ตอนที่แล้วบทที่ 7 วิชาตัวเบาเซียวเหยาโยว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 ท่านนักพรต สนใจยาเม็ดจงเหมี่ยวสักหน่อยไหม?

บทที่ 8 เจ้าเคยได้ยินชื่อ “หยุนจงเหอ” ไหม


 “ทำไมฝูงหมาป่าเยือกแข็งถึงได้มาถึงรอบนอกล่ะเนี่ย?”

  “ซวยจริง ๆ เสียดายที่เราเพิ่งล่าพวกสัตว์อสูรระดับหนึ่งมาได้สองตัว ยังไม่ทันได้ชำแหละใส่ถุงเก็บของเลย”

  “อาจจะเป็นเพราะเทือกเขาเสี้ยวเยว่ด้านนั้นเกิดการแย่งชิงตำแหน่งจ่าฝูงอีกแล้วก็ได้ ย้อนไปเมื่อหลายร้อยปีก่อนก็เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง พวกฝูงหมาป่าจำนวนมากหนีมารอบนอกเพื่อหลบภัย”

  “ช่างเถอะ กลับไปพักฟื้นที่ตลาดก่อนดีกว่า ช่วงนี้เหนื่อยมากแล้ว”

  “ใช่ แค่คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

  พวกเขาพูดกันสั้น ๆ ด้วยความโมโห แต่ก็แฝงไปด้วยความโล่งอกหลังรอดพ้นจากความเป็นความตายมาได้

  กลุ่มนักพรตไม่กี่คนเดินมาจากที่ราบ มุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของตลาด ผ่านบ้านของหลัวเฉินก็หยุดยืนอยู่สักครู่

  จากนั้นก็มีเสียงใส ๆ สดใสดังมาจากข้างนอก

  “ท่านนักพรต ทางนี้คงไม่สงบสุขไปอีกสักพัก ถ้าท่านมีความสามารถก็ย้ายไปใกล้ ๆ เขตเมืองชั้นในเถอะ”

  หลัวเฉินไม่ได้ตอบอะไร

  ถ้าเขามีความสามารถ ก็คงย้ายไปนานแล้ว

  และอีกอย่าง ย้ายไปแค่ใกล้เขตเมืองชั้นใน ไม่ใช่เขตเมืองชั้นในจริง ๆ จะเรียกว่าปลอดภัยได้ยังไง?

  นักพรตอิสระพวกนั้นใช้ชีวิตเหมือนเดินอยู่บนคมมีด ในยามค่ำคืนมืดสนิท มีการดักปล้นกันเกิดขึ้นแทบทุกวัน

  เขาเคยเจอทั้งคราบเลือดและกองกระดูกอยู่ข้างทางระหว่างเดินเข้าเมืองหลายครั้งแล้ว

  แม้ว่าทางนี้จะอันตราย แต่ในความเป็นจริง บริเวณที่ราบใกล้ ๆ กับตลาดนี้จะมีนักพรตจากตลาดมาวางเขตกันสัตว์อสูรไว้ทุกปี สัตว์อสูรระดับต่ำจึงไม่กล้าเข้ามา ส่วนสัตว์อสูรระดับสองที่แข็งแกร่งกว่าก็ไม่กล้าเข้าใกล้บริเวณที่มนุษย์อยู่กันเยอะ ๆ

  เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตอนนี้ที่ที่เขาอยู่ก็ถือว่าปลอดภัยในระดับหนึ่ง

  อีกทั้งเขาแสดงออกให้เห็นว่าเป็นแค่นักพรตยากจนไม่มีอะไร มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการดิ้นรนหาเงินเดือนละไม่กี่หินวิญญาณ ก็ไม่มีนักพรตคนไหนสนใจเขา

  “ฮุ่ยเหนียง เจ้าไปยุ่งกับเจ้าหนุ่มนั่นทำไม?”

  “กลางวันแสก ๆ ลงไปแช่น้ำในลำธารแล้วปั้นตุ๊กตาดิน คงเป็นนักพรตหน้าใหม่เพิ่งมาอยู่ต้าหอฝางล่ะมั้ง!”

  “ไป ๆ กลับบ้านกัน”

  อาจจะเพราะไม่ได้รับคำตอบ คนข้างนอกก็บ่นพึมพำอยู่สองสามประโยคก่อนจะเดินจากไปด้วยกัน

  หลัวเฉินได้ยินเสียงคนจากไปแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

  เมื่อเทียบกับสัตว์อสูร เขากลัวนักพรตด้วยกันเองมากกว่า

  แต่สิ่งที่ฮุ่ยเหนียงพูดมาก็ถูก สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดที่เทือกเขาเสี้ยวเยว่ด้านนั้นมีความเคลื่อนไหวขึ้นมาจริง ๆ เขตตะวันตกเฉียงใต้ที่อยู่ใกล้สุดก็จะกลายเป็นพื้นที่อันตรายมาก

  “ตอนนี้ทั้งกายและใจข้าก็ปรับได้สมดุลดีแล้ว ไม่เร่งไม่ผ่อน พรุ่งนี้จะเริ่มปรุงยาอย่างจริงจังเสียที!”

  “คราวนี้ต้องสำเร็จแน่!”

  หลังจากพักฟื้นทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจของเขาก็อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด

  ฟ้าเริ่มสว่าง เขานั่งฝึกเคล็ดวิชาชังชุนจนเสร็จ หลัวเฉินสวมผ้ากันเปื้อนสีเทาหม่น ๆ แล้วเดินไปที่หน้าต่างในครัว

  ตุ๊กตาดินที่มีหนวดยาวในมือกำดาบไม้ยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาเรียวยาว คิ้วโค้งสวย แก้มทั้งสองข้างถูกทาสีแดงเล็กน้อย

  “ท่านกวนอู ได้โปรดคุ้มครองให้ข้าประสบความสำเร็จด้วยเถอะ!”

  เขาสงบใจลง หยิบหม้อใส่น้ำ เติมฟืน ใช้คาถาลูกไฟจุดไฟ

  เริ่มด้วยการต้มวัตถุดิบเสริม จากนั้นคั่วแร่ธาตุ เติมน้ำต้มจนเดือด แล้วใส่ตัวยาแต่ละอย่างลงไปทีละชนิด ทั้งเหอซั่วอู๋ มันเทศหยก หางสุนัขเพลิง ฯลฯ

  ต้มเคี่ยวประมาณสามชั่วโมง จากนั้นจึงใส่วัตถุดิบสุดท้ายซึ่งเป็นยาธาตุน้ำอย่างหอยเชลล์วิญญาณลงไปเพื่อปรับสมดุลหยินหยาง

  ระหว่างนั้นก็ปรับไฟตลอดเวลา บางทีก็ใช้ไฟแรง บางทีก็ใช้ไฟอ่อน

  อีกสองชั่วโมงผ่านไป เปิดหม้อ!

  ของเหลวสีแดงอ่อนข้น ๆ ยืดตัวอยู่ในหม้อ ใช้ทัพพีไม้ที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่คนเข้าไป มันก็สั่นคลอนเหมือนเจลลี่

  ยืดหยุ่นดีมาก!

  แต่ก็ยังล้มเหลวอยู่ดี

  ตามสูตรยาบอกไว้ว่าของเหลวที่สำเร็จจะต้องเป็นสีแดงเข้ม ยาเม็ดจงเหมี่ยวแบบนั้นจึงจะมีสรรพคุณบำรุงกำลังสูงสุด

  ถึงแม้จะล้มเหลว แต่หลัวเฉินก็ไม่ได้รู้สึกท้อใจเท่าไหร่นัก

  เห็นได้ชัดว่า ของเหลวที่ได้ในครั้งนี้ใกล้เคียงกับความสำเร็จมากแล้ว

  อย่างน้อยก็แข็งตัวได้ดี และมีความยืดหยุ่นตามต้องการ

  ถ้ามีนักพรตคนไหนไม่กลัวพิษยาแล้วกินเข้าไปทั้งหม้อแบบนี้ ก็พอจะได้ผลอยู่บ้าง

  แต่แน่นอนว่า ผลข้างเคียงคงรุนแรงมากทีเดียว

  ดังนั้นหลัวเฉินจึงไม่ได้คิดจะเอามันไปขาย เพราะแบบนั้นมีหวังโดนซ้อมแน่

  เขาลองชิมไปนิดเดียวเพื่อทดสอบความแรงของตัวยา ก่อนจะย้อนนึกถึงขั้นตอนอีกครั้งด้วยความพอใจ จากนั้นก็เทเศษยาทั้งหมดลงฝั่งตรงข้ามของลำธาร

  ในตอนกลางคืน เขาก็ฝึกและนอนหลับเหมือนเดิม

  รุ่งเช้าของวันถัดมา เขากราบไหว้ท่านกวนอูตรงเวลาแล้วเริ่มปรุงยาอีกครั้ง

  ล้มเหลว!

  วันที่สาม เขากราบไหว้ท่านกวนอูตรงเวลาแล้วเริ่มปรุงยาอีกครั้ง

  สำเร็จ!

  ใช่ สำเร็จจริง ๆ!

  หลัวเฉินมองหม้อเจลลี่สีแดงสดใบใหญ่ เขารู้สึกเหมือนความพยายามทั้งหมดได้รับการตอบแทนจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

  “ล้มเหลวไปแปดชุด คิดเป็นต้นทุนประมาณสี่สิบหินวิญญาณ ถ้าหักไปอีกจากเวลาที่หายไปแปดวันที่ควรจะได้จากการปรุงยาพิกู่ซ่านสี่สิบขวด ก็นับว่าขาดทุนไปอีกแปดหินวิญญาณ”

  “ฮือ ๆ เกือบจะหมดตัวแล้ว”

  หลัวเฉินรีบเอายาข้นในหม้อออกมาทั้งหมด โดยไม่สนว่ามันยังร้อนอยู่ ใช้มีดไม้ตัดออกเป็นก้อน ๆ จากนั้นใช้มือปั้นให้กลม

  วางไว้ให้แห้งข้ามคืน ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว!

  ยังเหลือตัวยาอีกหนึ่งชุด พรุ่งนี้ยังปรุงได้อีกครั้ง

  เช้าวันรุ่งขึ้น หลัวเฉินรีบวิ่งไปที่โต๊ะทำยาในครัว

  อย่างที่คิดไว้ เจ้ายาก้อนกลม ๆ สิบก้อนนี้หดเหลือแค่ขนาดเท่าลูกลำไย

  น้ำที่ระเหยออกไปมีแต่ความชื้น สิ่งที่เหลืออยู่คือแก่นสารล้วน ๆ

  หยิบขึ้นมาสักเม็ด ก็ทำให้ผู้ชายแข็งแรงได้แล้ว!

  เขาเก็บยาเม็ดสีแดงกลมเล็กเหล่านี้อย่างดีในขวดหยกแล้วกราบไหว้ท่านกวนอูอีกครั้ง

  “ท่านกวนอู ท่านใจดีมาก แม้ว่าข้าจะทะลุมิติข้ามภพมาแล้ว ท่านก็ยังคอยปกปักษ์รักษาข้า วันหน้าถ้าข้าร่ำรวย จะสร้างศาลพร้อมปั้นรูปทองคำให้ท่าน!”

  หลังจากไหว้เสร็จ หลัวเฉินก็สวมผ้ากันเปื้อนแล้วกำหมัดแน่น

  “จริง ๆ แล้ว ข้าคือนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ เกิดมาเพื่อปรุงยา!”

  “ในอนาคตข้าต้องมีชื่อเสียงแน่นอน ฉายาก็คิดไว้แล้ว เซียนยาแห่งตะวันออก ไม่แพ้เซียนโอสถแห่งจงโจวแน่!”

  หลังจากให้กำลังใจตัวเองแล้ว หลัวเฉินก็ลงมือทำงานต่อไป

  ภายในครัวที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นควันและเขม่าฟืน บรรยากาศร้อนระอุแต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน

  เมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ามา สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเขา

  “เฮ้ย คนเราย่อมมีพลาดบ้าง ม้าก็ยังสะดุดได้ เซียนโอสถตอนเด็ก ๆ ก็เคยระเบิดหม้อยามาแล้วเหมือนกัน”

  “คราวหน้า ข้าต้องทำสำเร็จแน่ ๆ สำเร็จแน่ ๆ!”

  แม้จะพูดแบบนั้น หลัวเฉินก็ยังอดเจ็บใจไม่ได้

  ตัวยาชุดนี้มีต้นทุนถึงห้าหินวิญญาณเชียวนะ!

  เขาขาดทุนย่อยยับ!

  “ไม่ได้! ยาเม็ดจงเหมี่ยวขวดนี้ต้องขายให้ได้ราคาสูงสุด ไม่งั้นต้นทุนก็จะไม่คืนทุนเลย!”

  ฟ้าเริ่มสาง

  ทั่วทั้งแผ่นดินดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวบาง ๆ ภูเขาหลายล้านลูกดูเหมือนจะกลายเป็นปากเหวลึกขนาดใหญ่ กำลังอ้าปากรอจะกลืนตลาดต้าหอฝางลงไป

  ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมระดับต่ำที่สีซีดจากการซัก วิ่งผ่านเขตเพิงพักของนักพรตอิสระราวกับลมพัด

  หญิงนักพรตที่ออกมาทิ้งกระโถนยามเช้าเห็นภาพนี้ก็อดบ่นหยอกไม่ได้

  “เจ้าหนุ่มนั่นวิ่งไวเหมือนลมเลยนะ มีหมาไล่หลังหรือไง!”

  ไว ใช่ ไวจริง ๆ

  หลัวเฉินดูเหมือนจะมีวาสนากับวิทยายุทธ หลังจากได้ตำรา เซียวเหยาโยว มาฝึกเพียงไม่กี่วัน ความชำนาญก็เพิ่มจากระดับเริ่มต้นไปสู่ระดับชำนาญได้แล้ว

  นอกจากจะทำให้เขาได้แต้มความสำเร็จเพิ่มมาอีกแต้ม ยังทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

  แต่ก่อนเขาทำความเร็วได้แค่ 9 วินาทีต่อ 100 เมตร

  ตอนนี้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็เกิน 100 เมตรแล้ว

  ปกติทางเข้าตลาดต้องใช้เวลาเดินหนึ่งชั่วโมงครึ่ง วิ่งก็ต้องใช้เวลา 30-40 นาที

  แต่วันนี้เขามาถึงหน้าประตูตลาดในเวลาแค่ 20 นาที!

  หลัวเฉินไม่เคยสัมผัสกับผลของคาถาควบคุมลมมาก่อน แต่เขารู้สึกว่าเซียวเหยาโยวก็ไม่เลว และนี่เพิ่งแค่ระดับชำนาญเท่านั้น ยังมีระดับเชี่ยวชาญ สมบูรณ์แบบ และปรมาจารย์ให้ฝึกอีกมาก

  มีโอกาสพัฒนาได้อีกเยอะ!

  เมื่อมาถึงเขตนักพรตอิสระตะวันตกเฉียงใต้ ฟ้าก็ยังไม่สว่างดี วันนี้เฉินซิ่วผิงยังมาไม่ทันเขาเลย

  ในพื้นที่ตั้งแผงขายอันกว้างขวางนี้ มีไม่กี่คนที่มาวางแผง

  หลัวเฉินมองไปรอบ ๆ แต่ก็ยังไม่ได้เอายาออกมาวางขาย เขาเดินไปที่แผงขายแผงหนึ่งก่อน

  “พี่หวัง วันนี้มาซะเช้าเลยนะ!”

  หวังหยวนเหลือบมองเขาเล็กน้อย แล้วไม่พูดอะไร

  หลัวเฉินหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ถือสา แล้วก้มลงพลิกดูหนังสือที่วางอยู่บนพื้น

  ห้าคาถาสำคัญที่นักพรตขั้นฝึกพลังต้องรู้

“นี่อย่าเพิ่งแตะ ถ้าจะดูต้องจ่ายเงิน”

  “ราคาเท่าไหร่?”

  “สองหินวิญญาณระดับกลาง”

  “เจ้าจะปล้นหรือไง!”

  “นี่ก็ของที่ข้าปล้นมาไง!”

  “เอ่อ ทำเหมือนไม่ได้พูดก็แล้วกัน”

  หวังหยวนเป็นนักพรตระดับขั้นฝึกพลังชั้นที่เจ็ด เป็นพวกที่หลัวเฉินมักบ่นว่าใช้ชีวิตอยู่บนคมมีด เขาผ่านการปะทะถึงตายและปล้นชิงหลายครั้งในหมู่บ้านแถบนี้มาไม่น้อย

  หลัวเฉินไม่มีปัญญาสู้เขา หวังหยวนก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเช่นกัน จะคุยกันก็แค่เวลามาตั้งแผงขายเท่านั้น

  อ้อ ก่อนหน้านี้ตอนที่หวังหยวนหมดหนทาง ต้องออกล่าที่เทือกเขากู่หยวน หลัวเฉินเคยให้เขาติดค่ายาเม็ดพิกู่ซ่านไปหลายขวด

  ดังนั้น ทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์กันอยู่บ้าง

  “นี่ก็อย่าแตะ ของในนี้เป็นคาถาชั่วร้าย”

  “เฮ้ เจ้าลองแตะของพวกนี้ดูสิ ออกไปนอกเมืองเมื่อไหร่ข้าจะปล้นเจ้าให้หมดเลย!”

  “อ่ะ เล่มนี้เจ้าอ่านได้ฟรี แต่ถ้าจะซื้อ ข้าขายลดให้ครึ่งหนึ่ง ห้าหินวิญญาณ”

  มีให้แอบอ่านฟรีทั้งที จะซื้อทำไมล่ะ?

  ต่อให้มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ฟุ่มเฟือยขนาดนี้ได้!

  หลัวเฉินหยิบหนังสือ ภูมิทัศน์หกดินแดน ขึ้นมาอ่านอย่างสนุกสนาน

  อ่านไปก็หนึ่งชั่วยาม

  จนกระทั่งคนเริ่มเยอะขึ้นในตลาด หลัวเฉินจึงวางหนังสือลงอย่างอาลัยอาวรณ์

  “พี่หวัง ข้าไปก่อนนะ ถุงเนื้อวัวรสเผ็ดนี้เอาไว้กินเล่น”

  หวังหยวนมองเขาอย่างรังเกียจ “ไสหัวไป!”

  พอมองถุงเนื้อวัวนั้น เขาก็แอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย ก่อนจะขมิบก้นเล็กน้อย

  กลับไปที่แผงหินเขียว เฉินซิ่วผิงก็กำลังเริ่มจัดเตรียมยันต์หนังสัตว์และยันต์อยู่พอดี

  “ลุงเฉิน ท่านเคยได้ยินชื่อหยุนจงเหอไหม?”

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด