ่ายเพิ่มเป็นสามหมื่นตำลึง!"
โหวเกิงเหนียนโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม "กลับไป เอาเงินมาให้เร็วที่สุด!"
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม คนของตระกูลโหวก็นำเงินมาให้ "ปล่อยลูกข้าได้แล้ว!"
หยางหลิวเกินให้คนตรวจสอบเงิน เมื่อแน่ใจว่าไม่ขาด จึงให้คนไปแจ้ง ไม่นานโหวหยงที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและชิงเหอจวิ้นจู่ก็ถูกพาตัวออกมา
"ท่านพ่อ!"
เมื่อเห็นโหวเกิงเหนียน โหวหยงก็ตาแดงด้วยความตื้นตัน
โหวเกิงเหนียนเห็นลูกชายที่ถูกตีจนหน้าตาแทบจำไม่ได้ ความโกรธปะทุขึ้นมา แต่ความโกรธยังเทียบไม่ได้กับความอับอายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
เขาลงจากม้าแล้วทุบตีโหวหยงด้วยความโกรธแค้น "เจ้าโง่ ใครให้เจ้าพาชิงเหอจวิ้นจู่ไปล่าสัตว์ ตอนนี้เป็นฤดูหนาวสัตว์ป่าในภูเขาหิวโซ ถ้าจวิ้นจู่เป็นอะไรขึ้นมาต่อให้เจ้ามีสิบหัวก็ไม่พอตัด?"
พูดจบเขาก็ค้อมตัวแสดงความเคารพต่อชิงเหอจวิ้นจู่และคำนับ "จวิ้นจู่ได้รับความลำบากแล้ว!"
ชิงเหอจวิ้นจู่เพียงแต่ยิ้มบางๆ "ขอบคุณลู่กว๋อกงที่มาช่วยข้า ท่านพ่อข้ามาหรือไม่?"
"ที่นี่ไม่ใช่สถานที่เหมาะสม รีบออกไปก่อนเถอะ!" โหวเกิงเหนียนกลัวที่สุดว่าถ้าฮ่องเต้รู้ว่าโหวหยงพาหลานสาวของเขาออกไปเที่ยวล่าสัตว์ เกรงว่าโหวหยงจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน”
ชิงเหอจวิ้นจู่ตั้งใจจะให้โหวเกิงเหนียนสั่งสอนเจ้าโง่ฉิน แต่คิดไปคิดมา ถ้าทำแบบนั้น เรื่องที่นางถูกเจ้าโง่ฉินลวนลามก็คงถูกเปิดเผยไปด้วย
นางจึงเก็บความโกรธไว้ในใจ และเลือกที่จะออกจากที่นี่ก่อน
โหวหยงที่หน้ามืดด้วยความอับอายก็ขึ้นม้าตามไปด้านหลังสุด วันนี้เป็นวันที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตของเขา
หลังจากออกจากหมู่บ้านตระกูลฉิน โหวเกิงเหนียนก็สั่งให้คนพาชิงเหอจวิ้นจู่ไปส่งก่อน
จากนั้นจึงบังคับให้โหวหยงคุกเข่าลง "เจ้าลูกอกตัญญู ใครให้เจ้าไปยุ่งกับชิงเหอจวิ้นจู่?"
"ท่านพ่อ ข้า..."
"ใครๆ ก็อยากเป็นราชบุตรเขย แต่เจ้ากลับอยากเป็นแค่คนธรรมดา? ฉีอ๋องแม้จะเป็นอนุชาของฝ่าบาทแต่ไม่ได้มีอำนาจอะไร เจ้าลืมที่พ่อเคยสอนเจ้าไปแล้วหรือ?"
โหวหยงก้มหน้าลงด้วยความไม่พอใจ "ท่านพ่อ ข้าไม่อยากแต่งงานกับองค์หญิงหย่งเหอจริงๆ!"
"ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะเลือกได้!"
โหวเกิงเหนียนตะโกนด้วยความโกรธ "ชีวิตของเจ้าไม่คิดจะมีความก้าวหน้าอะไรบ้างหรือ!"
โหวหยงกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ "ท่านพ่อ แต่องค์หญิงหย่งเหอเป็นแม่หม้าย แถมยังเป็นคนที่ทำให้ไฉ่จิ้นตาย ท่านไม่กลัวหรือว่านางจะทำให้ข้าตายตามไปด้วย?"
โหวเกิงเหนียนโกรธจนตัวสั่น "หุบปาก! พ่อได้ให้คนมาดวงชะตามาแล้ว นางไม่ใช่คนที่ทำให้เจ้าตาย แต่กลับจะช่วยให้เจ้าก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เจ้าอยากแต่งหรือไม่ก็ต้องแต่ง ข้าจะขอพระกรุณาจากฝ่าบาททันทีที่องค์หญิงหย่งเหอพ้นกำหนดไว้ทุกข์!"
แม้หลี่อวี้หลานจะเป็นหม้าย แต่ก็เป็นองค์หญิงที่ฮ่องเต้โปรดปราน หลังจากการเสียชีวิตของไฉ่จิ้น ตระกูลไฉ่ได้แสดงเจตจำนงแล้วว่าปรารถนาที่จะให้องค์หญิงสมรสใหม่
ฮ่องเต้ก็ทรงมีความคิดเรื่องนี้อยู่แล้ว
แต่หลี่อวี้หลานได้ขอไว้ทุกข์ให้สามีเป็นเวลาสามปี
ตอนนี้เวลาสามปีนั้นกำลังจะหมดลง และเมื่อถึงเวลานั้น หลี่อวี้หลานจะเป็นอิสระ
อย่างไรก็ตามคนทั่วไปไม่กล้าแต่งงานกับนาง บ้างกลัวว่านางจะทำให้สามีตาย บ้างก็กลัวว่าจะมีปัญหากับตระกูลไฉ่
แต่โหวเกิงเหนียนมองว่า นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการช่วยฮ่องเต้แก้ปัญหา หากโหวหยงได้แต่งงานกับองค์หญิงหย่งเหอจะทำให้ตระกูลโหวเป็นที่โปรดปรานมากขึ้นอย่างแน่นอน
ในเมื่อเจ้าโง่ฉินยังสามารถผลักดันตัวเองให้กลายเป็นดาวที่เจิดจรัสมากที่สุดของเมืองหลวง ทำไมโหวหยงจะทำไม่ได้?
"ท่านพ่อ!"
โหวหยงพยายามจะกล่าวอะไรอีก แต่สิ่งที่ที่เขาพบเจอกลับเป็นเพียงเสียงสะบัดแขนเสื้อของบิดา!
เขารู้ดีว่าเขาอาจต้องแต่งงานกับแม่หม้ายจริงๆ แล้ว
โหวหยง ลูกชายของลู่กว๋อกง จะต้องแต่งงานกับแม่หม้ายเช่นนี้ ในอนาคตเขายังจะมีหน้ามีตาเหลืออีกหรือ?
ในขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านตระกูลฉิน
ฉินโม่กำลังแจกจ่ายเงิน
เขาหยิบเงินสามพันตำลึงส่งให้ภรรยาของเถี่ยจู "รีบไปซื้อโสมให้ได้มากที่สุด ยิ่งเก่ายิ่งดี ช่วยชีวิตคนเหมือนดับไฟ ไม่ต้องกลัวว่าจะสิ้นเปลืองขอแค่ให้เขารอดชีวิตก็พอ"
หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบเงินอีกสองพันตำลึง "นี่เป็นเงินชดเชยให้กับครอบครัวของเจ้า ถ้าเถี่ยจูไม่รอด เงินนี้เพียงพอที่จะทำให้เจ้าเลี้ยงดูบุตรจนเติบใหญ่"
ภรรยาของเถี่ยจูตกใจจนพูดไม่ออก
อย่าว่าแต่ห้าพันตำลึงเลย แม้แต่ห้าสิบตำลึงนางก็ยังไม่เคยเห็น
"คุณชาย ข้าไม่กล้ารับเงินนี้!"
"พอเถอะ ข้าให้แล้วเจ้าก็ต้องรับ ไม่รับไม่ได้!"
ฉินโม่โบกมือ แล้วบอกให้หยางหลิวเกินเรียกทุกคนในหมู่บ้านตระกูลฉินมารวมกัน "ที่นี่มีอีกหนึ่งหมื่นเจ็ดพันตำลึง พวกเจ้าทุกคนมีความดีความชอบในการจับกุมคนของตระกูลโหวให้เข้ามาแบ่งปันกันอย่างเหมาะสม นี่คือรางวัลของพวกเจ้า
หมู่บ้านตระกูลฉินของเรามีทั้งหมดหกร้อยยี่สิบครอบครัว แต่ละครอบครัวจะได้รับเงินประมาณสองร้อยตำลึง นำเงินนี้ไปซ่อมแซมบ้าน ข้าข้าไม่อยากเห็นบ้านหลังคาหญ้าฟางอีกต่อไปแล้ว และอย่าลืมว่าปีใหม่ใกล้จะมาถึง ให้เตรียมเสบียงให้พร้อม!"
ทุกคนต่างมองฉินโม่ด้วยความตะลึง ไม่มีใครกล้ากล่าวอะไร
เงินมากกว่าสองหมื่นตำลึง ฉินโม่แจกจ่ายโดยไม่แม้แต่กระพริบตา
เงินสองร้อยตำลึงนี้ แต่ละคนจะต้องทำงานถึงสิบปี บางทีอาจจะนานกว่านั้นจึงจะหาได้
หญิงคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ "เมื่อไม่กี่วันก่อน นายท่านเพิ่งส่งเสบียงและเงินสำหรับฤดูหนาวให้เราแล้ว เรายังไม่มีโอกาสตอบแทนนายท่านเลย จะรับเงินเหล่านี้ได้อย่างไร!"
"ใช่แล้ว เรารับไม่ได้ คุณชายเก็บเงินนี้ไว้เถอะ!"
ได้ยินเช่นนั้น ฉินโม่เกาศีรษะ "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะชวนพวกเจ้าเข้ามาทำธุรกิจร่วมกันก็แล้วกัน เงินนี้จะนับเป็นทุนร่วมของพวกเจ้า ข้าจะตั้งสหกรณ์หมู่บ้านตระกูลฉินขึ้นมา ข้าจะรับผลประโยชน์สามส่วน ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดส่วนจะแบ่งให้พวกเจ้า ข้าจะไม่พูดมากแต่ขอยืนยันว่าก่อนปีใหม่พวกเจ้าทุกคนจะได้อยู่บ้านที่สร้างขึ้นมาจากอิฐและกินข้าวสามมื้อต่อวัน!"
ทุกคนต่างมองหน้ากัน นี่มันไม่ต่างจากชีวิตของเหล่าขุนนางเลย!
…………..