ตอนที่แล้วบทที่ 35 ไปตลาดมืด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37 รางวัลที่นำมาซึ่งความตกใจ

บทที่ 36 เด็กที่ถูกทิ้งข้างทาง


หลี่โหยวเต๋อทำทีเป็นพูดสบายๆ พร้อมพยักหน้า “อืม! กลับมาแล้ว แม่กับพ่อไปนอนเถอะ ไม่ต้องรอผมหรอก”

“แม่ของลูกเป็นห่วง หลับไม่ลงหรอก” พ่อของหลี่โหยวเต๋อพูดพลางสูบบุหรี่อยู่

แผนเดิมของเขาคือทำงานอีกสักสองปี แล้วจะยกงานในโรงงานเหล็กให้ลูกชาย จากนั้นลูกชายก็จะได้หาภรรยาได้ง่ายขึ้น มีงานทำมันก็ช่วยได้มาก

แต่แผนก็ไม่เป็นไปตามที่คิด

ครอบครัวนี้ลำบากมาก เขาเองก็มีความกดดันไม่น้อย บางครั้งเขาก็รู้สึกอึดอัดใจมากที่ลูกต้องเสี่ยงไปตลาดมืด ถ้าแขนของเขาไม่หัก เขาคงจะห้ามลูกได้แน่ๆ

“แม่! ไม่ต้องห่วงหรอก ตลาดมืดมีคนเยอะจะตายไป!”

แม่หลี่คิดในใจ ไม่ให้ห่วงได้ยังไงล่ะ? ไปขายของที่ตลาดมืดน่ะ มันคือการทำผิดกฎหมาย ถ้าถูกจับได้ต้องติดคุก มันจะไม่ให้กลัวได้ยังไง?

จากนั้น หลี่โหยวเต๋อก็หยิบเงิน 3 หยวน 9 เหมาที่เพิ่งได้มาส่งให้แม่ “แม่ นี่คือสิ่งที่ผมหาได้คืนนี้”

พ่อหลี่เห็นเงินก็ขมวดคิ้ว

เยอะขนาดนี้? แค่คืนเดียวเอง!

ถ้าทำได้ทุกวัน เดือนหนึ่งไม่เป็นร้อยๆ หยวนเลยหรือ? ตอนนี้เงินเดือนเขาแค่ประมาณ 40 หยวนเท่านั้น ก่อนหน้านี้ก็แค่เกือบ 50 หยวน

ลูกชายหาได้มากกว่าของเขาสองเท่าเลยหรือ?

แม่หลี่ก็ตกใจเช่นกัน

แต่เธอไม่ได้ถามอะไรมาก ถ้าลูกไม่บอก ก็คงเป็นเรื่องที่บอกไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องกดดันลูกให้ลำบากใจ

เธอรับเงินมา แล้วก็ส่งกลับให้ลูกชาย 1 หยวน 9 เหมา พร้อมพูดว่า “ลูกก็โตแล้ว มีเงินติดตัวไว้บ้างก็ดี ต่อไปถ้าหาได้ก็ให้แม่ครึ่งหนึ่ง แม่จะเก็บไว้ให้ลูกแต่งงาน”

พ่อหลี่ก็อึดอัดใจเล็กน้อย ลูกชายถึงจะให้เงินแค่ครึ่งเดียว แต่ที่เหลือก็อาจจะมากกว่าค่าแรงของเขาแล้ว

ดูท่าว่าต่อไปจะต้องขอเงินลูกชายไว้ซื้อบุหรี่แล้วล่ะ

เงินของเขา 90% ส่งให้ที่บ้าน ค่าแรงที่ไม่สูงอยู่แล้ว ทำให้เหลือเงินติดตัวน้อยลงไปอีก ตอนนี้ก็เริ่มจะหันไปสูบบุหรี่ราคาถูกแล้ว

“พอแล้ว ไปนอนกันเถอะ” พ่อหลี่พูดขึ้น

หลี่โหยวเต๋อนอนอยู่บนเตียงแต่ก็หลับไม่ลง รายได้คืนนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก

เขาสาบานว่าจะทำให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้

ไป่ต้าวกลับถึงบ้าน พบว่าทุกคนหลับหมดแล้ว เขาก็แอบย่องกลับไปที่เตียงของตัวเอง แต่พอเอนตัวลงก็พบว่ามียาน้ำมันขวดเล็กๆใต้หมอน

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าแม่ของเขาแอบเอามาใส่ไว้ให้

ทุกครั้งที่เขาไปตีรันฟันแทงกับคนอื่นจนบาดเจ็บ แม่ก็มักจะใส่ยาน้ำมันไว้ใต้หมอนของเขาเสมอ

ส่วนโจวอี้หมินก็กำลังนั่งนับ “เงินเก็บ” ของตัวเองอยู่

เงินหนึ่งพันหยวนที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้ ตอนนี้เติมเข้าไปในร้านค้าแล้ว เหลือประมาณหกร้อยหยวน ส่วนใหญ่ใช้ไปกับการซื้อมันเทศและมันฝรั่งจากหมู่บ้านโจวและหมู่บ้านซ่างสุ่ย

แม้ว่ามันเทศกับมันฝรั่งจะราคาถูก แต่เมื่อซื้อจำนวนมากก็ใช้เงินไปไม่น้อย

และช่วงนี้ที่จัดหาพวกไข่ เนื้อแห้ง หมูป่า กวาง และหมีดำให้โรงงานเหล็กก็ได้กำไรมา 1,200 หยวน ซ่อมบ้านจ่ายให้ช่างกู้ไปสองร้อยหยวน ซื้อนาฬิกาก็หมดไปอีกสองร้อย

นอกจากนี้ยังได้เงินรางวัลจากปั๊มน้ำอีก 600 หยวน

คืนนี้หลี่โหยวเต๋อกับไป่ต้าวก็หาเงินกลับมาให้เขาประมาณ 260 หยวน

รวมทั้งหมดก็ราว 1,600 หยวน

ยังห่างไกลจากหมื่นหยวนที่ต้องการเพื่ออัปเกรดร้านค้า เขายังต้องพยายามอีกมาก!

เช้าวันต่อมา โจวอี้หมินก็เริ่มดูโซนสินค้าราคา 1 หยวน

วันนี้มีเกาลัด 100 ชั่ง กับเป็ดแห้ง 100 ชั่ง

โจวอี้หมินไม่ลังเลเลย ใช้ 2 หยวนเพื่อซื้อเกาลัดและเป็ดแห้งทันที

เกาลัดตอนนี้ราคาเป็นอย่างไร โจวอี้หมินไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นอาหารแป้ง คงจะราคาใกล้เคียงกับธัญพืชทั่วไป ส่วนเป็ดแห้งอาจจะถูกกว่าเนื้อวัวแห้งหน่อย เพราะมันมีกระดูก ไม่สามารถเทียบกับเนื้อแท้ ๆ ได้

เขาคิดอยู่สักพัก แล้วก็เอาเป็ดแห้ง 80 ชั่งออกมา วางไว้ในห้อง จากนั้นปิดไว้ รอให้หลี่โหยวเต๋อกับไป่ต้าวเอาไปตลาดมืดคืนนี้

โจวอี้หมินบอกไป่ต้าวกับหลี่โหยวเต๋อไว้แล้วว่าถ้ามีของจะวางไว้ในห้อง ให้พวกเขามาเอาตอนกลางคืน ถ้าไม่เห็นของก็แปลว่าวันนั้นไม่มีของ สามารถพักได้

หลังจากวางเป็ดแห้งเรียบร้อยแล้ว โจวอี้หมินก็ออกไปล้างหน้าแปรงฟันในลาน ก็ได้ยินป้าสองกำลังคุยกับคนอื่นๆ ว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงแมวผี รู้สึกไม่เป็นมงคลเลย

โจวอี้หมินเหงื่อตก

แมวผี?

“อี้หมิน เธอได้ยินไหม?” ป้าสองหันมาถามโจวอี้หมิน

โจวอี้หมินรีบส่ายหน้า “ไม่ได้ยินเลยครับ ผมนอนหลับลึกมาก”

ป้าสองไม่ได้สงสัยอะไร ก็ยังหนุ่มน่ะนะ! คนหนุ่มมักจะนอนหลับสบาย บางทีพวกคนที่ทำงานหนัก ๆ ก็นอนหลับจนฟ้าสว่างได้ทันที แม้จะมีฟ้าผ่าเสียงดังยังไม่ตื่น

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ โจวอี้หมินก็เตรียมของรางวัลที่ได้จากโรงงาน โดยเฉพาะใบประกาศนียบัตรที่ได้รับจากกลุ่มเยาวชนคอมมิวนิสต์

บนใบประกาศนียบัตรมีรูปท่านผู้นำ ธงแดงสองผืน ริบบิ้นสีเหลือง และดาวห้าแฉก รายละเอียดดีไซน์ดูสง่างามและจริงจัง สีหลักคือสีแดง เหลือง และน้ำเงิน ให้ความรู้สึกสดใสสวยงาม

ใบประกาศนียบัตรนี้เอากลับไปให้คุณปู่ของเขาได้ดู ท่านคงจะดีใจมาก

นอกจากนี้ยังมีแก้วน้ำเคลือบและกระติกน้ำร้อน ที่นี่เขามีอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้เลยเอากลับไปให้คุณปู่คุณย่าแทน

เขายังเอาเป็ดแห้งอีก 20 ชั่ง กับเกาลัดอีก 20 ชั่งติดตัวไปด้วย

หลังจากแวะกินอาหารเช้าที่ร้านข้างทางแล้ว เขาก็ตรงไปหมู่บ้านโจวทันที

เดินไปได้ครึ่งทาง โจวอี้หมินก็หยุด เพราะเห็นว่ามีทารกถูกทิ้งอยู่ข้างถนน กำลังร้องไห้เสียงดัง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นครอบครัวที่ไม่สามารถเลี้ยงได้เลยทิ้งไว้

น่าสงสารจริงๆ!

เขาที่เคยมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 21 ไม่สามารถทำใจทิ้งเด็กน้อยแบบนี้ได้เลย

เขาจอดจักรยาน แล้วเดินกลับไปสิบกว่าเมตร มายังที่ที่เด็กน้อยคนนั้นถูกทิ้ง พบว่าเป็นเด็กผู้หญิง เข้าใจได้ทันที เด็กหญิงถูกห่อด้วยผ้าขาด ๆ วางอยู่ในตะกร้า

เขาลังเลอยู่สักพัก มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครเลย

“เฮ้! พ่อแม่ของเด็กอยู่ไหน ออกมาหน่อยสิ! ถ้ามีปัญหา ผมพอช่วยได้บ้างนะ ไม่ได้โกหก”

โจวอี้หมินพยายามเรียกหาพ่อแม่ของเด็ก

แทนที่จะเอาเด็กไปเลี้ยงเอง เขายอมให้ข้าวให้ของกับครอบครัวนั้น แล้วให้พวกเขาเลี้ยงเองจะดีกว่า ไม่ต้องลำบากขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าโจวอี้หมินจะเรียกยังไง บริเวณนั้นก็เงียบไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

โจวอี้หมินแอบด่าโชคชะตาที่โหดร้าย แล้วก็ได้แต่ต้องอุ้มทารกหญิงคนนั้นขึ้นมา ปวดหัวเลยทีนี้

เขาไม่รู้เลยว่า หลังจากที่เขาเดินออกไปแล้ว ก็มีผู้ชายหน้าตาหมดหวังคนหนึ่งยื่นหัวออกมาจากกองฟางที่อยู่ไม่ไกลนัก

จะโทษเขาใจร้ายก็ไม่ได้ ครอบครัวเขามีลูกอยู่แล้วสามคน เมียเขาก็เพิ่งเสียชีวิตเพราะคลอดลูก เขาไม่สามารถเลี้ยงลูกสาวที่เพิ่งเกิดมาได้จริง ๆ จึงต้องทิ้งแบบนี้

เมื่อกี้ที่โจวอี้หมินเรียก เขาแทบจะทนไม่ไหว

เขาเห็นว่าชายคนนั้นขี่จักรยาน ฐานะน่าจะดี ลูกสาวของเขาอยู่กับครอบครัวแบบนั้นจะมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่า จึงได้กัดฟันทนไม่ออกไป

จนกระทั่งจักรยานลับสายตาไปแล้ว เฉินจงจึงค่อย ๆ เดินกลับบ้านอย่างช้า ๆ

แม่ของเขากำลังเช็ดน้ำตา ลูกทั้งสามคนก็นั่งอยู่ข้างศพของแม่ที่ยังไม่ได้ฝัง

“ส่งไปแล้วเหรอ?” แม่ของเฉินจงถามด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า

เฉินจงพยักหน้า “มีผู้ชายคนหนึ่งที่ขี่จักรยานมาอุ้มไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี แปลว่าเด็กคนนี้โชคชะตายังไม่ถึงฆาต”

ถึงจะโศกเศร้า แต่ก็ยังมีความรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง

คนที่มีจักรยาน หมายความว่าฐานะดี คงไม่ลำบากถ้าจะมีอีกคนในครอบครัว

อีกอย่าง เมื่อมีคนอุ้มทารกหญิงไป ก็แปลว่าคนๆ นั้นใจดี

ได้อยู่กับครอบครัวแบบนั้น ก็ถือว่าเป็นบุญของเด็กน้อยคนนี้ ที่แม่ของเธอยอมสละชีวิตตัวเองแลกมา

(จบบท)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด