บทที่ 172 ฉากที่ชวนกระอักกระอ่วน
[-แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ-]
[-Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอนแต่จะราคาแพงที่สุด-]
[-หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ-]
บทที่ 172 ฉากที่ชวนกระอักกระอ่วน
เย่เหรินถึงกับพูดไม่ออก
ทำไมถึงมีแสงศักดิ์สิทธิ์ด้วยล่ะ?
จุดอ่อนไหวของเทวทูตตกสวรรค์ส่องแสงเจิดจ้าราวกับมีแสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง
"สุดยอดไปเลย นี่มันเซ็นเซอร์ตัวเองได้ด้วย" เย่เหรินอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
แต่นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดของเทวทูตตกสวรรค์ก็คือปีกที่ไม่สมบูรณ์บนหลังของเธอ
ตรงนั้นควรจะมีปีกอยู่ แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยคราบเลือด
เหลือเพียงตอปีกที่หักสองข้าง ดูแล้วน่าสลดใจ
"เธอช่างงดงาม..." เจียงซุ่ยอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้
แม้แต่เธอก็ต้องยอมรับว่า ความงามของผู้หญิงตรงหน้าได้ก้าวข้ามขอบเขตของเผ่าพันธุ์ไปแล้ว
"ใช่..."
เย่เหรินพึมพำตาม เขาไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อน
ในเวลานั้น ลูกเจี๊ยบสองตัวที่หลังของเย่เหรินก็กลับคืนสู่ร่างจริงจากรอยสัก
พวกมันส่งเสียงร้องจิ๊บๆสองสามครั้งแล้ว...
ก็ไปเกาะที่ตอปีกที่หักของเทวทูตตกสวรรค์ ตรงรอยแตกต่อกันอย่างสมบูรณ์ รอยแผลหายดีอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา!
ในขณะเดียวกัน เทวทูตตกสวรรค์ที่หลับใหลก็มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้น
บนใบหน้าที่งดงามราวกับผลงานชิ้นเอกของพระเจ้า ขนตายาวขยับเล็กน้อย ราวกับกำลังจะลืมตา
แรงกดดันอันยิ่งใหญ่เกินจินตนาการแผ่ซ่านออกไปทุกทิศทางราวกับสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาลที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล โดยมีเธอเป็นศูนย์กลาง!
"อื้อ——!"
เจียงซุ่ยหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา
เธอรู้สึกว่าสติของตัวเองกำลังเลือนราง ราวกับจะถูกพลังที่มองไม่เห็นกลืนกินได้ทุกเมื่อ
"แย่แล้ว..."
เจียงซุ่ยพูดออกมาอย่างยากลำบาก นั่นคืออำนาจของเทวทูตตกสวรรค์ การลืมเลือนและการสร้างใหม่!
ทุกสิ่งรอบตัวบิดเบี้ยวภายใต้อิทธิพลของพลังนี้ ภาพที่เคยชัดเจนเริ่มพร่ามัว
ราวกับมียางลบขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นคอยลบโลกนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง แล้วจึงนำมันกลับมารวมกันใหม่ในรูปแบบที่บิดเบี้ยว
ซากปรักหักพังบนพื้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงความว่างเปล่า ราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง
วินาทีต่อมา สิ่งเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่ตำแหน่งและรูปร่างกลับเปลี่ยนไป ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยขยำและจัดวางมันอย่างตามใจชอบ
เจียงซุ่ยรู้สึกเวียนหัว
เศษเสี้ยวความทรงจำนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านในหัวของเธอ ราวกับถูกยัดเยียดความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอเข้าไป
ในขณะเดียวกัน ร่างกายของเธอก็กำลังถูกสร้างใหม่ในรูปแบบที่บิดเบี้ยวอย่างไม่อาจเข้าใจได้
เธอพยายามจะคว้าอะไรบางอย่าง แต่กลับพบว่าทุกอย่างก็เหมือนทรายที่ไหลผ่านปลายนิ้ว
ยิ่งพยายามคว้าไว้แน่นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไหลหายไปเร็วเท่านั้น
โลกบิดเบี้ยวราวกับดินน้ำมันในมือเด็ก ถูกบีบเค้นเปลี่ยนรูปไปมาอย่างไร้ทิศทาง
แต่แล้ว ทันใดนั้นเอง หมอกโลหิตก็ปะทุขึ้นรอบกายเย่เหริน
ทุกสิ่งที่หมอกโลหิตสัมผัส บิดเบือนราวกับน้ำแข็งละลาย ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติ
"หา?!" เจียงซุ่ยเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา ความกดดันรอบกายพลันหายไป
ดาบโลหิตค่อยๆปรากฏขึ้นด้านหลังเย่เหริน
ราวกับดอกไม้ปีศาจที่ผลิบานในขุมนรก งดงามแต่แฝงไว้ด้วยอันตราย
"ซู่ว!" คลื่นพลังไร้รูปแผ่กระจายออกไป มลทินแห่งการลืมเลือนและการเปลี่ยนแปลงที่เคยปกคลุมไปทั่วพลันสลายไปราวกับคลื่นกระทบฝั่ง
สิ่งที่เข้ามาแทนที่ คือ มลทินแห่งความกลัวของพี่ใหญ่เย่!
มลทินแห่งความกลัว ได้ลบล้างมลทินของเทวทูตตกสวรรค์!
และในวินาทีนั้น เทวทูตตกสวรรค์ก็ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์
เปลือกตาของเธอเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นดวงตาที่งดงามเกินบรรยาย...
ดวงตาคู่นั้นช่างงดงามเพียงใด!
เปล่งประกายดุจดวงดาว ลึกล้ำดุจห้วงมหาสมุทร
ราวกับเก็บงำปัญญาและความลึกลับไว้ไม่รู้จบ เพียงแค่ได้สบตา ก็ไม่อาจถอนสายตาไปได้
สายตาของเธอสบเข้ากับเย่เหริน
เวลาราวกับหยุดนิ่ง ความเงียบเข้าปกคลุม
ดวงตาของเทวทูตตกสวรรค์ที่งดงามราวกับจะสะกดทุกสรรพสิ่ง สะท้อนภาพของเย่เหริน
ดาบโลหิตที่อยู่ด้านหลัง หมอกแห่งความกลัวที่ลอยอยู่ในอากาศ และดวงตาสีดำสนิทที่ราวกับจะมองทะลุทุกสิ่ง...
กลัว!
ความกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน!
ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะจินตนาการได้!
ทำให้เธออยากจะหนี อยากจะออกห่างจากชายผู้น่ากลัวคนนี้!
"กรี๊ด!" เทวทูตตกสวรรค์เริ่มดิ้นรนอย่างรุนแรงในอ้อมแขนของเย่เหรินราวกับเป็นสัญชาตญาณ
เท้าอันงดงามไร้ที่ติเตะไปมาอย่างไม่เป็นท่า พยายามที่จะออกห่างจากชายที่ทำให้เธอกลัวอย่างสุดขีด
"เอ๋?!" เย่เหรินไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาจึงคลายมือออกโดยไม่รู้ตัว
"ตุ้บ!" เสียงทื่อๆดังขึ้น
เทวทูตตกสวรรค์ที่งดงามราวกับเทพธิดา ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
"โอ๊ย..." ถึงแม้เทวทูตตกสวรรค์จะมีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเล็กน้อย ดวงตาสวยมีน้ำตาคลอ
คราวนี้ เธอเจ็บจริงๆ!
เธอเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเองนะ!
สมองยังไม่ปลอดโปร่งเลย!
เห็นเทวทูตตกสวรรค์ล้มลงกับพื้น เย่เหรินก็รู้สึกตัว รีบเก็บดาบโลหิต หมอกสีแดงฉานก็จางหายไป
สัมผัสได้ว่าความรู้สึกน่ากลัวหายไปแล้ว เทวทูตตกสวรรค์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เธอค่อยๆควบคุมพลังแห่งการลืมเลือนและการสร้างใหม่ให้เบาบางลง
ทั้งสองมองหน้ากัน บรรยากาศก็เงียบขึ้นมาทันที
"เอ่อ...ให้ฉันช่วยพยุงเธอขึ้นไหม?"
เย่เหรินมองเทวทูตตกสวรรค์ที่ล้มลงกับพื้น ท่าทางดูไม่ได้ แต่ยังคงงดงามราวกับภาพวาด เขาไม่รู้จะพูดอะไร
เทวทูตตกสวรรค์เอามือปิดแก้มที่ร้อนผ่าว
ใบหน้าสวยไร้ที่ติเต็มไปด้วยความอับอาย เธออยากจะมุดดินหนี
เทวทูตตกสวรรค์อย่างเธอ กลับทำเรื่องน่าอายต่อหน้าผู้ชาย!
เวลานี้ น้องเจียงที่อยู่ข้างๆได้แต่คิด "?"
น้องเจียงที่เพิ่งรู้สึกตัวก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศแปลกๆ
เห็นว่าสถานการณ์เงียบ เจียงซุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดทำลายความเงียบ
"นี่ทั้งสอง...รู้จักกันเหรอ?"
"ไม่รู้จัก"
"ไม่รู้จัก"
พี่เย่และเทวทูตตกสวรรค์ตอบพร้อมกัน
คนหนึ่งรีบร้อน อีกคนก็ดูร้อนรน
"แค่กๆ--"
เทวทูตตกสวรรค์ไอเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอาย
เธอค่อยๆลอยขึ้นมา ร่างกายเปล่งแสงบริสุทธิ์
แสงค่อยๆรวมตัวกัน กลายเป็นชุดยาวที่ถักทอจากแสงศักดิ์สิทธิ์และขนนกสีขาวบริสุทธิ์
ชุดยาวปกปิดร่างกายที่สมบูรณ์แบบของเธอไว้ทั้งหมด
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เทวทูตตกสวรรค์ก็หันหน้าไป
ดูเหมือนไม่อยากให้เย่เหรินเห็นแก้มแดงระเรื่อของเธอ
แต่การกระทำของเธอ ในสายตาของเย่เหรินและเจียงซุ่ย กลับดูเหมือนยิ่งปิดยิ่งเปิดเผย
"ฉันขอสาบานด้วยอายุขัยสิบปีของแมคสไปซี่ ฉันไม่ได้เห็นอะไรเลยเมื่อกี้!"
ปีศาจเอนโทรปี "?"
เย่เหรินรีบยกมือขึ้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
เขาไม่ได้โกหก
เพราะจุดสำคัญบนร่างกายของเทวทูตตกสวรรค์มีแสงศักดิ์สิทธิ์ปกป้องอยู่
แต่คำพูดของเขาในตอนนี้...
ไม่เท่ากับเป็นการสารภาพกลายๆเหรอ?
เจียงซุ่ยและเทวทูตตกสวรรค์พร้อมใจกันเบ้ปาก มองเขาด้วยสายตาที่ต่างกัน คนหนึ่งนั้นผิดหวังอย่างสุดซึ้ง อีกคนหนึ่งกลับเดือดดาลด้วยความอับอาย
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง บรรยากาศมาคุอย่างประหลาด