บทที่ 42 ซื้อเคล็ดวิชาอีกครั้ง ความลับการฝึกผิวหนัง!
ยามดึก
เว่ยฮั่นผู้ร้อนรนอยากเพิ่มพลัง ควักธนบัตรที่ยังอุ่นๆ ออกมา หิ้วสุราดีสองจินกับเป็ดย่างหนึ่งตัว ตรงดิ่งไปยังลานเล็กๆ ของเฒ่าเหล็ก
วันนี้พอดีชายชราไม่ได้ออกร้าน!
กำลังนั่งดื่มสุราคนเดียวในลานเล็กๆ
พอเห็นเว่ยฮั่นมา เขาก็ถามอย่างประหลาดใจ "ไอ้หนูมาอีกแล้วหรือ? คราวนี้มาสืบเรื่องอะไรอีกล่ะ?"
"มาถามเรื่องตระกูลเฉินขอรับ" เว่ยฮั่นพูดพลางนั่งลง "พอดีเอาเป็ดย่างมาฝากด้วย"
"เจ้าหนูนี่รู้ใจ นั่งลงมาดื่มด้วยกันหน่อย"
เฒ่าเหล็กเชื้อเชิญอย่างพอใจ
สองคนที่ต่างโดดเดี่ยวนั่งลงด้วยกัน
จิบสุราเคล้าเป็ดย่างกับเนื้อตุ๋น ชีวิตเล็กๆ ก็มีรสชาติไปอีกแบบ
คราวนี้มาสืบข่าวตระกูลเฉิน เฒ่าเหล็กไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน คุยกันเหมือนเพื่อนเก่า
"เมื่อวานตระกูลเฉินสูญเสียนักยุทธ์ขั้นขัดเกลาเลือดไปหนึ่งคนจริงๆ อีกคนก็บาดเจ็บไม่เบา ทำให้กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ก่อเรื่องวุ่นวาย พวกเขาเสียเปรียบมากทีเดียว"
"แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินก็มีฝีมือไม่เลว ตอนนี้ทุ่มเงินร่วมมือกับสำนักคุ้มกันอู่เว่ยและสำนักคุ้มกันจินกัง ระยะสั้นคงไม่มีเรื่องวุ่นวายอีก"
"เรือร้าวยังมีตะปูสามกิโล ตระกูลเฉินยังมีไพ่ตายอะไรอีกบ้างไม่มีใครรู้ ไม่มีใครอยากสู้กับพวกเขาจนถึงที่สุดหรอก"
เว่ยฮั่นได้ยินแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
ไม่ต่างจากที่เขาวิเคราะห์ไว้มากนัก
เป็นอย่างนี้ก็พอโล่งใจได้หน่อย
ไม่ต้องแอบซ่อนตัวในที่มืดยามดึกเพื่อปกป้องความปลอดภัยของบ้านอาจารย์กับพี่ใหญ่อีก
"พูดถึงโจรภูเขาดำ จริงๆ แล้วพวกมันมีที่มาไม่ธรรมดา พวกมันเป็นทหารของกองทัพกบฏเสี่ยวหวังแห่งแคว้นอวี๋ ฉวยโอกาสตอนเกิดภัยพิบัติก่อกบฏ ถูกปราบปราม กองกำลังใหญ่รบกับกองทัพหลวงหลายครั้งที่เขตฉีเสี้ยนและที่อื่นๆ"
"พวกนี้แม้จะเป็นโจรภูเขา แต่ความจริงแล้วเป็นแค่หนวดเล็บของกองทัพกบฏเสี่ยวหวังที่ส่งมาปล้นสะสมทรัพย์และบุกเข้าเมืองอื่นๆ"
"หากกองทัพหลวงต้านทานการโจมตีของกองทัพกบฏไม่ไหว ปล่อยให้พวกมันบุกมาถึงอำเภอชิงซาน กลุ่มอิทธิพลอย่างตระกูลเฉินที่มีเรื่องกับพวกมันคงจะซวยหนักแน่!"
เฒ่าเหล็กเผยรายละเอียดด้วยรอยยิ้มกึ่งเยาะหยัน
เว่ยฮั่นหัวใจเต้นรัว สบถในใจว่าช่างโชคร้าย
ใครจะคิดว่าเขาแค่อยากเป็นหมอน้อยๆ คอยหลบๆ ซ่อนๆ แต่กลับต้องมาพัวพันกับกองทัพกบฏ
ถ้าเกิดสงครามขึ้นจริง ตระกูลเฉินคงซวยหนัก ตอนนั้นคนในสายของผู่ซิ่งเซียนคงต้องเดือดร้อนกันทั่วหน้า
ตอนนี้ราชวงศ์ต้าหลี่เกิดภัยพิบัติไม่หยุด กองทัพกบฏลุกฮือขึ้นทั่ว!
ยามบ้านเมืองวุ่นวาย ชีวิตของชาวบ้านธรรมดาก็ลำบากยิ่งนัก
นี่ทำให้เว่ยฮั่นรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
เขาคิดสักครู่ แล้วตัดสินใจควักธนบัตรทั้งหมดออกมา พูดว่า "ตามเคยขอรับ แนะนำคัมภีร์วิชาขัดเกลาผิวหนังชั้นเลิศสักสองสามเล่ม ราคาลุงตั้งเองเลย"
"ดูเหมือนคราวก่อน 'วิชาฝึกร่างวัชระ' เจ้าคงฝึกได้ผลบ้างแล้วสินะ" เฒ่าเหล็กมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เงียบไปสักพัก แล้วเดินเข้าห้องหนังสือหยิบกองคัมภีร์ลับที่คัดลอกด้วยมือออกมา
"คัมภีร์ขั้นขัดเกลาผิวหนัง ข้าก็ไม่ได้สะสมมามากนัก ของธรรมดาๆ ก็ไม่กล้าเอาออกมาอวด หลายเล่มนี้ยังใช้ได้ เจ้าลองดูสิ!"
"เล่มนี้ 'วิชาระฆังทองคุ้มกาย' ยากกว่าวิชาฝึกร่างวัชระหน่อย แต่ฝึกจนชำนาญสามารถใช้พลังลมปราณสร้างระฆังทองปกป้องทั่วร่าง มีความสามารถพิเศษในการป้องกันอาวุธลับประเภทเข็ม เก่งกาจในการต้านทานการโจมตีแบบซุ่มโจมตีของโจร!"
"เล่มนี้ 'วิชาเกราะมังกรดำ' มาจากราชวงศ์ ว่ากันว่าฝึกจนชำนาญจะมีเกล็ดสีดำปกคลุมทั่วร่าง ราวกับมังกรดำอวตาร พลังป้องกันถือว่าเป็นเลิศ แต่การฝึกฝนยากมาก หลายร้อยปีมานี้คงไม่มีใครฝึกสำเร็จ!"
"เล่มนี้ 'วิชาเสื้อเกราะเหล็กเสียงมังกรคำราม' ของลัทธิเต๋าก็น่าสนใจ เป็นของที่ข้าฆ่าพระเต๋าจมูกวัวคนหนึ่งแล้วได้มาเป็นของรางวัล ความยากในการฝึกฝนทั่วไป แต่ใช้เวลานานมาก ว่ากันว่าต้องใช้เวลาสิบปีแปดปีกว่าจะชำนาญ พลังก็ถือว่าใช้ได้!"
"เห็นแก่ที่เจ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่ ขอลดราคาหน่อย สามเล่มนี้เล่มละ 500 ตำลึง เล่มอื่นๆ เล่มละ 300 ตำลึง จะเอาเล่มไหนก็เลือกเอาเองนะ"
เฒ่าเหล็กเริ่มอวดอ้างเหมือนขายของตัวเองอีกแล้ว
วิธีการของเว่ยฮั่นถูกใจเขา คราวนี้เขาจึงเอาของดีๆ ออกมาไม่น้อย ของสะสมที่รวบรวมมาทั้งชีวิตก็เอาออกมาเยอะ
ในนั้นมีสามเล่มที่ไม่ด้อยไปกว่า 'วิชาฝึกร่างวัชระ'!
ที่เหลือแม้จะด้อยกว่าหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าของทั่วไปในตลาด
เว่ยฮั่นผู้มีระบบโกงไม่สนใจหรอกว่าคัมภีร์พวกนี้จะแข็งแกร่งที่สุดหรือไม่ สิ่งที่เขาต้องการคือปริมาณ แค่ซ้อนเกราะให้มากพอ ต่อให้เป็นวิชาห่วยแตกแค่ไหนเขาก็ซ้อนได้จนศัตรูสิ้นหวัง
"ขั้นฝึกกำลัง ข้าฝึกวิชาเสริมร่างครบสิบสองเล่มถึงได้รากฐานมั่นคงที่สุด"
"ขั้นขัดเกลาผิวหนังก็ต้องฝึกหลายๆ เล่มเช่นกัน พอถึงตอนนั้นผิวหนังจะแข็งแกร่งดั่งกำแพงทองแดนเหล็ก ต่อให้เผชิญกองทัพนับพันนับหมื่นข้าก็ไม่ต้องกลัวสักนิด!"
เว่ยฮั่นเลือกอย่างมีความสุข
สุดท้ายเลือกคัมภีร์ขั้นขัดเกลาผิวหนังทั้งหมดแปดเล่ม
สามเล่มราคา 500 ตำลึง ห้าเล่มราคา 300 ตำลึง รวมพอดี 3,000 ตำลึง
"เจ้าอย่าคิดว่าแพงล่ะ พวกนี้ล้วนเป็นของสะสมที่ข้าทุ่มเทชีวิตรวบรวมมา" เฒ่าเหล็กพูดพึมพำพลางเก็บธนบัตร "ถ้าเป็นคนทั่วไปอยากซื้อ ข้ายังไม่อยากขายเลย คนมากมายในตลาดมืดซื้อแต่ของปลอมที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์"
"เข้าใจขอรับ ขอบคุณที่ผู้อาวุโสเอื้อเฟื้อ" เว่ยฮั่นแสดงสีหน้าซาบซึ้ง
จริงๆ แล้วราคานี้ไม่แพงเลย!
สมัยนี้มีเงินก็ยากที่จะซื้อคัมภีร์แท้ เงินจะมีค่าอะไร?
เศรษฐีทั่วถนนอ้วนพีไขมันเต็มสมอง พวกเขาซื้อคัมภีร์ล้ำค่าแบบนี้ได้หรือ?
แค่จ่ายเงินไม่กี่ตำลึงก็ช่วยให้เว่ยฮั่นไม่ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ไม่ต้องต่อสู้ฆ่าฟันหรือหาอาจารย์เพื่อเก็บรวบรวมคัมภีร์ ช่างคุ้มค่าเหลือเกิน มีแต่เขาเท่านั้นที่รู้
แน่นอน วิธีนี้เหมาะกับเว่ยฮั่นเท่านั้น!
ถ้าคนทั่วไปได้คัมภีร์ลับพวกนี้มา แล้วฝึกฝนโดยไม่มีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยชี้แนะ อาจจะฝึกผิดพลาดได้ง่ายๆ
"คัมภีร์ขัดเกลาผิวหนังในโลกนี้ล้วนคล้ายคลึงกัน จริงๆ แล้วไม่ต่างกันมาก แค่การไหลเวียนของเส้นลมปราณต่างกันเล็กน้อย เจ้าระวังหน่อยก็พอ ถ้าไม่แน่ใจก็ไปหาสำนักยุทธ์สักแห่ง แค่ยอมจ่ายเงิน ก็ต้องมีอาจารย์ยินดีสอนเจ้า"
"อีกอย่าง ขั้นขัดเกลาผิวหนังแบ่งจากต่ำไปสูงเป็นห้าระดับ ได้แก่ หนังวัว หนังหิน หนังทองแดง หนังเหล็ก และหนังเงิน พอถึงขั้นหนังเงินก็จะแทงไม่เข้าฟันไม่ขาดแล้ว ถือเป็นจุดสูงสุดของขั้นขัดเกลาผิวหนังในสายตาผู้คน!"
"แต่ความจริงแล้ว หนังเงินไม่ใช่ขีดจำกัดของขั้นขัดเกลาผิวหนัง หากฝึกฝนขัดเกลาต่อไป ร่างกายยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก จนถึงขั้นกายทองและขั้นไม่แตกทำลายในตำนาน!"
"ว่ากันว่าสองขั้นนี้ผิวหนังแข็งแกร่งดั่งเพชร ไม่เพียงทนไฟทนน้ำ แต่ยังเพิ่มพละกำลังมหาศาล ชีวิตไม่มีวันดับสิ้น สามารถบรรลุสภาวะเหนือมนุษย์"
"น่าเสียดายที่สองขั้นนี้บรรลุยากมาก ต้องมีทรัพยากรมหาศาล ความมุ่งมั่นสูง และพรสวรรค์ล้ำเลิศ ถึงจะมีโอกาส ถ้าเจ้าฝึกไม่สำเร็จก็อย่าไปคิดมากล่ะ"
เฒ่าเหล็กพร่ำสอนประสบการณ์ของตัวเองอย่างละเอียด
เว่ยฮั่นไม่รู้สึกรำคาญ คอยรินสุราให้ พลางถามข้อสงสัยเกี่ยวกับวิทยายุทธ์ในใจ ส่วนใหญ่ได้รับคำชี้แนะจากเขา
สมกับคำพูดที่ว่า บ้านมีผู้เฒ่าเหมือนมีขุมทรัพย์
เฒ่าเหล็กฝึกยุทธ์มาทั้งชีวิต ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน ไม่ใช่คนธรรมดาเลย
ข้อมูลที่เขาเผยออกมาเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอให้เว่ยฮั่นเลี่ยงทางผิดได้มากมาย
สองคนดื่มกินพลางแลกเปลี่ยนความรู้ ต่างได้รับประโยชน์ มื้อนี้กินอย่างพึงพอใจยิ่ง จนดึกดื่นค่อยแยกย้าย