บทที่ 35 ไปตลาดมืด
โจวอี้หมินกลับมาที่สี่ห้องคฤหาสน์ ขณะที่เดินผ่านลานหน้าก็ถูกลุงใหญ่เรียกไว้
“อี้หมิน เขากวางฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ว เอาไปหมักเหล้าได้นะ แต่ต้องระวังเรื่อง…”
ลุงใหญ่บอกวิธีการหมักเหล้าให้โจวอี้หมิน เช่น ปริมาณเขากวางที่ควรใช้ต่อเหล้าหนึ่งชั่ง ควรหมักกี่วัน เป็นต้น
“ได้ครับ! ขอบคุณครับ ลุงใหญ่”
โจวอี้หมินรับเขากวางที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว
“ไอ้หนู อย่ามาขอบคุณลุงเลย รีบกลับไปเถอะ!”
ลุงใหญ่เป็นหมอที่ห้องพยาบาลในโรงงานเหล็ก เขารู้เรื่องที่โจวอี้หมินทำในโรงงานด้วย เขารู้สึกพอใจและภูมิใจในตัวเด็กหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดในลานนี้
โจวอี้หมินทำให้สี่ห้องคฤหาสน์ของพวกเขามีชื่อเสียงขึ้นมา
ระหว่างทางกลับบ้านหลังเลิกงาน เขายังพบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานชุมชนอีก ที่มาชมเชยโจวอี้หมินและและยังได้ชมเชยสี่ห้องคฤหาสน์ที่เขาอาศัยอยู่ด้วย
เพียงแค่ช่วยจัดการเขากวางให้ โจวอี้หมินก็ให้แอปเปิลสองลูกกับครอบครัวลุงใหญ่
บ้านเขาครั้งล่าสุดที่ได้กินแอปเปิลก็ต้องย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน
หลังจากบอกลาลุงใหญ่ โจวอี้หมินก็กลับมาที่ห้องของตัวเองในลานกลาง แล้วนำเขากวางที่หั่นไว้ใส่เข้าไปในกระเป๋าร้านค้า
จากนั้นเขาก็นำเนื้อแห้งที่เหลือออกมา ประมาณ 40 ชั่งได้ และน้ำตาลแดง 60 ชั่ง เขาตั้งใจจะให้หลี่โหยวเต๋อกับไป่ต้าวไปลองขายที่ตลาดมืดในคืนนี้
เขาไม่ค่อยกินเนื้อแห้งเท่าไหร่ กินของสดไม่ดีกว่าเหรอ ดังนั้นจึงให้ไป่ต้าวเอาไปขายดีกว่า
ส่วนน้ำตาลแดง เขาเองก็กินไม่หมดแน่นอน มีตั้ง 100 ชั่ง นอกจากเอากลับไปให้คุณย่า 2 ชั่ง แบ่งให้หลี่โหยวเต๋อและไป่ต้าวคนละ 1 ชั่ง ที่เหลือก็ยังอยู่ครบ
ไม่นาน ไป่ต้าวกับหลี่โหยวเต๋อก็มาหาในความมืด ด้วยท่าทางลับๆล่อๆ ถ้าใครไม่รู้คงคิดว่าพวกเขากำลังนัดชู้กัน
“แบ่งคนละครึ่ง จะขายเท่าไหร่ให้ไปถึงตลาดมืดค่อยดูราคาก่อนค่อยตัดสินใจ จำไว้ว่าถ้ามีอะไรผิดปกติให้ทิ้งของได้เลย” โจวอี้หมินเตือนพวกเขาอีกครั้ง
หลี่โหยวเต๋อกับไป่ต้าวเห็นเนื้อแห้งกับน้ำตาลแดงมากมายก็ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ
“ยืนงงทำไมกัน?”
ทั้งสองจึงได้สติ กล้าๆกลัวๆ แต่ก็ตื่นเต้น
พวกเขารีบแบ่งของกันไป คนละ 20 ชั่งเนื้อแห้ง และน้ำตาลแดงคนละ 30 ชั่ง
“ไม่ต้องห่วง ตลาดมืดน่ะฉันคุ้นเคยดี นายไม่ต้องกังวลหรอก” ไป่ต้าวบอกทันที
โจวอี้หมินเหลือบตามองเขา “ฉันไม่วางใจที่สุดก็คือนายแหละ ทำการค้าต้องใจเย็น อย่าไปคิดจะตีกับใครเขาง่ายๆ”
ถ้าของไม่ขายไม่ได้ แถมเดินขากะเผลกกลับมา มันคงน่าขำมาก
หลี่โหยวเต๋อเป็นคนที่อดทนได้มากกว่า โจวอี้หมินจึงวางใจเขามากกว่า
ทั้งสองคนไม่พูดอะไรมากอีก ถือเนื้อแห้งกับน้ำตาลแดงแล้วออกเดินทางไป ในปักกิ่งมีตลาดมืดมากกว่าหนึ่งแห่ง ดังนั้นพวกเขาจึงแยกย้ายกันไปคนละตลาด จะได้ไม่ต้องแข่งขันกันเอง
ไป่ต้าวรู้กฎดี เมื่อตอนเข้าไปในตลาดมืด เขาต้องจ่ายค่าเข้า 1 หยวน
ดังนั้นถ้าของที่ขายมีจำนวนน้อยหรือราคาไม่สูง ก็ไม่คุ้มที่จะไปตลาดมืด มิฉะนั้นจะเหมือนข่าวในภายหลังที่มีคนแก่ขายหน่อไม้ได้แค่ 8 หยวน แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 10 หยวน
อย่างไรก็ตาม ตลาดมืดเขาก็ไม่ได้เก็บเงินเปล่า ๆ
หนึ่งคือพวกเขาจัดหาสถานที่และแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขาย สองคือมีคนคอยดูแลให้ หากมีเจ้าหน้าที่มาลาดตระเวน พวกเขาจะแจ้งเตือนและบอกให้ทุกคนหนีได้ทัน
เมื่อไป่ต้าวเข้าไปในตลาดแล้ว เขายังไม่ได้รีบตั้งแผง แต่เดินดูลาดเลารอบหนึ่งก่อน เพื่อจะได้รู้ราคาในวันนี้
เมื่อรู้ราคาที่เหมาะสมแล้ว เขาถึงได้เริ่มหาที่ตั้งแผง
พอเขาเพิ่งจะตั้งแผง ก็มีคนเริ่มเข้ามาดูแล้ว
เพราะทุกคนต่างก็คลุมตัวมิดชิด จึงทำให้ป่ต้าวจึงมองไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย แต่ได้ยินเสียงน่าจะเป็นคนแก่
“มีอะไรขายบ้าง?”
ไป่ต้าวกดเสียงให้ต่ำ “เนื้อวัวแห้ง น้ำตาลแดง เอาไหม?”
อีกฝ่ายได้ยินว่าเป็นเนื้อแห้งกับน้ำตาลแดง ก็ตกใจเล็กน้อย รีบถามต่อว่า “ขายยังไง?”
ไป่ต้าวเปิดผ้าออกเล็กน้อย ให้เห็นเนื้อแห้งและน้ำตาลแดงที่อยู่ข้างใน
“เนื้อแห้งชั่งละ 5 หยวน น้ำตาลแดงชั่งละ 1 หยวน 2 เหมา”
“แพงขนาดนี้? เนื้อสดในร้านเนื้อยังไม่ถึง 1 หยวนเลย น้ำตาลแดงยังไม่ถึงครึ่งหยวน...”
ไป่ต้าวปิดผ้าลง ส่ายมือ “งั้นคุณไปซื้อที่ร้านเนื้อเถอะ!”
มาถึงตลาดมืดแล้ว ยังจะเอาราคาตลาดไปเทียบทำไม? จะซื้อเนื้อในร้านเนื้อยังต้องใช้ตั๋วซื้อของเลย! แถมมีตั๋วก็ไม่ได้แปลว่าจะซื้อได้ ต้องไปเข้าแถวแต่เช้าด้วย
“ลดหน่อยได้ไหม?”
ไป่ต้าวส่ายหัว “ลดไม่ได้”
เขาไม่รีบ ข้าวของที่เป็นอาหารแบบนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้
คนคนนั้นกัดฟันควักเงินออกมา 12 หยวน 4 เหมา พูดว่า “เอาเนื้อแห้ง 2 ชั่ง น้ำตาลแดง 2 ชั่ง”
แค่นั้นก็ขายได้แล้วหนึ่งครั้ง
ทางฝั่งหลี่โหยวเต๋อก็ราบรื่นดีเหมือนกัน เพิ่งจะตั้งแผงได้ไม่นาน เนื้อแห้งกับน้ำตาลแดงก็มีคนมาซื้อแล้ว แต่เขาขายน้ำตาลแดงในราคา 1 หยวน ถูกไป 2 เหมา
ยังไม่ทันเที่ยงคืน ทั้งสองคนก็กลับมาก่อนใครเพื่อน
มีเงินก้อนใหญ่อยู่กับตัว พวกเขาก็อดระแวงไม่ได้ ตลอดทางมีแต่ความกังวล
เนื้อแห้ง 20 ชั่ง ขายได้ 100 หยวน น้ำตาลแดง 30 ชั่ง ไป่ต้าวขายได้ 36 หยวน ส่วนหลี่โหยวเต๋อขายได้น้อยกว่า 6 หยวน
แต่ละคนมีเงินติดตัวเกิน 100 หยวนไปแล้ว พวกเขาเคยมีเงินมากขนาดนี้ที่ไหนกัน?
ไป่ต้าวย่องมาที่หน้าบ้านโจวอี้หมิน ทำเสียงแมวร้องเรียก
“เหมียว...”
“เหมียวอะไรของนาย! ร้องทำไม? เป็นบ้าเหรอ? เสียงโคตรแย่เลย” โจวอี้หมินได้ยินเสียงก็รู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อแห้งหรือน้ำตาลแดง ล้วนแต่เป็นของหายาก ขายออกได้ง่ายแน่นอน
ไป่ต้าวหัวเราะแห้ง ๆ “ก็นายบอกว่าอย่าทำให้คนในลานรู้ตัวไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ต้องร้องเหมียวก็ได้! ลานเรามันไม่มีแมว ถ้าแมวมาร้องกลางดึกบ่อย ๆ คนในลานจะนึกว่าผีหลอกกันพอดี!” โจวอี้หมินเหนื่อยใจกับเจ้านี่จริง ๆ
“จริงด้วยสิ! งั้นร้องเสียงไก่ดีไหม?”
ในลานมีไก่อยู่
โจวอี้หมินรู้สึกหมดคำพูด เป็นตัวตลกหรือไง? “เถอะน่า! ไก่มันก็ต้องนอน นายต้องเอาเงินมาให้ฉันตอนกลางคืนเหรอ ทำไมไม่ให้กลางวันไปเลย หรือจะให้ตอนมารับของรอบสองก็ได้” โจวอี้หมินเตือนเขา
“ฉันมีเงินติดตัวเยอะขนาดนี้ ฉันจะหลับลงได้ยังไง?”
จากนั้น ไป่ต้าวก็เล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้โจวอี้หมินฟัง
โจวอี้หมินรับเงินมา นับดูก่อนจะให้ค่าคอมมิชชั่นไป่ต้าวไป 4 หยวน 8 เฟิน
“เฟินไม่ต้องก็ได้ กลับไปนอนเถอะ” ไป่ต้าวรับแค่ 4 หยวน
เขาพอใจมากแล้ว ได้เงิน 4 หยวนต่อวัน เมื่อก่อนฝันยังไม่กล้าฝันแบบนี้เลย
ไม่นาน หลี่โหยวเต๋อก็ย่องกลับมาเหมือนกัน
แต่เขาไม่ได้ทำตัวประหลาดเหมือนไป่ต้าว แค่เคาะประตูเบาๆ สองที “อี้หมิน นอนหรือยัง?”
“ต่อไปขายของเสร็จแล้ว พวกนายเก็บเงินไว้ก่อนก็ได้” โจวอี้หมินเปิดประตูให้หลี่โหยวเต๋อเข้ามา
ถ้าทำแบบนี้ทุกครั้ง ฉันจะได้นอนไหม?
ที่ให้พวกนายมาช่วยก็เพราะไม่อยากเป็นคนนอนดึกเอง
“ได้!”
หลี่โหยวเต๋อพยักหน้า ครั้งแรกที่มีเงินมากขนาดนี้ติดตัว เขาก็ไม่สบายใจเหมือนกัน กลัวจะทำหาย
โจวอี้หมินรับเงิน 130 หยวนจากหลี่โหยวเต๋อ แล้วก็แบ่งให้เขา 3 หยวน 9 เหมา
หลี่โหยวเต๋อถือเงิน 3 หยวน 9 เหมาในมือ รู้สึกตื่นเต้นมาก แม้ภายนอกจะดูสงบก็ตาม เขากลับมาถึงบ้าน เปิดประตูออกก็ได้ยินเสียงพ่อเขา
“กลับมาแล้วเหรอ?”
หลี่โหยวเต๋อมองเข้าไป เห็นว่าแม่ก็ยังไม่นอน ทั้งสองคนน่าจะรอเขากลับมา
(จบบท)