บทที่ 36 เด็กที่ถูกทิ้งข้างทาง
หลี่โหยวเต๋อทำทีเป็นพูดสบายๆ พร้อมพยักหน้า “อืม! กลับมาแล้ว แม่กับพ่อไปนอนเถอะ ไม่ต้องรอผมหรอก”
“แม่ของลูกเป็นห่วง หลับไม่ลงหรอก” พ่อของหลี่โหยวเต๋อพูดพลางสูบบุหรี่อยู่
แผนเดิมของเขาคือทำงานอีกสักสองปี แล้วจะยกงานในโรงงานเหล็กให้ลูกชาย จากนั้นลูกชายก็จะได้หาภรรยาได้ง่ายขึ้น มีงานทำมันก็ช่วยได้มาก
แต่แผนก็ไม่เป็นไปตามที่คิด
ครอบครัวนี้ลำบากมาก เขาเองก็มีความกดดันไม่น้อย บางครั้งเขาก็รู้สึกอึดอัดใจมากที่ลูกต้องเสี่ยงไปตลาดมืด ถ้าแขนของเขาไม่หัก เขาคงจะห้ามลูกได้แน่ๆ
“แม่! ไม่ต้องห่วงหรอก ตลาดมืดมีคนเยอะจะตายไป!”
แม่หลี่คิดในใจ ไม่ให้ห่วงได้ยังไงล่ะ? ไปขายของที่ตลาดมืดน่ะ มันคือการทำผิดกฎหมาย ถ้าถูกจับได้ต้องติดคุก มันจะไม่ให้กลัวได้ยังไง?
จากนั้น หลี่โหยวเต๋อก็หยิบเงิน 3 หยวน 9 เหมาที่เพิ่งได้มาส่งให้แม่ “แม่ นี่คือสิ่งที่ผมหาได้คืนนี้”
พ่อหลี่เห็นเงินก็ขมวดคิ้ว
เยอะขนาดนี้? แค่คืนเดียวเอง!
ถ้าทำได้ทุกวัน เดือนหนึ่งไม่เป็นร้อยๆ หยวนเลยหรือ? ตอนนี้เงินเดือนเขาแค่ประมาณ 40 หยวนเท่านั้น ก่อนหน้านี้ก็แค่เกือบ 50 หยวน
ลูกชายหาได้มากกว่าของเขาสองเท่าเลยหรือ?
แม่หลี่ก็ตกใจเช่นกัน
แต่เธอไม่ได้ถามอะไรมาก ถ้าลูกไม่บอก ก็คงเป็นเรื่องที่บอกไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องกดดันลูกให้ลำบากใจ
เธอรับเงินมา แล้วก็ส่งกลับให้ลูกชาย 1 หยวน 9 เหมา พร้อมพูดว่า “ลูกก็โตแล้ว มีเงินติดตัวไว้บ้างก็ดี ต่อไปถ้าหาได้ก็ให้แม่ครึ่งหนึ่ง แม่จะเก็บไว้ให้ลูกแต่งงาน”
พ่อหลี่ก็อึดอัดใจเล็กน้อย ลูกชายถึงจะให้เงินแค่ครึ่งเดียว แต่ที่เหลือก็อาจจะมากกว่าค่าแรงของเขาแล้ว
ดูท่าว่าต่อไปจะต้องขอเงินลูกชายไว้ซื้อบุหรี่แล้วล่ะ
เงินของเขา 90% ส่งให้ที่บ้าน ค่าแรงที่ไม่สูงอยู่แล้ว ทำให้เหลือเงินติดตัวน้อยลงไปอีก ตอนนี้ก็เริ่มจะหันไปสูบบุหรี่ราคาถูกแล้ว
“พอแล้ว ไปนอนกันเถอะ” พ่อหลี่พูดขึ้น
หลี่โหยวเต๋อนอนอยู่บนเตียงแต่ก็หลับไม่ลง รายได้คืนนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
เขาสาบานว่าจะทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้
…
ไป่ต้าวกลับถึงบ้าน พบว่าทุกคนหลับหมดแล้ว เขาก็แอบย่องกลับไปที่เตียงของตัวเอง แต่พอเอนตัวลงก็พบว่ามียาน้ำมันขวดเล็กๆใต้หมอน
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าแม่ของเขาแอบเอามาใส่ไว้ให้
ทุกครั้งที่เขาไปตีรันฟันแทงกับคนอื่นจนบาดเจ็บ แม่ก็มักจะใส่ยาน้ำมันไว้ใต้หมอนของเขาเสมอ
ส่วนโจวอี้หมินก็กำลังนั่งนับ “เงินเก็บ” ของตัวเองอยู่
เงินหนึ่งพันหยวนที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้ ตอนนี้เติมเข้าไปในร้านค้าแล้ว เหลือประมาณหกร้อยหยวน ส่วนใหญ่ใช้ไปกับการซื้อมันเทศและมันฝรั่งจากหมู่บ้านโจวและหมู่บ้านซ่างสุ่ย
แม้ว่ามันเทศกับมันฝรั่งจะราคาถูก แต่เมื่อซื้อจำนวนมากก็ใช้เงินไปไม่น้อย
และช่วงนี้ที่จัดหาพวกไข่ เนื้อแห้ง หมูป่า กวาง และหมีดำให้โรงงานเหล็กก็ได้กำไรมา 1,200 หยวน ซ่อมบ้านจ่ายให้ช่างกู้ไปสองร้อยหยวน ซื้อนาฬิกาก็หมดไปอีกสองร้อย
นอกจากนี้ยังได้เงินรางวัลจากปั๊มน้ำอีก 600 หยวน
คืนนี้หลี่โหยวเต๋อกับไป่ต้าวก็หาเงินกลับมาให้เขาประมาณ 260 หยวน
รวมทั้งหมดก็ราว 1,600 หยวน
ยังห่างไกลจากหมื่นหยวนที่ต้องการเพื่ออัปเกรดร้านค้า เขายังต้องพยายามอีกมาก!
เช้าวันต่อมา โจวอี้หมินก็เริ่มดูโซนสินค้าราคา 1 หยวน
วันนี้มีเกาลัด 100 ชั่ง กับเป็ดแห้ง 100 ชั่ง
โจวอี้หมินไม่ลังเลเลย ใช้ 2 หยวนเพื่อซื้อเกาลัดและเป็ดแห้งทันที
เกาลัดตอนนี้ราคาเป็นอย่างไร โจวอี้หมินไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นอาหารแป้ง คงจะราคาใกล้เคียงกับธัญพืชทั่วไป ส่วนเป็ดแห้งอาจจะถูกกว่าเนื้อวัวแห้งหน่อย เพราะมันมีกระดูก ไม่สามารถเทียบกับเนื้อแท้ ๆ ได้
เขาคิดอยู่สักพัก แล้วก็เอาเป็ดแห้ง 80 ชั่งออกมา วางไว้ในห้อง จากนั้นปิดไว้ รอให้หลี่โหยวเต๋อกับไป่ต้าวเอาไปตลาดมืดคืนนี้
โจวอี้หมินบอกไป่ต้าวกับหลี่โหยวเต๋อไว้แล้วว่าถ้ามีของจะวางไว้ในห้อง ให้พวกเขามาเอาตอนกลางคืน ถ้าไม่เห็นของก็แปลว่าวันนั้นไม่มีของ สามารถพักได้
หลังจากวางเป็ดแห้งเรียบร้อยแล้ว โจวอี้หมินก็ออกไปล้างหน้าแปรงฟันในลาน ก็ได้ยินป้าสองกำลังคุยกับคนอื่นๆ ว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงแมวผี รู้สึกไม่เป็นมงคลเลย
โจวอี้หมินเหงื่อตก
แมวผี?
“อี้หมิน เธอได้ยินไหม?” ป้าสองหันมาถามโจวอี้หมิน
โจวอี้หมินรีบส่ายหน้า “ไม่ได้ยินเลยครับ ผมนอนหลับลึกมาก”
ป้าสองไม่ได้สงสัยอะไร ก็ยังหนุ่มน่ะนะ! คนหนุ่มมักจะนอนหลับสบาย บางทีพวกคนที่ทำงานหนัก ๆ ก็นอนหลับจนฟ้าสว่างได้ทันที แม้จะมีฟ้าผ่าเสียงดังยังไม่ตื่น
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ โจวอี้หมินก็เตรียมของรางวัลที่ได้จากโรงงาน โดยเฉพาะใบประกาศนียบัตรที่ได้รับจากกลุ่มเยาวชนคอมมิวนิสต์
บนใบประกาศนียบัตรมีรูปท่านผู้นำ ธงแดงสองผืน ริบบิ้นสีเหลือง และดาวห้าแฉก รายละเอียดดีไซน์ดูสง่างามและจริงจัง สีหลักคือสีแดง เหลือง และน้ำเงิน ให้ความรู้สึกสดใสสวยงาม
ใบประกาศนียบัตรนี้เอากลับไปให้คุณปู่ของเขาได้ดู ท่านคงจะดีใจมาก
นอกจากนี้ยังมีแก้วน้ำเคลือบและกระติกน้ำร้อน ที่นี่เขามีอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้เลยเอากลับไปให้คุณปู่คุณย่าแทน
เขายังเอาเป็ดแห้งอีก 20 ชั่ง กับเกาลัดอีก 20 ชั่งติดตัวไปด้วย
หลังจากแวะกินอาหารเช้าที่ร้านข้างทางแล้ว เขาก็ตรงไปหมู่บ้านโจวทันที
เดินไปได้ครึ่งทาง โจวอี้หมินก็หยุด เพราะเห็นว่ามีทารกถูกทิ้งอยู่ข้างถนน กำลังร้องไห้เสียงดัง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นครอบครัวที่ไม่สามารถเลี้ยงได้เลยทิ้งไว้
น่าสงสารจริงๆ!
เขาที่เคยมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 21 ไม่สามารถทำใจทิ้งเด็กน้อยแบบนี้ได้เลย
เขาจอดจักรยาน แล้วเดินกลับไปสิบกว่าเมตร มายังที่ที่เด็กน้อยคนนั้นถูกทิ้ง พบว่าเป็นเด็กผู้หญิง เข้าใจได้ทันที เด็กหญิงถูกห่อด้วยผ้าขาด ๆ วางอยู่ในตะกร้า
เขาลังเลอยู่สักพัก มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครเลย
“เฮ้! พ่อแม่ของเด็กอยู่ไหน ออกมาหน่อยสิ! ถ้ามีปัญหา ผมพอช่วยได้บ้างนะ ไม่ได้โกหก”
โจวอี้หมินพยายามเรียกหาพ่อแม่ของเด็ก
แทนที่จะเอาเด็กไปเลี้ยงเอง เขายอมให้ข้าวให้ของกับครอบครัวนั้น แล้วให้พวกเขาเลี้ยงเองจะดีกว่า ไม่ต้องลำบากขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าโจวอี้หมินจะเรียกยังไง บริเวณนั้นก็เงียบไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ
โจวอี้หมินแอบด่าโชคชะตาที่โหดร้าย แล้วก็ได้แต่ต้องอุ้มทารกหญิงคนนั้นขึ้นมา ปวดหัวเลยทีนี้
เขาไม่รู้เลยว่า หลังจากที่เขาเดินออกไปแล้ว ก็มีผู้ชายหน้าตาหมดหวังคนหนึ่งยื่นหัวออกมาจากกองฟางที่อยู่ไม่ไกลนัก
จะโทษเขาใจร้ายก็ไม่ได้ ครอบครัวเขามีลูกอยู่แล้วสามคน เมียเขาก็เพิ่งเสียชีวิตเพราะคลอดลูก เขาไม่สามารถเลี้ยงลูกสาวที่เพิ่งเกิดมาได้จริง ๆ จึงต้องทิ้งแบบนี้
เมื่อกี้ที่โจวอี้หมินเรียก เขาแทบจะทนไม่ไหว
เขาเห็นว่าชายคนนั้นขี่จักรยาน ฐานะน่าจะดี ลูกสาวของเขาอยู่กับครอบครัวแบบนั้นจะมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า จึงได้กัดฟันทนไม่ออกไป
จนกระทั่งจักรยานลับสายตาไปแล้ว เฉินจงจึงค่อย ๆ เดินกลับบ้านอย่างช้า ๆ
แม่ของเขากำลังเช็ดน้ำตา ลูกทั้งสามคนก็นั่งอยู่ข้างศพของแม่ที่ยังไม่ได้ฝัง
“ส่งไปแล้วเหรอ?” แม่ของเฉินจงถามด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
เฉินจงพยักหน้า “มีผู้ชายคนหนึ่งที่ขี่จักรยานมาอุ้มไปแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี แปลว่าเด็กคนนี้โชคชะตายังไม่ถึงฆาต”
ถึงจะโศกเศร้า แต่ก็ยังมีความรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง
คนที่มีจักรยาน หมายความว่าฐานะดี คงไม่ลำบากถ้าจะมีอีกคนในครอบครัว
อีกอย่าง เมื่อมีคนอุ้มทารกหญิงไป ก็แปลว่าคนๆ นั้นใจดี
ได้อยู่กับครอบครัวแบบนั้น ก็ถือว่าเป็นบุญของเด็กน้อยคนนี้ ที่แม่ของเธอยอมสละชีวิตตัวเองแลกมา
(จบบท)