Chapter 52: วางเหยื่อ
เที่ยงคืน โรงเรียนเซนต์เปาโล
ซิสเตอร์โมนี่ส่งฉินหรานออกจากโบสถ์และบอกให้เขาใช้รถม้าส่วนตัวของเธอ คนขับรถม้าย่อมเป็นหัวหน้ากองกำลังรักษาความปลอดภัยรี้ด รี้ดดูไม่เต็มใจบริการฉินหราน แต่เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของซิสเตอร์โมนี่ เขาก็แค่อยากทำงานให้เสร็จเร็ว ๆ ทันทีที่ฉินหรานขึ้นนั่งบนรถม้า รี้ดก็สะบัดแส้ในมือเสียงดังเพี๊ยะชัดเจน รถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่แล้วหายไปในหมอกยามกลางคืนอย่างช้า ๆ
เมื่อรถม้าลับสายตาไปแล้ว ซิสเตอร์โมนี่ก็หันกลับและเดินเข้าไปในโบสถ์ อัศวินผู้พิทักษ์ของเธอซ่อนตัวอยู่ในเงาจากแสงเทียนคอยระแวดระวังให้ ราว ๆ สิบวินาทีหลังจากนั้น กุนเธอร์สันก็เดินออกมาจากเงามืด
"อย่างที่ฉินหรานบอก คนโลภพวกนั้นคอยจับตามองโรงเรียนอยู่ตลอดเวลา พวกมันอาจจะใช้กล้องส่องทางไกลระยะไกลพิเศษหรือกล้องส่องกลางคืน พวกมันช่างกล้า!" กุนเธอร์สันยักไหล่ท่าทางเยือกเย็นหลังพูดจบ
"งั้นตอนนี้พวกมันคงเพ่งเล็งที่คุณฉินหราน!" ซิสเตอร์โมนี่ถอนหายใจเบา ๆ น้ำเสียงกังวล
"ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าฉินหรานเลือกที่จะทำตามแผนของเขาแสดงว่าเขามีความมั่นใจพอ แล้วจนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามแผน พวกเราแค่ต้องอดทนรอข่าวดีจากฉินหรานเท่านั้น" กุนเธอร์สันปลอบซิสเตอร์โมนี่
"ก็หวังว่าอย่างนั้น"
ซิสเตอร์โมนี่เดินไปตรงหน้ารูปปั้นเทพธิดา และเริ่มสวดภาวนาอีกครั้ง
ริมฝีปากของกุนเธอร์สันขยับเล็กน้อยราวกับอยากพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด
เขาถอยกลับเข้าไปในเงาเงียบ ๆ
ครั้งหนึ่งเคยเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ผู้มีเกียรติ ตอนนี้ทำได้เพียงคอยจับตาดูยามกลางคืน วันเวลาอันรุ่งเรืองของเขานั้นจบลงแล้ว และราศีของเขาก็หายไปตามวันเวลา
คำสาบานที่ครั้งหนึ่งเคยให้ไว้นั้นยังชัดเจน ทำให้เขาเริ่มเผชิญหน้ากับอารมณ์ของตัวเอง สำหรับกุนเธอร์สันแล้ว แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้ใครเข้าใกล้ซิสเตอร์โมนี่ได้อีก
...
ในเมืองตอนกลางคืนเงียบสงัด ถนนว่างเปล่า รถม้าแล่นไปตามทางโดยไม่เจออุปสรรคอะไร สิบนาทีให้หลับฉินหรานก็มาถึงบ้านเรียบร้อย รี้ดไม่แม้แต่จะกล่าวลาฉินหราน เขาแค่ขับรถม้าออกไปอย่างเร็ว ฉินหรานมองรี้ดจากไปอย่างเย็นชาแล้วยักไหล่ไม่สนใจ เขารู้ดีว่ามันเป็นความคิดเพ้อฝันที่อยากจะผูกมิตรกับคนกระด้างอย่างรี้ด มันทำไม่ได้ง่าย ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ
เขาดึงปกเสื้อโค้ทขึ้นมาปิดหน้ากันลมเย็นของกลางคืนและมุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นสองที่เขาอาศัยอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องผ่านชั้นล่าง บันไดอยู่ทางด้านนอกและเขาสามารถขึ้นไปถึงห้องของเขาได้โดยตรง
ประตูทำจากไม้แผ่นเดียว ที่ด้านบนของกรอบประตู มีป้ายหยาบ ๆ ขนาดประมาณฝ่ามือแขวนไว้ มีตัวหนังสือโย้เย้สะกดออกมาได้ว่า "นักสืบฉินหราน"
ตอนที่ชื่อตัวเองที่นี่ครั้งแรกฉินหรานก็แยกเขี้ยวไม่ได้ ถ้าเลือกได้ เขาไม่มีป้ายนี้บนประตูดีกว่า
เขาเอากุญแจออกมาไขประตูเปิดและเข้าไปในห้อง ห้องพักของเขาประกอบด้วยห้องด้านหน้าและห้องด้านใน และมีห้องน้ำแยก ห้องด้านหน้าเป็นห้องรับแขก ห้องทำงาน และส่วนรับประทานอาหาร ซึ่งจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย ห้องด้านในเป็นห้องนอน
ฉินหรานพอใจกับสภาพห้องมาก เขาไม่ได้เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ เขาแค่ไม่ชอบอยู่ในห้องรก ๆ
ในห้องพักไม่มีอะไรให้พูดถึง เขาสำรวจห้องเรียบร้อยแล้วเมื่อก่อนที่กลับมานอนที่นี่ ดังนั้น เมื่อฉินหรานเข้ามาในบ้าน เขาก็ตรงไปที่ห้องนอน คลายเสื้อโค้ทออกและนั่งรอเงียบ ๆ บนเตียง
เขากำลังรอไอ้สารเลวที่ตามล่าสมบัติของศาสนจักรแห่งอรุณรุ่ง
ฉินหรานเชื่อว่าพวกมันต้องมาหาเขา เขาเป็นถึงนักสืบที่เก่งที่สุดในเมืองเชียวนะ เขาไปปรากฏตัวที่โรงเรียนเซนต์เปาโลสองวันติด ๆ ถ้าเมื่อวานไปเพราะเรื่องของอัลทิลลี่ ฮันเตอร์ มันก็ดูสมเหตุสมผลดี แต่ที่ไปวันนี้ล่ะ?
ไม่เพียงแค่เขาอยู่ที่นั่นทั้งวัน แต่ยังได้รับการรับรองอย่างดีจากซิสเตอร์โมนี่อีกด้วย เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะสะกิดความสนใจของพวกมันแล้ว ไม่มีใครเรียกหานักสืบโดยไม่มีเหตุผล พวกเขาต้องการใช้ความสามารถของนักสืบแน่ ๆ
แล้วทำไมโรงเรียนเซนต์เปาโลถึงจะต้องการความช่วยเหลือจากนักสืบ?
เพื่อตามหาสมบัติพันปีของศาสนจักรแห่งอรุณรุ่ง!
ไม่มีเรื่องสำคัญอื่นแล้ว
ถ้าคนชั่วเหล่านั้นคิดไปในทางเดียวกันนี้ พวกมันต้องมาหาฉินหรานแน่ ๆ ฉินหรานรู้ดีแก่ใจ ถ้าไม่ใช่คืนนี้้ต้องเป็นคืนถัดไป ฉินหรานประเมินระยะเวลาที่พวกมันต้องใช้ในการเข้ามาหาเขา ถ้าเลยเวลาไปแล้วเขาอาจจะต้องใช้แผน B
โชคดี เขาไม่จำเป็นต้องใช้แผนสำรอง
ราว ๆ 20 นาทีต่อมา [ความฉลาด] ระดับ E+ ของเขาก็จับเสียงกุญแจกำลังถูกหมุนเปิดได้ ไม่ใช่เสียงจากการไขด้วยลูกกุญแจแต่เป็นอุปกรณ์จากโลหะสักชนิด มันไม่ได้ส่งเสียงดัง แต่ดังพอให้ฉินหรานได้ยิน
เขาเอื้อมมือไปหา [M1905] และกริช ค่อย ๆ ขยับออกจากห้องนอนมายืนพิงกำแพงด้านหลังประตูอย่างเงียบ ๆ มีเสียงแกรกดังชัดว่าประตูห้องของเขาถูกบางคนเปิดเข้ามา ถัดจากเสียงก็มีเงาร่างคนผ่านเข้าประตูมาช้า ๆ คนคนนั้นกวาดตามองรอบห้องและชำเลืองไปทางห้องนอน ก่อนจะขยับไปทางนั้นเงียบ ๆ มันไม่สังเกตเห็นฉินหรานที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูในสถานะ [อำพราง]
ฉินหรานจับตามองคนผู้นั้นอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจแล้วว่ามันมาคนเดียวเขาก็ขมวดคิ้วนิด ๆ ตามที่ซิสเตอร์โมนี่บอก พวกมันน่าจะมีอย่างน้อยสองคน ถ้าเขาเห็นแค่คนเดียว แปลว่า...
ในใจฉินหรานกำลังประเมินสถานการณ์ แต่คำตอบก็ชัดเจน เขาเดาถูกตั้งแต่ต้น
ฉินหรานเข้าถึงด้านหลังของคนผู้นั้นเงียบ ๆ เขายก [M1905] ในมือขึ้นจ่อเข้าที่ท้ายทอยของมัน ผู้บุกรุกตัวแข็งทื่อทันที
"ฉันไม่ได้มาร้ายนะ!" มันพูดด้วยเสียงสูงขึ้น "ฉันอธิบายได้!"
"ฉันรอฟังอยู่ แต่ความอดทนฉันมีจำกัดนะ!"
คนผู้นั้นเหมือนจะหวังให้ฉินหรานลดปืนลง แต่ฉินหรานไม่ได้ทำ กลับกัน กดปลายกระบอกปืนลงไปแรงขึ้น
"ผมบอกแล้ว! ผมบอก! พวกเรามาที่นี่เพราะต้องการร่วมมือกับคุณ! มันเกี่ยวกับความลับของศาสนจักรแห่งอรุณรุ่ง!"
ปืนทำให้มันคายทุกอย่างออกมาอย่างรวดเร็ว พอได้ยินอย่างนั้นฉินหรานก็ยกยิ้มขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่ามันพูดเกินจริงเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง มันกำลังใช้คำพูดกำกวมเพื่อสะกิดความสนใจของฉินหราน
มันแน่ใจว่าฉินหรานรู้ไม่มากและคิดว่ามันน่าจะสามารถใช้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ หนังสือ หรือเอกสารส่วนตัวของสันตะปาปาแห่งศาสนจักรแห่งอรุณรุ่งมาอ้างเพื่อให้ตัวเองหลุดจากสถานการณ์นี้ได้ ถ้าซิสเตอร์โมนี่และกุนเธอร์สันรู้ตำแหน่งที่ซ่อนของสมบัติพันปีนั่นก็จะเป็นการยืนยันการคาดเดาของคนพวกนี้ แต่เรื่องของเรื่องก็คือ มันไม่รู้ว่าซิสเตอร์โมนี่และกุนเธอร์สันไม่รู้ตำแหน่งที่ซ่อนสมบัติ ถ้าไม่เพราะจู่ ๆ พวกมันปรากฏตัวขึ้นมา ซิสเตอร์โมนี่และกุนเธอร์สันก็คงยังคิดว่าเรื่องสมบัตินั้นเป็นแค่ตำนาน
คนคนนี้คงจะคิดว่าซิสเตอร์โมนี่และกุนเธอร์สันรู้ว่ามีสมบัตินี้อยู่และอาจจะรู้ตำแหน่งที่ซ่อนโดยคร่าว ๆ แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งแน่ชัดได้ พวกเขาจึงค่อย ๆ ทำการค้นหาอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อมีคู่แข่งปรากฏตัวขึ้น ซิสเตอร์โมนี่และกุนเธอร์สันก็ถูกบีบให้ต้องขอความช่วยเหลือจาก "นักสืบคนนอก" ผู้นี้
คนพวกนี้คิดว่าพวกมันสามารถโน้มน้าวให้ "คนนอก" นั้นมาอยู่ฝ่ายมันได้โดยใช้สมบัติของศาสนจักรแห่งอรุณรุ่งเป็นเหยื่อล่อ หลังจากนั้น พวกมันก็คงกำจัดฉินหรานทิ้งไปเพื่อเก็บความลับเอาไว้
ฉินหรานแน่ใจว่านี่เป็นแผนการของพวกมัน ดังนั้นเขาจึงให้คำตอบต่อข้อเสนอของพวกมันโดยตรง
เขาถีบกระดูกสะบ้าของมัน หักกระดูกข้อต่อของมันในทันที ผู้บุกรุกกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด แต่ก่อนที่เสียงจะหลุดออกมาจากปาก ฉินหรานก็ปิดปากของมันไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและชกเข้าที่ท้องของมันอย่างแรง
[เตะ: ก่อความเสียหาย 30 แต้มต่อเป้าหมาย กระดูกข้อต่อเคลื่อน...]
[ชก: ก่อความเสียหาย 20 แต้มต่อเป้าหมาย เป้าหมายหมดสติ...]
หลังจากที่ผู้บุกรุกล้มลงไป ฉินหรานก็เอาผ้าปิดหน้าของมันออก แสงสลัวจากหน้าต่างส่องให้เห็นหน้าตาของมัน ผู้ชาย มีดวงตาเล็ก จมูกแบน รูปร่างเล็ก และผมสีดอกเลา หน้าตาไม่เป็นที่จดจำ และนับได้ว่าขี้เหร่
ฉินหรานค้นตัวของผู้บุกรุกเพื่อลูทของ มีดเล่มหนึ่ง ปืนคาบศิลา กล้องส่องทางไกลตาเดีย และกุญแจผีอีกชุดหนึ่งคือทั้งหมดที่ผู้บุกรุกมี มีด ปืน และกล้องส่องทางไกลไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่กุญแจผีทั้งชุดขนาดเท่าฝ่ามือหน้าตาเหมือนกระเป๋าสตางค์ใบเล็กนี่สิ ทำให้ฉินหรานแปลกใจมาก
[ชื่อ: กุญแจผี]
[ชนิด: อื่น ๆ]
[สภาพ: ดีมาก]
[พลังโจมตี: ไม่มี]
[ค่าสถานะ: ความแม่นยำ ระดับ 1]
[ผลลัพธ์พิเศษ: ไม่มี]
[เงื่อนไขการใช้งาน: สะเดาะกุญแจ (พื้นฐาน)]
[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]
[หมายเหตุ: ทำจากกิ๊บติดผม ลวดเหล็ก และไขควง]
...
[ความแม่นยำ ระดับ 1: เพิ่มความสำเร็จของการสะเดาะกุญแจ 10%]
...
"อุปกรณ์ที่มีค่าสถานะเสริม!"
เป็นอุปกรณ์ที่มีสถานะเสริมชิ้นแรกที่ฉินหรานได้รับตั้งแต่เข้ามาในดันเจี้ยนทางการแรกนี้
"นี่เป็นของดีจากภารกิจที่มีความยากพิเศษ!" ฉินหรานตื่นเต้น ทันใดนั้น เขาก็มองกลับไปที่ผู้บุกรุก นี่สินะ ที่ทำให้มันบุกเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
สะเดาะกุญแจ!
ฉินหรานค่อนข้างแน่ใจว่าถ้าเขาฆ่าผู้ชายคนนี้ หนังสือสกิลเดียวกันนี้จะตกออกมา