บทที่ 481 ไม่ต้องการซาลาเปา แค่ต้องการศักดิ์ศรี
บทที่ 481 ไม่ต้องการซาลาเปา แค่ต้องการศักดิ์ศรี
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง
มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นจากนอกประตู
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปทางลู่เฉาเฉา เขายกมือสร้างค่ายกลป้องกันไว้เพื่อไม่ให้ใครมารบกวนความฝันของเธอ
กลอนประตูหลุดออกเอง เซี่ยอวี้โจวเดินเข้ามาด้วยท่าทีประจบ
“พี่ชายขอรับ ข้ารู้อยู่แล้วว่าวันนี้ท่านต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ” เซี่ยอวี้โจวหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่ข้างหน้าต่างแกะสลักดาบไม้ไผ่ เขาก็เข้าใจทันที
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วมองเขา
นิ้วมือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่นานดาบไม้ไผ่ที่มีคาถาป้องกันก็ถูกวางลงบนขอบหน้าต่าง
“พี่ชาย พี่ชายที่เก่งที่สุดในสามภพ ช่วยข้าหน่อยเถิด...”
“ดูสิ ข้าเป็นเพื่อนกับลู่เฉาเฉา ท่านก็เป็นเพื่อนกับลู่เฉาเฉา ถ้านับกันจริงๆ พวกเราก็เป็นเพื่อนกันด้วยใช่ไหม?” เซี่ยอวี้โจวพูดอย่างระมัดระวัง เขาเคยเห็นลู่เฉาเฉาอยู่กับเด็กหนุ่มมาก่อน
เด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งและง่ายต่อการหลอกลวง
เด็กหนุ่มหยุดนิ้วมือเล็กน้อยและมองไปที่เซี่ยอวี้โจวด้วยรอยยิ้มบางๆ มุมปากของเขาแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
ดวงตาที่แฝงไปด้วยอำนาจของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยคมมีดที่ซ่อนอยู่
ตราบใดที่เขาต้องการ ไม่มีสิ่งใดในสามภพที่หลุดรอดจากการควบคุมของเขาได้
การทำตัวสนิทสนมของเซี่ยอวี้โจวในสายตาของเด็กหนุ่มดูเหมือนการกระทำของเด็กสามขวบที่ไร้เดียงสา
เซี่ยอวี้โจวถอยหลังไปทีละก้าว ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความหวาดกลัวเล็กน้อย
แย่แล้ว โดนหลอกแล้ว!
เขาไม่ได้น่ารักเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าลู่เฉาเฉาเลย
เซี่ยอวี้โจวยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก และพูดด้วยท่าทีประจบ “พี่ชาย ข้าไม่โกหกท่าน ข้าแค่อยากเรียนเวทมนตร์นิดหน่อย ท่านดูสิ ข้ามีพรสวรรค์มากใช่ไหม?”
“เจ้าแมวจุ้ยเฟิงยังมีพลังวิญญาณ ข้าจะไม่มีได้ยังไง!”
“ทุกคนหัวเราะเยาะข้า! ข้าต้องแสดงศักดิ์ศรีออกมาให้พวกเขาเห็นบ้าง!”
“ไม่ต้องการซาลาเปาแค่ต้องการศักดิ์ศรี” พอคิดถึงเมื่อวานที่คนในโรงเตี๊ยมพากันหัวเราะเยาะเขา เซี่ยอวี้โจวก็โมโหจนใบหน้าดำคล้ำ
ในโลกแห่งวิญญาณ แม้แต่หมาก็ยังเตะเขาได้สองที
เด็กหนุ่มมองเขาด้วยสายตาเย็นชา และหันไปมองลู่เฉาเฉาที่พลิกตัว ถึงแม้จะรู้ว่าเธอไม่ได้ยิน แต่เขาก็ลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว
“ยังไม่เห็นพรสวรรค์ของเจ้า แต่เจ้าดูมีมูลสติปัญญาอยู่”
ความสติปัญญานั้นชัดเจนจนเกือบจะเป็นรูปธรรมแล้ว
พระโพธิสัตว์แห่งโลกพุทธคงกำลังเป็นบ้ากันอยู่แน่ๆ
เซี่ยอวี้โจวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว และโบกมือปฏิเสธ “ไม่ ไม่ ข้าไม่อยากเป็นพระ ไม่อยากบวช พี่ชาย ได้โปรดสอนข้าด้วยเถิด!”
พูดจบก็โผเข้ากอดขาของเด็กหนุ่มทันที
คำปฏิเสธของเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะพูดก็ต้องกลืนกลับไป เมื่อได้ยินเซี่ยอวี้โจวพูดด้วยความสิ้นหวัง
“ถ้าท่านไม่สอนข้า ข้าคงต้องไปขอร้องลู่เฉาเฉาแล้ว...”
เด็กหนุ่ม...
“เจ้าอยากเรียนอะไร?”
เมื่อได้ยินคำตอบ เซี่ยอวี้โจวมีแววตาที่เปล่งประกาย นั่งไขว่ห้างกับพื้นทันที “ท่านว่า ข้าควรเป็นนักดาบไหม? เดินทางทั่วหล้าพร้อมกับดาบ ช่างเท่จริงๆ!”
เด็กหนุ่มมองเขาอย่างนิ่งเงียบ แต่ภายในใจคิดว่า ใช่ แต่มันคงไม่เหมาะกับเจ้า
ไม่มีใครเคยเห็นพระที่กลายมาเป็นนักฆ่า
เซี่ยอวี้โจวรู้สึกถึงการปฏิเสธ จึงเกาหัวด้วยความงุนงง
“งั้นเป็นนักสัญลักษณ์? นักอาคม? นักสร้างอาวุธ?”
“อ๋อ!!” เซี่ยอวี้โจวตบหัวตัวเองด้วยความตื่นเต้น
“สอนวิธีการพยากรณ์ให้ข้าเถอะ ข้าจะได้ไปตั้งแผงทำนายที่ข้างถนน ถ้าข้าทำนายถูกสักสองครั้ง ข้าก็จะได้ล้างแค้น!”
เด็กหนุ่มได้ฟังแล้วก็คิดว่าไม่ยากอะไรนัก
จริงๆ แล้วถ้าเซี่ยอวี้โจวยอมบวชเป็นพระ เรื่องพวกนี้ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย
เขาจึงสอนเคล็ดลับการพยากรณ์ให้เล็กน้อย ซึ่งทำให้เซี่ยอวี้โจวรู้สึกเหมือนประตูบานหนึ่งถูกเปิดออกต่อหน้าต่อตา ข้างในประตูนั้นคือความลับของสวรรค์และโลก
“ข้าขอบูชาท่านเป็นอาจารย์ได้ไหม?” เซี่ยอวี้โจวแม้จะไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเด็กหนุ่ม แต่รู้เพียงว่าลู่เฉาเฉาให้ความสำคัญกับเขามาก
คนที่ลู่เฉาเฉาให้ความสำคัญ ไม่มีทางธรรมดา!
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ได้!”
“ข้าไม่ได้ชี้แนะเจ้าด้านการฝึกฝน แค่คุยกันเฉยๆ เจ้าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับข้า”
“ไปเถอะ!” เด็กหนุ่มโบกมืออย่างเบาๆ
เซี่ยอวี้โจวยืนอยู่นอกประตูอย่างมึนงง ประตูปิดดังปัง
“ทำไมเขาดูเหมือนจะกลัวที่จะเกี่ยวข้องกับข้า? ข้าอาจจะโง่ไปบ้าง แต่ไม่เห็นต้องปฏิเสธขนาดนี้” เซี่ยอวี้โจวไม่ได้คิดอะไรมากนัก เขาจึงกลับไปห้องเพื่อฝึกฝนเวทมนตร์ด้วยความดีใจ
แปลกจัง ตอนฝึกฝนเขาว่าจะเห็นแสงห้าสีเป็นสัญลักษณ์ของพลังวิญญาณ ทำไมเขาไม่เห็นอะไรเลย?
เซี่ยอวี้โจวไม่ยอมแพ้ ฝึกพยากรณ์ทั้งคืน แต่ยังคงเห็นเพียงหมอกสีเทาปกคลุมอยู่เต็มหน้าเหมือนมีอะไรบางอย่างขวางกั้น
เซี่ยอวี้โจวท้อแท้และสิ้นหวัง
เช้าวันต่อมา
“อ้าว! ได้ยินว่าคุณหนูธรรมดาๆ คนนี้กำลังเรียนเวทมนตร์แล้วหรือ? รู้สึกถึงพลังวิญญาณหรือยัง?” แขกที่ทานอาหารต่างหัวเราะเยาะเขา เพราะมนุษย์ธรรมดาในโลกแห่งวิญญาณนั้นหาได้ยากนัก
บรรพบุรุษของพวกเขามักมีสายเลือดที่สืบทอดมาบ้าง
เซี่ยอวี้โจวโกรธจนหน้าเบี้ยว
ดวงตาของเขาหมุนไปมา แล้วก็ไปตั้งแผงทำนายดวงที่หน้าประตู
ลู่เฉาเฉาตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีดาบไม้ไผ่สิบหกเล่มวางเรียงอยู่บนขอบหน้าต่าง
“ว้าว…” ดาบถูกแกะสลักด้วยลวดลายที่งดงาม พอถือไว้ในมือก็รู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่
ไม้ไผ่ในป่าไผ่ม่วงถูกบ่มเพาะด้วยควันธูปและพลังฟ้าร้อง ซึ่งเหมาะสำหรับการฝึกฝนดาบมาก
แม้จะเป็นดาบไม้ไผ่เล็กๆ แต่ก็มีพลังอยู่ไม่น้อย
ลู่เฉาเฉาเก็บดาบไม้ไผ่กลับไปในมิติ และแนะนำบางอย่างก่อนจะจากไป
เธอเพิ่งลงมาจากห้องได้ไม่นาน กำลังถือชามน้ำซุปอยู่ ก็เห็นผู้คนมุงกันอยู่หน้าประตู
ลู่เฉาเฉาชอบซุบซิบ เธอจึงรีบถือชามน้ำซุปเบียดเข้าไป
ด้วยร่างกายเล็กๆ ของเธอ ทำให้เธอเบียดเข้าไปจนได้
ใครจะคิด…
ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในคือเซี่ยอวี้โจว!!
ใบหน้าของเซี่ยอวี้โจวจริงจัง เขากำลังทำนายดวงให้กับหญิงสาวสวยคนหนึ่งอย่างตั้งใจ
หญิงสาวสวยที่เป็นนักบวชแสดงความกังวล “ท่านอาจารย์น้อย ท่านว่า ข้าจะมีโอกาสคืนดีกับเขาไหม?”
เซี่ยอวี้โจวพยักหน้าอย่างจริงจัง “จากการดูดวงตาของเจ้า เจ้าคือผู้ที่มีวาสนาดี ไม่ต้องห่วง พวกเจ้าคือคู่ที่ฟ้าประทานให้ ต้องได้คืนดีกันแน่นอน!!”
หญิงสาวยิ้มอย่างดีใจ เธอหยิบหินวิญญาณหลายก้อนออกมาจากกระเป๋าและจากไปอย่างมีความสุข
คนรอบข้างมองดูอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าของพวกเขาแฝงไปด้วยความสงสัย
เด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีพลังวิญญาณเลย ดูก็รู้ว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา
ขอทานที่ข้างถนนพูดขึ้นว่า “เจ้าอ่านดวงให้ข้าหน่อยสิ ข้าจะรวยเมื่อไหร่? ถ้าเจ้าทำนายถูก ข้าจะช่วยบอกต่อให้!” เขาพูดด้วยท่าทางเยาะเย้ยและไม่เชื่อถือ
เซี่ยอวี้โจวทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าเดินไปทางเหนืออีกห้าร้อยเมตร แล้วเดินไปทางตะวันตกอีกแปดร้อยเมตร เจ้าก็จะรวย!”
ขอทานหัวเราะเยาะก่อนจะเดินจากไปอย่างช้าๆ
เซี่ยอวี้โจวหัวเราะเบาๆ “วันนี้ข้าทำนายเพียงสองดวงเท่านั้น เลิกกันได้แล้ว” พูดจบ เขารีบเก็บของอย่างรวดเร็ว
เมื่อผู้คนแยกย้ายกันไป ลู่เฉาเฉาก็พูดขึ้นว่า “เจ้าทำนายดวงตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วคนที่เจ้าเพิ่งดูให้ เส้นสายความรักของนางขาดไปแล้ว จะกลับมาคืนดีกันได้จริงหรือ?”
“แล้วขอทานคนนั้นล่ะ ข้าดูจากใบหน้าแล้วเห็นว่าเขามีดวงยากจน จะรวยได้ยังไง?”
เซี่ยอวี้โจวรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
“ข้าทำนายได้แม่นยำมาก!!”
เขาวิ่งไปตลอดทางจนถึงจุดหมาย แล้วโยนถุงเงินลงบนพื้น
“ใครบอกว่าข้าทำนายไม่แม่น? ข้า เซี่ยอวี้โจว ไม่มีทางเสียหน้าแน่นอน!” เมื่อเห็นขอทานเดินมา เขาก็รีบวิ่งไปทางทิศตะวันออกของเมือง
สองวันต่อมา
ลู่เฉาเฉายืนงงมองเซี่ยอวี้โจวที่ถูกล้อมรอบด้วยผู้คน
“ท่านอาจารย์ เขามาหาข้าแล้ว! เขามาคืนดีกับข้าแล้ว!!” นักบวชหญิงยิ้มอย่างมีความสุขและมอบของขวัญล้ำค่าให้
เป็นที่รู้กันว่าพลังของผู้ฝึกตนยิ่งสูง การทำนายยิ่งยาก
ถึงแม้ว่าพลังของเธอจะไม่ต่ำ แต่เซี่ยอวี้โจวก็ทำนายได้ไม่ผิดเลย!
“ท่านอาจารย์ ท่านแม่นจริงๆ ได้โปรดทำนายดวงให้ข้าอีกสักครั้งเถิด!!”
“อีกครั้ง!”
เซี่ยอวี้โจวสะบัดแขนเสื้อของเขาอย่างเย่อหยิ่ง “การแอบล่วงรู้ดวงชะตาทำให้เสียอายุขัย ข้าจะไม่ทำนายอีกแล้ว”
แล้วเขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเหมือนฮีโร่ที่ซ่อนความดีความชอบเอาไว้
ลู่เฉาเฉา!!
อะไรเนี่ย!! แบบนี้ก็ได้เหรอ?!
การอยู่ข้างนอก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเองที่จะคิด!(แปลจบแล้วค่ะคุณแก้วตา)