บทที่ 9 ท่านนักพรต สนใจยาเม็ดจงเหมี่ยวสักหน่อยไหม?
เวลามีเรื่องเรียกลุงเฉิน เวลาปกติก็เรียกท่านนักพรตเฉิน!
เฉินซิ่วผิงเป่าหนวดอย่างขุ่นเคือง แต่แล้วก็ยิ้มแย้มเล่าเรื่องซุบซิบที่เขาชอบที่สุดอย่างกระตือรือร้น
เขามีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว
ปกติก็ขี้งกและชอบเอาเปรียบคนอื่น เวลาเขาขายของจะไม่เคยยอมขาดทุน แถมยังจะเก็บค่าตั้งแผงกับหลัวเฉิน นักพรตน้อยระดับขั้นฝึกพลังชั้นสามอีกด้วย
สิ่งเดียวที่เขาชอบแบ่งปันฟรี ๆ ก็คงจะเป็นประสบการณ์ที่พบเห็นมานานกว่า 60 ปีของเขา
“หยุนจงเหอ? เจ้าหมายถึงท่านหยุนเหอซ่างเหรินใช่ไหม!”
“ถ้าเจ้าไปถามคนอื่น พวกเขาอาจไม่รู้จัก แต่ข้าพอจะรู้อยู่บ้าง”
“ในสามสิบหกดินแดนแห่งตะวันออก ดินแดนของเรานับว่าอยู่สุดขอบทางทิศตะวันออก ติดกับภูเขาหลายล้านลูก ดินแดนทั้งหกแห่งนี้ล้วนแต่มีพื้นที่ติดกับภูเขาหลายล้านลูก พวกเขาจึงมีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่าหกดินแดนสุดตะวันออก”
“ดินแดนใหญ่แต่ละแห่ง ล้วนมีสำนักมากมาย แต่มีเพียงสำนักที่เคยให้กำเนิดเซียนผู้ฝึกพลังระดับหยวนอิงเท่านั้น ที่จะสามารถใช้ชื่อดินแดนเพื่อขนานนามสำนักของตนได้”
“สำนักของท่านหยุนเหอซ่างเหรินก็อยู่ในดินแดนเหอฮวน สำนักที่ท่านอยู่ก็คือสำนักเหอฮวน ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเหอฮวน!”
หลัวเฉินฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้เรื่องราวของโลกภายนอกนอกเหนือจากตลาดต้าหอฝาง
เขาจึงถามขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ “ถ้าอย่างนั้น ดินแดนของเราก็คงจะชื่อดินแดนหยกติ่งสินะ?”
“ถูกต้อง ที่นี่มียอดสำนักอย่างสำนักกระบี่ยุทธหยกติ่งที่แข็งแกร่งที่สุด เราจึงเรียกกันว่าดินแดนหยกติ่ง”
เฉินซิ่วผิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เล่าต่อว่า “สำนักกระบี่ยุทธหยกติ่งขึ้นชื่อเรื่องพลังการต่อสู้มาก ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ใกล้ภูเขาหลายล้านลูกที่สุด ภายใต้การดูแลของพวกเขามีจุดยุทธศาสตร์ที่ใช้โจมตีภูเขาหลายล้านลูก ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่หลายแห่ง และตลาดต้าหอฝางก็คือหนึ่งในนั้น”
เล่ามาถึงตรงนี้ เขารู้สึกว่ามันแปลก ๆ
จึงเป่าหนวดแล้วถลึงตา “เจ้าเด็กนี่อย่าแกล้งเบี่ยงประเด็น ข้ากำลังพูดถึงท่านหยุนเหอซ่างเหรินอยู่!”
“สำนักเหอฮวนขึ้นชื่อเรื่องคัมภีร์ฝึกฝนแบบคู่ผสมที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนหกแห่งของพวกเขา เช่น ตึกเทียนเซียงในดินแดนของเรา ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจเล็ก ๆ ของพวกเขา”
ตึกเทียนเซียงที่ใหญ่โตขนาดนั้น รายได้วันหนึ่งยังได้หินวิญญาณระดับสูงหลายก้อน ยังนับว่าเป็นแค่ธุรกิจเล็ก ๆ เท่านั้นเหรอ?
หลัวเฉินไม่อาจห้ามความสนใจได้ สำนักใหญ่ขนาดนี้ ทั้งมีเงินและมีสาวงาม นับว่าเป็นเป้าหมายในฝันที่ควรไล่ตาม!
“ผู้คนต่างพูดกันว่าสำนักเหอฮวนไม่อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง พวกเขาไม่สนใจการฝึกฝนหรือการผลิต ไม่ได้แข็งแกร่งในด้านพลังการต่อสู้ เอาแต่ทำเรื่องขายบริการทางกายเนื้อ สร้างความเสื่อมเสียให้กับนักพรตอย่างเรา ๆ แต่เมื่อสามร้อยปีก่อน กลับมีผู้ฝึกตนที่แตกต่างไปจากเดิมโผล่ขึ้นมา!”
หลัวเฉินตบมือ “นั่นต้องเป็นท่านหยุนจงเหอแน่เลย!”
“ต้องเรียกว่าท่านหยุนเหอซ่างเหริน! สำหรับนักพรตระดับขั้นจินตัน ต้องมีคำว่า ‘ซ่างเหริน’ นำหน้าด้วย!” เฉินซิ่วผิงตำหนิ จากนั้นก็เล่าต่อว่า “ท่านหยุนเหอซ่างเหรินฝึกวิชาแก่นแท้ของสำนักเหอฮวนจนถึงขั้นสูงสุด ไม่เพียงแค่มีรูปลักษณ์โดดเด่น แต่ยังมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน”
“ในตอนที่พวกเรากำลังเปิดดินแดนหยกติ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นสำนักกระบี่ยุทธหยกติ่งที่เป็นผู้นำ แต่ดินแดนอื่น ๆ ทั้งห้าก็ได้ส่งเหล่ายอดฝีมือเข้ามาช่วย ท่านหยุนเหอซ่างเหรินก็คือหนึ่งในนั้น”
“ในตอนนั้น ท่านยังไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร เป็นเพียงนักพรตระดับขั้นจินตันตอนต้นธรรมดาคนหนึ่ง แต่ในการต่อสู้นั้น ท่านหยุนเหอซ่างเหรินกลับสามารถจับสัตว์อสูรระดับสี่ได้!”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าสัตว์อสูรระดับสี่หมายถึงอะไร?”
หลัวเฉินเบิกตากว้างเท่าลูกวัว
จากนั้นก็ดูดลมหายใจเย็น ๆ เข้าไป จนทำให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างมาก
แล้วกลืนน้ำลายลงคอจนเกิดเสียงดัง
สุดท้ายก็ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ ลมหายใจที่นักพรตได้กลิ่นแล้วยังรู้สึกเหมือนระดับพลังจะลดลง
“สัตว์อสูรระดับสี่ เทียบได้กับเซียนมนุษย์ระดับหยวนอิงเชียวนะ!!!”
เฉินซิ่วผิงพึงพอใจกับปฏิกิริยารุนแรงของผู้ฟัง ลูบหนวดอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าเหตุการณ์นั้นเขาเป็นคนทำเอง
“ใช่ เจ้าหนุ่ม เจ้านี่พอจะมีความรู้บ้าง สัตว์อสูรระดับสี่ หรือที่เรียกว่าราชาอสูร มีพลังมากกว่าเซียนมนุษย์ระดับหยวนอิงในระดับเดียวกันเสียอีก”
หลัวเฉินถามด้วยความสงสัย “ข้าได้ยินมาว่าการต่อสู้ข้ามระดับเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากมิใช่หรือ? ท่านหยุนจงเหอในตอนนั้นก็แค่ระดับจินตันตอนต้น แล้วทำไมถึงมีผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้ได้?”
“เหตุผลเบื้องหลังเราคนรุ่นหลังคงไม่มีทางรู้ได้ บ้างก็ว่าเป็นเพราะช่วงนั้นราชาอสูรนกหยุนกำลังอ่อนแอจากการฝ่าด่านสวรรค์ บ้างก็ว่าเป็นเพราะเซียนสำนักเหอฮวนเข้ามาช่วย แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ท่านหยุนเหอซ่างเหรินได้สร้างชื่อเสียงจากการต่อสู้นั้น โดยใช้ราชาอสูรนกหยุนเป็นของรางวัล สร้างชื่อเสียงว่า ‘หยุนเหอซ่างเหริน’ ขึ้นมา!”
เล่ามาถึงตรงนี้ เฉินซิ่วผิงชี้นิ้วไปยังอาคารสีชมพูในใจกลางเขตเมืองชั้นใน
“ดินแดนหกแห่งสุดตะวันออก แต่ละดินแดนมีธุรกิจผสมปนเปกันมากมาย แม้แต่สำนักยาวังที่ร่ำรวยมหาศาล ก็เปิดร้านได้แค่ในสี่ดินแดนเท่านั้น แต่มีเพียงสำนักเหอฮวนเท่านั้นที่เปิดกิจการได้ทั้งหกดินแดน แม้กระทั่งในตลาดต้าหอฝางที่ห่างไกลสุดขอบนี้ ก็ยังมีตึกเทียนเซียงให้ผู้คนได้สำเริงสำราญทุกค่ำคืน”
“เรื่องนี้จะสำเร็จได้ก็คงมีส่วนมาจากท่านหยุนเหอซ่างเหริน ผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกตนที่ยังไม่ถึงระดับหยวนอิง!”
ท่านหยุนเหอซ่างเหริน ผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ฝึกตนที่ยังไม่ถึงระดับหยวนอิง
ช่างเป็นชื่อที่ทรงเกียรติ ช่างเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจ!
หลัวเฉินจึงเหลือบมองหวังหยวนที่ตั้งแผงขายของอยู่อย่างรู้สึกขอบคุณ หนังสือ ภูมิทัศน์หกดินแดน ที่เขาแอบอ่านมานั้นช่างคุ้มค่าอย่างแท้จริง
ในอนาคต หากข้ามีเงิน จะต้องซื้อมันมาศึกษาอย่างละเอียดให้ได้
“แค่ก ๆ เจ้าหนูหลัว พูดจนข้าคอแห้งหมดแล้ว ขอกระตุ้นคอด้วยเนื้อวัวแห้งสักหน่อยเถอะ”
หลัวเฉินไม่สนใจ แต่กลับนำยาเม็ดทั้งหมดออกมาวางเรียง
“ท่านนักพรตเฉิน ได้เวลาแสวงหาทรัพยากรเพื่อการบำเพ็ญแล้วล่ะ วันข้างหน้าเจ้ากับข้าก็อาจได้ขนานนามว่า ‘ซ่างเหริน’ เช่นกัน!”
เฉินซิ่วผิงเบิกตากว้าง หนวดสีขาวสะบัดด้วยความโกรธ
หลัวเฉินที่สูงกว่าเขาตบไหล่เฉินซิ่วผิงเบา ๆ “ข้าแค่อยากให้ในวันข้างหน้า หากเราพบกันอีกในระดับจินตัน จะได้เรียกท่านว่า ‘สหาย’ อย่างไม่เจ็บปวดใจ”
“ไสหัวไป! ข้าอายุหกสิบห้าแล้ว ยังจะฝันไกลถึงระดับจินตันอะไรอีกเล่า!”
เฉินซิ่วผิงสบถออกมาเสียงดัง จากนั้นก็ถอนหายใจยาว ไม่โกรธ ๆ เดี๋ยวโกรธแล้วจะล้มป่วย ไม่มีใครดูแลอีก
สายตาของเขาก็มองไปที่แผงของหลัวเฉินตามความเคยชิน แล้วก็ต้องชะงัก
“ยี่สิบเอ็ดขวด? ทั้งหมดเป็นยาเม็ดพิกู่ซ่าน หรือว่าเจ้าจะปรุงยาตัวใหม่ออกมาได้จริง ๆ ?”
หลัวเฉินถอนหายใจ ใบหน้าฉายแววเศร้าหมอง “ศิษย์รุ่นหลังกระจอกงอกง่อยเช่นข้า สิ้นเนื้อประดาตัวถึงได้ปรุงยาสูตรใหม่ขึ้นมาได้หนึ่งขวด ทำให้ท่านนักพรตเฉินต้องขบขันแล้ว”
“โครก!”
เฉินซิ่วผิงกลืนน้ำลายลงคอ
“เจ้าไม่ได้จะบอกว่าปรุงยาสำเร็จจากสูตรยาเสื่อมสภาพระดับสองได้จริง ๆ หรอกใช่ไหม!”
“เฮ้อ ศิษย์รุ่นหลังอย่างข้าไร้ความสามารถ ปรุงยาระดับสองไม่ได้หรอก”
“ก็จริงของเจ้า เด็กน้อยอย่างเจ้า…”
“ดังนั้นข้าจึงต้องถอยลงมาหนึ่งระดับแล้วดัดแปลงมันให้กลายเป็นยาระดับหนึ่งแทน”
“ยาระดับหนึ่งอย่างยาเม็ดหยูลู่เหรอ?” เฉินซิ่วผิงเบิกตากว้าง
ชายชรานี่สีหน้าช่างหลากหลายจริง ๆ ทั้งกลืนน้ำลาย ทั้งเบิกตา จะว่าไปครั้งหน้าคงได้ดูดลมหายใจเย็น ๆ แน่!
หลัวเฉินยืนกอดอกอย่างเคร่งขรึม แล้วกล่าวว่า “มันไม่ใช่สูตรยาเม็ดหยูลู่ที่เสื่อมสภาพหรอก แต่มันคือสูตรลับยาเม็ดจงเหมี่ยวของท่านหยุนเหอซ่างเหรินแห่งสำนักเหอฮวน ที่ตกหล่นอยู่ในตลาดต้าหอฝางในตอนที่มีการเปิดดินแดนหยกติ่ง เจ้าจึงห้ามพูดเรื่องนี้สุ่มสี่สุ่มห้าเชียวนะ!”
ฟู่!!!!
หลัวเฉินยกมือขึ้นปิดหน้า เขารู้สึกได้เลยว่าอากาศในดินแดนหยกติ่งมันอุ่นขึ้น!
ในความเป็นจริงแล้ว อากาศก็อุ่นขึ้นจริง ๆ เพราะพระอาทิตย์ขึ้นมาแล้ว
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ผู้คนก็เริ่มทยอยมา
มีนักพรตหลายคนที่ชอบมาเดินเขตนักพรตอิสระ เพราะทุกคนล้วนมีความหวังที่จะได้ของดีราคาถูก หรือไม่ก็หวังจะมาเสี่ยงโชค
เช่นเคย ธุรกิจของเฉินซิ่วผิงมักจะเริ่มก่อนเสมอ
เขาวางแผงขายของที่นี่มาหลายปี แม้จะขี้งกแต่ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงดีมาก
ไม่เพียงแต่จะมีคนมาซื้อยันต์วิเศษจากเขา บางครั้งนักพรตที่ขี้เกียจทำเองก็จะมาซื้อหนังสัตว์ไปเขียนยันต์เองจากเขาด้วย
เมื่อธุรกิจของเฉินซิ่วผิงเริ่ม นั่นก็หมายความว่าธุรกิจของหลัวเฉินก็ใกล้จะเริ่มเช่นกัน
“ยาเม็ดพิกู่ซ่าน?”
“สีสันและกลิ่นถือว่าดีเลยนะ แถมยังมีพลังวิญญาณซ่อนอยู่มากทีเดียว เป็นของระดับสูงเลยล่ะ! ขายยังไง?”
ผู้ซื้อหยิบยาเม็ดพิกู่ซ่านห้าขวดขึ้นมาพร้อมโยนหินวิญญาณระดับต่ำให้หลัวเฉินหนึ่งก้อน
ห้าขวดมียาพิกู่ซ่านห้าสิบเม็ด หนึ่งเม็ดทำให้อิ่มได้หนึ่งมื้อ ถ้าประหยัด ๆ ก็อยู่ได้ถึงห้าสิบวัน!
แน่นอน นั่นคือในกรณีสุดโต่ง หากใช้ในสถานการณ์ปกติก็เพียงพอสำหรับการประทังชีวิตครึ่งเดือนโดยไม่ต้องกินอาหาร
แต่ยาพวกนี้รสชาติก็งั้น ๆ และไม่ดีต่อการฝึกตนของนักพรต เว้นแต่ว่าจะยากจนจริง ๆ หรือไม่ก็ใช้ในเวลาปิดด่านหรือเข้าไปล่าสัตว์ในภูเขา ไม่มีใครคิดจะกินมันเป็นมื้ออาหารหรอก
หลังจากจ่ายหินวิญญาณเสร็จแล้ว นักพรตอ้วนที่ซื้อก็เตรียมตัวจะเดินจากไป แต่ไม่ทันไรหลัวเฉินก็เรียกเขาไว้
“ท่านนักพรต สนใจยาเม็ดจงเหมี่ยวสักหน่อยไหม?”
(จบบท)