38 - เรียกค่าไถ่
38 - เรียกค่าไถ่
หลังจากที่ฉินโม่ทุบตีจนเจ็บมือเขาก็ถอยหลังออกมาและหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
"เอาล่ะ เอาลูกลิงตัวนี้ไปมัดไว้ ส่วนจวิ้นจู่คนนี้..."
"ฉินโม่ ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ!"
ชิงเหอจวิ้นจู่ทำหน้างอแงมองฉินโม่อย่างน่าสงสาร แต่ในใจของนางกำลังคิดแผนการร้ายอยู่ในใจ "เจ้าคนโง่ รอให้ข้ากลับไปได้เมื่อไหร่ ข้าจะเอาคืนเจ้าสิบเท่า!"
ฉินโม่อดไม่ได้ที่จะบีบแก้มนางอีกครั้ง "มัดไว้กับคอกม้า รอให้คนในครอบครัวพวกเขามาไถ่ตัว คนละหนึ่งพันตำลึง สำหรับจวิ้นจู่และเจ้าลูกลิงนี้ ต้องห้าพันตำลึง!"
"รับทราบ!"
คนของหมู่บ้านตระกูลฉินที่ดูเหมือนหมาป่า รีบมัดโหวหยงห้อยไว้ และมัดจวิ้นจู่ไว้ที่โคนต้นไม้ แม้ว่าพวกเขาจะร้องไห้เสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ
จากนั้นเขาได้ปล่อยตัวบริวารของโหวหยงกลับไปคนหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน หยางหลิวเกินก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อเขาทราบถึงสิ่งที่ฉินโม่ได้กล่าวและทำ เขากัดฟันและกล่าวว่า "ไม่เสียแรงที่เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลฉินเรา ทำดีมาก!"
"ลุงหลิวเกิน แต่โหวหยงถูกทุบตีจนหมดสติไปแล้ว แล้วจวิ้นจู่ผู้นั้นเป็นหลานสาวของฮ่องเต้ มันจะไม่เกิดเรื่องใหญ่ใช่ไหม?"
"กลัวอะไร แผ่นดินนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเลือดเนื้อตระกูลฉิน? ในเมื่อพวกเขาเป็นคนเริ่มก่อนเจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะยืนอยู่ข้างใคร!"
ในเวลาเดียวกัน ที่จวนลู่กว๋อกง
โหวเกิงเหนียนกำลังฝึกกระบี่อยู่ในสวนหลังบ้าน
เดิมทีทางภาคตะวันตกเฉียงใต้จะต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่ แต่ฮ่องเต้กลับเชื่อฟังคำพูดของเจ้าโง่ฉิน และเลือกใช้กลยุทธ์ “ใช้สงครามหล่อเลี้ยงสงคราม” ดังนั้นสงครามครั้งใหญ่จึงไม่ได้เกิดขึ้น
เรื่องนี้ทำให้โหวเกิงเหนียนรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
ในใจเขารู้สึกขมขื่น แม้ว่าเขาจะสร้างผลงานมากมาย แต่สุดท้ายฮ่องเต้กลับไม่เคยยกตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ให้เขานำทัพแม้แต่ครั้งเดียว?
เมื่อมีการพูดคุยเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการปกป้องชายแดน เขามักจะถูกกีดกันออกไป หรือไม่ก็เป็นแค่แม่ทัพรองคอยช่วยเหลือผู้บัญชาการใหญ่เท่านั้น
โหวเกิงเหนียน ผู้ที่ทั้งเก่งกาจในศิลปะการทหารและการปกครองรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ในสงครามสร้างอาณาจักรเมื่อหลายปีก่อนตัวเขาที่เป็นแม่ทัพของราชวงศ์เดิมได้ทำการยอมจำนน เหตุการณ์นี้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ฮ่องเต้คนปัจจุบันได้ครองแผ่นดิน
เพื่อตอบแทนคุณความดีดังกล่าวหลังจากที่หลี่ซื่อหลงสถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ จึงได้แต่งตั้งโหวเกิงเหนียนให้เป็นหนึ่งในขุนนางคุณูปการของแผ่นดิน สืบทอดตำแหน่งกว๋อกงชั้นสามไปชั่วลูกชั่วหลาน
อย่างไรก็ตามโหวเกิงเหนียนมีความทะเยอทะยานมากกว่านั้น เขารู้สึกว่าเขา แข็งแกร่งยิ่งกว่าหลิวเฉิงหู่และและฉินเซียนงหรู คู่ควรกับชื่อเทพสงครามแห่งต้าเฉียนมากที่สุด!
ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาจึงพยายามผลักดันให้เกิดสงครามใหญ่อยู่เสมอ
ในขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยการมาของพ่อบ้าน โหวเกิงเหนียนหยุดมือและขมวดคิ้ว "มีเรื่องอะไร?"
พ่อบ้านกระซิบข้างหูโหวเกิงเหนียน ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที "เจ้าโง่ฉิน เขากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!"
"นายท่านรีบด่วน ถ้าสายไปคุณชายอาจไม่รอด!"
ดวงตาของโหวเกิงเหนียนเต็มไปด้วยความโกรธ เขามีลูกชายเพียงคนเดียว หากเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเขา แม้ว่าเขาจะมีความสำเร็จทางการทหารมากมาย แต่ไร้ผู้สืบทอดมันจะมีความหมายอะไร
"เตรียมม้าศึกฉือเซี่ยของข้ามา เรียกคนของเรามาทั้งหมด ข้าไปหมู่บ้านตระกูลฉินทันที!"
เพียงคำสั่งเดียวของโหวเกิงเหนียน ก็ทำให้จวนลู่กว๋อกงทั้งหมดวุ่นวายขึ้นทันที
เขากระโดดขึ้นม้า พร้อมกับทหารหลายร้อยคนที่ติดตามอยู่ด้านหลัง ขณะวิ่งผ่านเมืองหลวงเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความแตกตื่นให้กับราษฎรเป็นอย่างมาก
"ฉินเซียงหรู เจ้าแก่สารเลว หากบุตรของข้าเป็นอะไรไปบุตรของเจ้าจะต้องสิ้นชื่อเช่นกัน!"
โหวเกิงเหนียนเกลียดชังฉินเซียงหรูเป็นที่สุด เพราะเมื่อครั้งที่โหวเกิงเหนียนยอมจำนน ฉินเซียงหรูเคยด่าว่าเขาเป็นบ่าวสามนายไว้ใจไม่ได้ และแนะนำให้หลี่ซื่อหลงประหารเขาเสีย
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากยิ่งกว่านั้นคือ ฉินเซียงหรูกลับได้รับแต่งตั้งให้เป็นกว๋อกงชั้นสองเพียงเพราะเป็นสหายของฮ่องเต้
เขาขับม้าเร็วขึ้น ไม่นานก็ถึงหมู่บ้านตระกูลฉิน
ในขณะเดียวกัน คนของหมู่บ้านตระกูลฉินที่เฝ้าดูฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าก็รีบเข้ามารายงานฉินโม่ทันที "คุณชาย คนของตระกูลโหวมาถึงแล้ว พวกเขาพาทหารจำนวนมากมาด้วย!"
"หึ! บอกให้พวกเขาจ่ายเงิน แต่พวกเขากล้าแสดงความหยิ่งผยองต่อข้า ข้าจะฟันขาเจ้าลิงน้อยตัวนี้ก่อน!"
ฉินโม่ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นแม้แต่น้อย "บอกให้พวกมันหยุดขบวนไว้ด้านนอกหมู่บ้าน หากมีต้นไม้แม้แต่ต้นเดียวในหมู่บ้านตระกูลฉินได้รับความเสียหาย ข้าจะฟันขาของเจ้าลิงน้อยตัวนี้!"
หยางหลิวเกินตะโกนเสียงดัง "พี่น้องทั้งหลาย ผู้คนของตระกูลโหวมากันอย่างฮึกเหิม พวกเราตระกูลฉินอย่าปล่อยให้สหายเหล่านั้นต้องมาเก้อ ออกไปต้อนรับพวกเขาอย่างสมเกียรติกันดีกว่า!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าทหารเก่าของหมู่บ้านตระกูลฉินรีบกลับไปบ้าน นำดาบใหญ่และชุดเกราะที่ซ่อนไว้ออกมา แม้เวลาจะผ่านมากว่ายี่สิบปี แต่อาวุธเหล่านี้ก็ยังคงได้รับการดูแลอย่างดีเสมอ
ทหารเก่าหลายร้อยคนรวมตัวกันที่หน้าหมู่บ้านตระกูลฉิน โดยมีหยางหลิวเกินเป็นผู้นำ "ผู้มาจงลงจากหลังม้า นี่คือหมู่บ้านตระกูลฉิน หากผู้ใดกล้าบุกรุกเข้ามาฆ่าทันที!"
โหวเกิงเหนียนหน้าแดงด้วยความโกรธ "ข้าคือลู่กว๋อกง จงปล่อยลูกข้าซะ และให้ฉินโม่ออกมาขอโทษข้าด้วยตัวเอง!"
"อ้อ ที่แท้ก็คือลู่กว๋อกง!"
หยางหลิวเกินหัวเราะเยาะ "เรื่องนี้ง่ายมาก คุณชายของข้าได้สั่งไว้ คนละหนึ่งพันตำลึง ส่วนโหวหยงและจวิ้นจู่คนละห้าพันตำลึง หากไม่จ่ายคุณชายของข้าจะนำตัวทั้งสองคนไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อให้พระองค์พิจารณาเรื่องนี้ด้วยตัวเองง!"
"ลู่กว๋อกงควรเข้าใจดีว่าฮ่องเต้และฮองเฮาทรงโปรดปรานคุณชายของข้าเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกท่าน หากพวกเราไม่ห้ามคุณชายไว้เกรงว่าบุตรชายของกว๋อกงอาจถูกเกาทัณฑ์ยิงไปเจ็ดแปดดอกแล้ว!"
"เขากล้าหรือ!"
"คุณชายของเรากล้าแน่นอน!" หยางหลิวเกินกล่าวอย่างไม่เกรงกลัว "ลู่กว๋อกงจะลองบุกเข้ามาช่วยบุตรชายท่านก็ได้ ข้ารับรองว่าจะไม่มีคนตระกูลโหวคนใดรอดชีวิตไปจากที่นี่อย่างเด็ดขาด!"
โหวเกิงเหนียนโกรธจนแทบจะบ้าคลั่ง
เขาเป็นถึงลู่กว๋อกง แต่กลับนายกองตัวเล็กๆ ของตระกูลฉินข่มขู่
"ข้าต้องการพบฉินโม่!"
"คุณชายของเราไม่มีเวลาขนาดนั้น!"
หยางหลิวเกินกล่าว "ลู่กว๋อกงควรเตรียมเงินให้พร้อมเถอะ หากคุณชายของเราอารมณ์เสียขึ้นมา เกรงว่าใครก็ห้ามไม่ได้!"
โหวเกิงเหนียนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก
"เจ้าพวกสารเลว ข้าจะฟันเจ้าให้ขาดเป็นสองท่อน!"
หยางหลิวเกินเงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม "กว๋อกงท่านสามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ ชีวิตของข้าไม่ได้มีค่าอะไร แต่ถ้าท่านฟันลงมาเกรงว่าตัวท่านและโหวหยงอาจต้องติดตามข้าไปเฝ้าพญายมในเวลาอันรวดเร็วยิ่ง!"
ดาบของโหวเกิงเหนียนค้างอยู่กลางอากาศ ไม่สามารถฟันลงไปจริงๆ
หลังจากนิ่งไปนาน เขากัดฟันและกล่าวว่า "ปล่อยตัวพวกเขา ข้าจะจ่ายเงิน!"
……………..