บทที่ 31 ตลาดมืดที่มืดจริงๆ
หลี่หลงใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วออกไปทางห้องทิศตะวันตก แต่เมื่อมองไปที่หน้าประตูรั้วก็เห็นเงาคนตัวใหญ่ยืนอยู่ เขาตกใจและตะโกนถามว่า “ใครน่ะ?”
“พี่หลง ผมเอง” เสียงของเถาต้าเฉียงดังขึ้นมา
“ต้าเฉียง นายมาทำอะไรแต่เช้าจัง?” หลี่หลงโล่งอกไปที แล้วถามด้วยความสงสัย “ฉันยังไม่ทันได้กินข้าวเลย กะว่าจะไปหานายที่บ้านอยู่พอดี”
“ผมกลัว...กลัวจะมาไม่ทันน่ะ” เถาต้าเฉียงเกาหมวกตัวเองและหัวเราะแบบเขิน ๆ
“เข้ามาก่อนสิ” หลี่หลงเดินเข้าไปดึงตัวเขาเข้ามาในบ้าน แล้วก็เห็นว่าหมวกของเถาต้าเฉียงเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ขนคิ้วและขนตาก็มีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่ เขาถามด้วยความตกใจว่า “นายมาตั้งแต่กี่โมงกัน?”
“ไม่...ไม่แน่ใจครับ” เถาต้าเฉียงพูดติดๆขัดๆปากแข็งไปหมดเพราะความหนาว
“เข้ามาข้างในเร็ว! เมื่อคืนนี้นายคงไม่ได้นอนล่ะสิ?”
หลี่หลงแค่เดาไปเรื่อย ๆ แต่ก็กลับทายถูกเกือบหมด
เมื่อวานหลังจากเถาต้าเฉียงกลับบ้านไป ก็พบว่าไม่มีอาหารที่เตรียมไว้สำหรับตัวเอง เขาจึงไม่พูดอะไรและเข้านอนเร็ว แต่พอได้นอนกลับรู้สึกกระสับกระส่าย กลัวว่าจะตื่นไม่ทันเพราะหลี่หลงบอกว่าจะออกเดินทางก่อนฟ้าสาง เขาจึงนอนพลิกตัวไปมา สุดท้ายทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนั่งรออยู่บนเตียง
เถาเจี้ยนเซ่อพ่อของเขาหลับไปนานแล้ว เถาต้าเฉียงเห็นว่าใกล้เวลาแล้วก็เลยแอบออกมาจากบ้าน มุ่งตรงมายังบ้านของหลี่หลง
แต่เมื่อมาถึงบ้านหลี่หลงยังไม่ตื่นเลย เขาจึงได้แต่ยืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้าน จนกระทั่งเห็นหลี่หลงตื่นขึ้นมานั่นแหละ ช่วงเวลาที่รอนั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่ารอนานเท่าไรแล้ว
หลี่เจี้ยนกั๋วได้ยินเสียงพูดคุยกันจากข้างนอก เขาจึงเปิดประตูและเห็นเถาต้าเฉียงกับหลี่หลงก็รีบเชิญทั้งสองเข้ามาข้างในบ้าน
เหลียงเยวี่ยเหมยรีบตักข้าวต้มผสมแป้งข้าวโพดให้พวกเขากิน เถาต้าเฉียงจึงรีบเดินไปอิงผนังที่มีผิงไฟอยู่ ร่างกายเขาเพิ่งจะอบอุ่นขึ้นมาได้สักพัก
หลี่หลงล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ช่วยเหลียงเยวี่ยเหมยยกอาหารมาเสิร์ฟ เช้านี้มีขนมปังแป้งข้าวโพด ผัดเครื่องในแกะ น้ำซุปปลาที่เหลือจากเมื่อคืน และยังมีผักดองด้วย
หลี่หลงกับเถาต้าเฉียงกินอย่างเอร็ดอร่อย หลี่หลงพอใจก็เช็ดปากแล้วพูดกับหลี่เจี้ยนกั๋วว่า “พี่ครับ ในห้องผมมีไก่ป่าอยู่หลายตัว ผมจะเอาไปขายบ้าง ที่เหลือให้พี่จัดการให้หน่อยนะครับ เราจะได้กินกัน”
เถาต้าเฉียงมองหลี่หลงด้วยความทึ่ง พี่หลงนี่เก่งจริง ๆ ออกไปแป๊บเดียวก็หาเนื้อมากินได้แล้ว
หลี่เจี้ยนกั๋วปลดพวงกุญแจที่เหน็บอยู่ที่เอว เปิดลิ้นชักหีบเสื้อผ้าแล้วหยิบคูปองข้าวออกมากำหนึ่ง แล้วนับส่งให้หลี่หลงว่า “เอาไป นี่พอไหม?”
“ไม่พอ เอามาอีกหน่อย”
“ได้” หลี่เจี้ยนกั๋วก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนนี้น้องชายมีความสามารถหาเงินได้ เขาก็ยิ่งดีใจ
หลี่หลงก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่งกว่า หลี่เจี้ยนกั๋วอยู่แล้ว เพราะยังไงอีกไม่นานพอถึงฤดูใบไม้ผลิที่มีการแบ่งที่ดิน หลี่เจี้ยนกั๋วก็จะได้แสดงความสามารถเต็มที่ ที่ดินของตัวเองอีกสองหมู่ก็ต้องให้พี่ชายช่วยทำด้วย
หลี่หลงรับคูปองข้าวแล้วก็ออกจากบ้านไปกับเถาต้าเฉียง ทั้งคู่ลากเลื่อนออกมา หลี่เจี้ยนกั๋วช่วยยกถุงใส่ปลาขึ้นไปวางบนเลื่อน จากนั้นหลี่หลงก็ไปหยิบถุงไก่ป่าที่เตรียมไว้ออกมา หยิบไก่หกตัวที่ยังไม่ตายออกมาบิดคอทีละตัว ๆ ที่เหลืออีกห้าตัวยังมีชีวิตอยู่ เขามัดปากถุงแล้ววางบนเลื่อน เถาต้าเฉียงจับเชือกลากเลื่อนแล้วออกเดินไปอย่างรวดเร็ว
เลื่อนหิมะแบบง่ายๆ นี้ทำเหมือนกับเปลหาม ปลายไม้ด้านหน้าเชิดขึ้นนิดหน่อย ใต้ไม้ทั้งสองอันที่เชื่อมต่อกันมีเส้นลวดหนาอยู่เพื่อลดแรงเสียดทาน ใช้เชือกผูกติดด้านหน้าเพื่อช่วยในการลาก
ตอนนี้ถนนเต็มไปด้วยหิมะที่ถูกเหยียบจนกลายเป็นน้ำแข็ง ลากเลื่อนไปได้ง่ายดาย แทบไม่ต้องออกแรงก็ลากไปได้อย่างรวดเร็ว
เถาต้าเฉียงลากไปด้วยความฮึกเหิม ยิ่งลากยิ่งเร็ว หลี่หลงที่เดินตามหลังจึงต้องเตือนว่า
“ต้าเฉียง เวลาลากก็ระวังหน่อยนะ อย่าให้ของบนเลื่อนตกลงไป”
“อื้ม ผมรู้แล้ว!”
ทั้งสองค่อยๆหาย ลับสายตาไปสุดทางถนน
พอฟ้าเริ่มสว่าง ลู่ต้าเหม่ยก็มาเยี่ยมบ้านหลี่อีกครั้ง
“โอ้ แม่ของหลานนี่ ตื่นแต่เช้าเลยนะ?” เธอเห็นหลี่เจวียนและหลี่เฉียงเล่นอยู่บนเตียง จึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เหลียงเยวี่ยเหมยที่กำลังเย็บรองเท้าอยู่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก
เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าหลี่หลงออกไปขายปลาในเมือง จึงไม่พูดอะไรมาก แม้ว่านโยบายตอนนี้จะผ่อนปรนแล้วก็ตาม แต่ถ้าให้คนอื่นรู้มากก็ไม่ดี เพราะลู่ต้าเหม่ยเป็นคนขี้นินทา
“แม่ของหลาน ได้ยินมาว่าคนที่ยืมเกวียนไปขึ้นเขาเมื่อวานนี้ ลากไม้กลับมาได้แค่ครึ่งคันเองนะ! ที่เหลือไม่เห็นได้อะไรเลย!”
ลู่ต้าเหม่ยกระซิบกระซาบบอกข่าวที่ได้ยินมาให้เหลียงเยวี่ยเหมยฟัง
“ทำไมไม่ได้อะไรกลับมาเลย? ไม้ในเขามีตั้งเยอะตั้งแยะ”
“เขาบอกว่าเข้าไปถึงไม่ได้ เกวียนเข้าไปไม่ได้ คนเข้าไปได้แต่เกวียนเข้าไม่ได้” ลู่ต้าเหม่ยคิดว่าคนพวกนั้นงี่เง่าจริง ๆ ตอนฤดูร้อนพวกที่ทำงานเสริมยังเข้าไปได้เลย นี่อะไรพอถึงหน้าหนาวกลับหาเส้นทางไม่เจอ “ยังไงซะหลี่หลงเธก็เก่งนะ แต่ละครั้งที่กลับมาของเต็มเกวียนเลย!”
“ใช่ หลี่หลงโชคดีน่ะ” เหลียงเยวี่ยเหมยตอบด้วยความไม่ใส่ใจนัก
“ฉันว่าไม่ใช่โชคดี แต่หลี่หลงน่ะเก่งจริง ๆ” ลู่ต้าเหม่ยลืมความรู้สึกที่เคยด่าว่าหลี่หลงเป็นตัวปัญหาไปหมด แล้วเริ่มชมหลี่หลงแทน
“อ้อ ใช่สิ แม่ของหลาน ฉันมีหลานสาวคนหนึ่งอายุสิบเก้า เรียนจบประถมแล้ว ทำงานบ้านเก่ง หน้าตาก็ดี เธอคิดว่าอยากจะแนะนำให้หลี่หลงดูไหม...”
“ต้องลองถามหลี่หลงดูก่อน” เหลียงเยวี่ยเหมยพูดพลางยิ้ม “หลี่หลงเขาตาถึงอยู่”
“แหม ฉันก็รู้ ๆ ฉันแค่ลองถามดู ถ้าหลี่หลงตกลงก็ลองนัดเจอกันก่อน ดูว่าจะเข้ากันได้หรือเปล่า”
หลี่หลงไม่รู้เลยว่ามีคนเริ่มคิดจะลงทุนกับตัวเขาแล้ว พวกเขามาถึงตลาดมืดในตอนที่ฟ้ายังมืดอยู่ แต่ก็มีบางคนที่เริ่มเก็บของเตรียมกลับแล้ว
“พวกเขามาถึงกันเร็วขนาดนี้เลยหรือ?” เถาต้าเฉียงถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นบางคนจูงจักรยานที่ตะกร้าหลังใส่ของหมดแล้ว “พวกเขาออกจากบ้านกันตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?”
“พวกเขาบ้านอยู่ใกล้แถวนี้” หลี่หลงตอบ แล้วไปหาที่ว่างเพื่อหยุดเลื่อนและเตรียมของออกมาขาย
“ขายอะไรน่ะ?” มีคนเดินเข้ามาถามทันที
“ปลาน่ะ” หลี่หลงตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น “ยังมีไก่ป่าด้วยนะ”
“ปลาเหรอ? ปลาชนิดไหน?”
“ปลาคาร์พ ปลาหมอ ปลาตะเพียน ปลาจีน ปลาม้า มีหมดครับ” หลี่หลงเห็นชายคนนั้นถามอย่างจริงจัง จึงเงยหน้าขึ้นและตอบอย่างจริงจัง “คุณอยากได้ปลาอะไร? เอาเท่าไร?”
“เท่าไหร่ล่ะ?” ชายวัยห้าสิบกว่า ๆ สวมชุดซานจวง หน้าตาดูเหมือนข้าราชการ “ฉันเห็นว่านายไม่ได้เอาตาชั่งมาด้วย”
“ขายเป็นตัว ปลาคาร์พตัวใหญ่ ปลาม้าตัวละสองหยวน ปลาจีนตัวละหนึ่งหยวนห้าสิบ ปลาหมอและปลาเล็กสิบตัวหนึ่งหยวน ปลาพวกนี้ตัวใหญ่กว่าหนึ่งกิโลทั้งนั้น ราคาถูกสุด ๆ!”
หลี่หลงไม่มีตาชั่งและไม่ได้คิดจะเอามาแต่แรก ช่วงหน้าร้อนของชีวิตที่แล้ว เขาขายปลาหมอจนพีคมาก ทุกตัวใช้การตวงด้วยชามใหญ่ประมาณหนึ่งกิโลกว่า ๆ แต่ตอนนี้ปลามันแข็งเป็นน้ำแข็งตวงเป็นชามไม่ได้ เลยต้องขายเป็นตัว
“เอาปลาออกมาให้ดูหน่อย” ชายคนนั้นมีท่าทีอยากซื้อ หลี่หลงจึงเอาปลาออกมาโชว์บนเลื่อน
คนอื่นๆ เริ่มเข้ามาดูด้วย
“ปลาดูดีเลยนะ ขนาดใหญ่ใช้ได้”
“ปลาม้าเนื้อหวานมาก ทำอาหารอร่อยมากเลยนะ!”
“ปลาหมอตัวใหญ่ ๆ แบบนี้อ้วนดีนะ...”
คนที่รู้จักปลาพากันมุงดูอย่างสนใจ
หลี่หลงเอาไก่ป่าห้าตัวออกมาด้วย หยิบมาหนึ่งตัวแล้วพูดว่า “ไก่ป่าที่เพิ่งจับมาใหม่ ๆ ตัวละสามหยวน เนื้ออร่อยกว่าไก่บ้านอีกนะ เป็นของป่าเลย!”
ทว่าคนที่ดูมีหลายคน แต่คนที่เลือกซื้อมีไม่กี่คน
เถาต้าเฉียงยืนมองคนที่เลือกปลาด้วยความประหม่า กลัวว่าคนพวกนี้จะหยิบปลาแล้วหนีไป
“หนุ่มน้อย ปลาคาร์พตัวนี้เท่าไร?” ผู้หญิงวัยสี่สิบกว่าคนหนึ่งหยิบปลาคาร์พตัวใหญ่ที่สุดขึ้นมาถาม
“สองหยวนครับ” หลี่หลงตอบด้วยรอยยิ้ม “ตัวนี้ตัวใหญ่สุด คุณดูสิ หัวสีแดง หางสีแดง สวยมาก!”
“จับมาตั้งแต่เมื่อไรเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นยังลังเลอยู่
“เมื่อวานนี้เองครับ ลองเปิดเหงือกดูได้เลย ยังแดงอยู่ พวกเราทุบรูน้ำแข็งเกือบหนึ่งเมตรกว่าจะจับได้ ไม่ง่ายเลยนะครับ!”
“งั้นฉันเอาตัวนี้” ผู้หญิงคนนั้นหยิบเงินออกมาจ่าย
ขายได้ตัวแรกแล้ว!
(จบบท)