บทที่ 840: คนคุ้นเคย
[_แปลโดยแฟนเพจ ยักษา_แปร_มาติดตามในแฟนเพจ_เพื่อติดตามข่าวสารได้นะ.]
[_Thai-novel _ลงไวกว่าที่อื่น.ทุกที่ 5 ตอนแต่_จะราคาแพงที่สุด_]
[_หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น_อีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ_100คน. ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบเวอร์ชั่นแรกไปนะครับ_]
บทที่ 840: คนคุ้นเคย
“พวกเขาจะเป็นคนของรัฐบาลโลกจริงๆรึเปล่านะ? แค่รอให้เราตายใจอยู่...”
ก่อนหน้านี้ พวกกองทัพปฏิวัติไม่ได้สงสัยกลุ่มอาร์เซอุสมากนัก ถ้าเป้าหมายของพวกเขาคือตัวเอง ก็ไม่น่าจะใช้วิชาหกรูปแบบโจ่งแจ้งแบบนั้น ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว พวกกองทัพปฏิวัติต่างก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องการให้พวกเขาลดความระมัดระวังตัวลง
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องจู่โจมกะทันหันแบบนี้หรอก ฉันว่าเรื่องนี้น่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า...”
สมาชิกของกองทัพปฏิวัติต่างซุบซิบกัน แต่ก็หยิบอาวุธขึ้นมาเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น
“ซาโบ้! นายไปทำอะไรมาอีกล่ะเนี่ย?!”
“ไม่ใช่ฉันนะ ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันมาถึงก็เป็นแบบนี้แล้ว พวกเขาดูโกรธกันมาก...”
ซาโบ้แบกท่อน้ำด้วยสีหน้าจนใจ ตอนที่อยู่บนเรือลำเล็ก เขาถูกเผ่ามังกรฟ้าโจมตี โชคดีที่ดราก้อนช่วยไว้ได้ จึงได้เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติ
แต่อาการบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งนั้น ส่งผลกระทบต่อสมองของเขา ทำให้ความทรงจำมีปัญหา จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย ที่ถือท่อน้ำอยู่นี่ก็เพราะรู้สึกว่ามันถนัดมืออย่างบอกไม่ถูก
ส่วนเด็กสาวที่สงสัยว่าเขาทำอะไรลงไปก็คือโคอาล่า หลังจากข่าวการตายของไทเกอร์แพร่สะพัดไปทั่วทะเล โคอาล่าก็รู้สึกสิ้นหวัง หลังจากนั้นไม่นานก็ออกจากบ้านเกิดเมืองนอน แล้วเข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติเช่นกัน
ระหว่างนั้นเอง เธอได้พบกับซาโบ้ และเติบโตแข็งแกร่งขึ้นมาด้วยกัน
“เอ่อ ทุกคน ฉันว่าอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน พวกเราไม่ใช่คนเลวนะ เมื่อกี้พวกคุณก็ช่วยชาวเมืองอยู่ มีอะไรก็คุยกันดีๆก็ได้...”
“พวกแกดูหมิ่นเทพเจ้า พวกแกไม่สมควรได้รับการให้อภัย”
โล่ที่ถูกท่อน้ำดีดออกไปเมื่อครู่ กลับมาอยู่ในมือเขาอีกครั้ง โล่นั้นควรจะเป็นอุปกรณ์ แต่เป็นโล่ที่เกิดจากพลัง จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของพลัง แม้จะไม่สามารถควบคุมโล่ด้วยจิตใจได้ตามใจชอบ แต่ก็สามารถเรียกกลับมาได้ง่ายๆ
อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าโล่จะปลิวไปแล้วต้องไปเก็บเอง
สำหรับคนทั่วไป นั่นเป็นแค่คำพูดไร้สาระที่ไม่เข้าใจ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับคนของหน่วยอัศวินศักดิ์สิทธิ์แล้ว คำพูดนี้คือการตั้งคำถามถึงอำนาจของเทพเจ้าที่พวกเขานับถือ
โล่ถูกขว้างออกไปอีกครั้ง แต่โคอาล่าใช้คาราเต้มนุษย์เงือกสะกัดไว้ได้
“เดี๋ยวก่อน แน่นอนว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกัน! ไม่จำเป็นต้องสู้กันหรอกนะ!”
การรักษาชีวิต และการพัฒนาพันธมิตร คือแนวทางการพัฒนาของกองทัพปฏิวัติในปัจจุบัน การกระทำที่ช่วยเหลือผู้อ่อนแอของกลุ่มอาร์เซอุส ทำให้โคอาล่าต้องการหลีกเลี่ยงการต่อสู้ เธอคิดว่าการนองเลือดแบบนี้ไม่จำเป็น
แต่เธอไม่รู้ว่า การกระทำของเธอไม่เพียงแต่ลดการนองเลือดเท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตเธอไว้ด้วย เพราะถ้าพวกอัศวินศักดิ์สิทธิ์คลั่งขึ้นมา คนธรรมดาจะหยุดพวกเขาไม่ได้
คำเตือนของโคอาล่าไม่ได้ผล พวกเขาหัวแข็งมาก ใครก็ตามที่กล้าตั้งคำถามถึงเรื่องนี้ต้องชดใช้ ใครอยากช่วย ก็โดนรุมกระทืบด้วยกัน
“รอเดี๋ยวก่อน!”
หัวหน้าอัศวินกำลังจะออกคำสั่งโจมตี ไทเกอร์ก็เดินออกมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเกิดการปะทะกันที่นี่ เขาก็เดินตรงมาทางนี้
“คาราเต้มนุษย์เงือกของเธอ ฮาคุสอนให้เหรอ?”
เมื่อมองไปที่โคอาล่า ไทเกอร์ก็ถามคำถามของเขา คาราเต้มนุษย์เงือกแม้จะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ก็สามารถแบ่งออกเป็นสำนักต่างๆได้ สำนักของฮาคุบนเกาะเงือกก็ค่อนข้างโดดเด่น
มนุษย์แม้จะมีความสามารถในการเรียนรู้คาราเต้เงือก แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จ อีกทั้งโคอาล่าก็มีกลิ่นอายของสำนักฮาคุ จึงทำให้ไทเกอร์รู้สึกสงสัย
“ลุง...ลุงไทเกอร์! คุณต้องเป็นลุงไทเกอร์แน่ๆ!”
"ลุงยังไม่ตายงั้นเหรอคะ?!"
โคอาล่าเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน ไทเกอร์นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนั้นจะเลือกเดินบนเส้นทางนี้ แถมหมวกยังบังใบหน้าเอาไว้ เขาจึงจำไม่ได้ว่านี่คือโคอาล่า
แต่สำหรับโคอาล่าแล้ว ไทเกอร์คือคนที่เธอไม่มีวันลืม ข่าวการตายของเขาในตอนนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอเลือกเดินบนเส้นทางนี้ เป้าหมายของเธอคือการทำให้มนุษย์และมนุษย์เงือกอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม
"เธอคือ..."
ในสายตาของมนุษย์ เขาตายไปแล้วจากการโจมตีของนาวิกโยธิน แม้แต่นาวิกโยธินเอง ถ้าได้เผชิญหน้ากับเขา ก็คงคิดว่าเขาเป็นแค่ มนุษย์เงือกธรรมดาๆคนหนึ่ง เพราะในบันทึกอย่างเป็นทางการ ไทเกอร์คือบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว
คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเชื่อเจ้านายของตัวเอง มีแต่มนุษย์เงือกเท่านั้นที่ยืนยันตัวตนของเขาได้อย่างมั่นใจขนาดนี้
"ฉันเองค่ะ โคอาล่า ฉันโคอาล่าไงคะ!"
เธอถอดหมวกออก จัดแต่งทรงผมใหม่ ใบหน้าของเธอก็ค่อยๆซ้อนทับกับโคอาล่าในความทรงจำของไทเกอร์
"โตขึ้นมากแล้วนะ..."
ไทเกอร์รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยที่เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆในวันนั้นเติบโตเป็นสาว โคอาล่าโผเข้ากอดเขาด้วยความตื้นตันใจ ไทเกอร์ยังมีชีวิตอยู่ นั่นคือความสุขที่สุดสำหรับเธอ แต่บางอย่างก็ไม่ได้จบลงเพียงเพราะการกลับมาพบกันอีกครั้งของคนคุ้นเคย
"ลุงไทเกอร์ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับลุงกันแน่คะ...?"
"มันเป็นเรื่องราวยาวน่ะ ไว้ฉันจัดการธุระเสร็จก่อนแล้วค่อยเล่าแล้วกันนะ"
ไทเกอร์เดินผ่านโคอาล่าไปหาคนที่พูดจาไม่เข้าหู แต่การกระทำนี้กลับทำให้โคอาล่าตกใจ เธอรู้จักไทเกอร์ดี แม้แต่ตอนที่อยู่กับกลุ่มโจรสลัดพระอาทิตย์ ไทเกอร์ก็ไม่อยากให้เธอเห็นภาพการต่อสู้ แต่เธอก็รู้ว่าไทเกอร์ตอนโกรธเป็นยังไง
"เดี๋ยวก่อนค่ะ ลุงไทเกอร์ เรื่องนี้มันมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ปกติเขาเป็นคนปากไว แต่ไม่เคยลบหลู่ใครนะคะ! นี่ นายทำอะไรลงไปน่ะ!?"
"ฉันก็แค่บ่นพึมพำว่าแบบนี้มันไม่ได้ผล..."
"เขากำลังตั้งคำถามกับพลังของพระเจ้า!"
อัศวินคนนั้นไม่ได้แก้ตัว เพียงแต่พูดสิ่งที่ตัวเองได้ยินออกมาอย่างแผ่วเบา
"ทูเร่ พวกเรากำลังเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระเจ้า ไม่ใช่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวพระองค์ ถ้าทำแบบนั้น พวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับสาวกของเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายหรอกหรือ?
ถ้าแค่การกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจก็ต้องฆ่ากัน พวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเทพเจ้าจอมปลอมงั้นสิ?
ต้องให้โอกาสคนที่ไม่ได้ตั้งใจลบหลู่ได้สำนึกผิด นี่คือความเมตตาของพระเจ้า เธอลืมไปแล้วเหรอ?"
มิสุเดินมาถึงตรงนี้แล้ว ในฐานะสาวกคนแรกๆ เธอใจเย็นกว่าใคร เพราะเธอจำภารกิจในการออกเดินทางครั้งนี้ได้
เธอรู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความเชื่อของเธอ บางคนก็ไม่ยอมรับมัน แต่ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดจาดูหมิ่น แม้พวกเขาจะไม่เชื่อ เธอก็จะไม่ทำอะไรเกินกว่าเหตุ
เทพเจ้าจอมปลอมที่ว่าก็คือ เผ่ามังกรฟ้า พวกเขาตั้งตนเป็นพระเจ้า ทำให้คำว่า "พระเจ้า" กลายเป็นคำดูถูกบนท้องทะเล
มิสุต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดนี้ ให้พวกเขารู้ว่าพระเจ้าที่แท้จริงนั้นแตกต่าง
สำหรับการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจแบบนี้ เธอก็จะให้โอกาสอีกฝ่ายได้สำนึกผิด แต่มีเพียงครั้งเดียว เพราะพระเจ้าทรงเมตตา แต่ก็ทรงมีเดชานุภาพ
การสำนึกผิดคือโอกาส ถ้าคว้าโอกาสนี้ไว้ไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีอื่นไถ่บาป
"คุณคะ พระเจ้าทรงเมตตา หากคุณไม่ได้ตั้งใจ ฉันอนุญาตให้คุณสำนึกผิด หรือจะใช้วิธีของพวกเราไถ่บาปก็ได้ค่ะ"