บทที่ 446 แปดแผนภาพ
#
"สัตว์วิญญาณห้าตัวระดับสร้างแก่นทองคำของ..."
ลู่เซวียนได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงในใจ พร้อมชื่นชมความยิ่งใหญ่ของสำนักเทียนเจี้ยน
แค่สัตว์วิญญาณระดับห้าหรือหกที่สำนักเลี้ยงไว้ก็มีถึงห้าตัวแล้ว อย่างเช่น ลิงหยกขาวพิงฟ้า และ นกหลวนสีขาว ที่มีศักยภาพสูงของระดับห้าหรือหก อย่างน้อยก็มีสองตัว
ยังไม่ต้องพูดถึงจำนวนมากของสัตว์วิญญาณระดับสามและสี่ในถ้ำหมื่นอสูร
หากส่งออกไปแค่ตัวเดียว ก็สามารถทำลายล้างตลาดหลินหยาง ที่เขาเคยอยู่ในช่วงขั้นฝึกปราณ ได้อย่างสิ้นเชิง
"ไม่ต้องกังวลหรอก เจ้าหนุ่ม แม้ว่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่าจะนิสัยประหลาด แต่กับคนของสำนักเทียนเจี้ยนมันไม่มีเจตนาร้าย ไม่ทำร้ายเจ้าแน่นอน"
"ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังถือครองตราประจำอสูรอยู่ด้วย"
ลิงเฒ่าเหลือบมองที่เหรียญตรารูปหัวสัตว์ซึ่งห้อยอยู่ที่เอวของลู่เซวียน
"การมีตราประจำอสูรหมายถึงท่านผู้เฒ่าซางอู ด้วยวิญญาณและเลือดที่อยู่ในเหรียญ เจ้าสามารถสื่อสารกับสัตว์วิญญาณทุกตัวในถ้ำแห่งนี้ได้อย่างเท่าเทียม หรือแม้แต่ควบคุมสถานการณ์"
ลู่เซวียนรีบกล่าว
"คำสั่งนี้เป็นของขวัญจากท่านอาจารย์ซางอู คาดว่าแค่ใช้ขู่เท่านั้น จะไม่ใช้จริง ๆ หรอก"
"หากไม่ใช้จะดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเสียเปรียบทั้งสองฝ่าย"
ลิงเฒ่ามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนกล่าวออกมาอย่างสงบ
ลู่เซวียนไม่ได้อยู่ต่ออีกนาน หลังนั่งเล่นสักพัก เขาก็ลุกขึ้นไปกล่าวลาสัตว์วิญญาณทั้งสอง แล้วกลับไปที่บ้านเมฆ
ในอีกไม่กี่วันถัดมา เขาไม่ต้องดูแลสัตว์วิญญาณอีกต่อไป เพราะสัตว์วิญญาณในถ้ำมีซุนอวิ๋นและพรรคพวกอีกสามคนดูแลให้ เขาจึงมีเวลาว่างมากขึ้น
ทุกวัน เขาจะฝึกบำเพ็ญเพียรเป็นเวลาหนึ่งช่วงเวลา ส่วนเวลาที่เหลือ เขาจะเดินเล่นในถ้ำหมื่นอสูร บางครั้งก็ไปเล่นกับลิงหยกขาวและนกหลวน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ หรือไม่ก็ไปหาสัตว์วิญญาณที่เคยฝึกฝนเชื่องไว้ เช่น จิ้งชอน เป็นต้น หรือออกสำรวจถ้ำหมื่นอสูรเพียงลำพัง
สัตว์วิญญาณทั้งหมดในถ้ำนี้เป็นของสำนัก อีกทั้งเขายังถือตราประจำอสูรอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้น
วันนี้ ขณะที่เขาเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เขาก็มาถึงริมทะเลสาบขนาดใหญ่
“หืม นั่นอะไรน่ะ?”
ที่ขอบทะเลสาบ ลู่เซวียนเห็นวัตถุประหลาดอยู่กองหนึ่งจากระยะไกล ความอยากรู้อยากเห็นจึงทำให้เขาพุ่งตัวไปที่วัตถุนั้นอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือกองกระดองเต่าที่ถูกกัดกร่อน กระดองเต่าสีเขียวดำเหล่านี้มีอายุมากจนไม่สามารถบอกได้ว่ากี่ปีแล้ว บนพื้นผิวเต็มไปด้วยเส้นสายครึ่งโปร่งแสง นับไม่ถ้วนที่ประสานกันกลายเป็นแผนภาพลึกลับ
เส้นสายเหล่านี้ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีชีวิต
แผนภาพบนกระดองเต่าก็เปลี่ยนแปลงไปตามเส้นสายเหล่านั้น
ลู่เซวียนจ้องมองอย่างใกล้ชิด พลางพยายามเข้าใจการเคลื่อนไหวของเส้นสายเหล่านั้น
“เจ้าเด็กน้อย มองแต่กระดองของข้าแบบนี้ ไม่รู้หรือว่ามันเสียมารยาท?”
ทันใดนั้นเสียงแหบแห้งของผู้เฒ่าก็ดังขึ้น
กระดองเต่าจำนวนมากบนพื้นลอยขึ้นพร้อมกัน แล้วสัตว์วิญญาณที่มีหัวเป็นมังกร หางเป็นมังกร แต่ลำตัวเป็นเต่าก็กระโจนขึ้นจากทะเลสาบ
กระดองเต่าทั้งหมดรวมตัวกันบนร่างของมันอย่างพอดีเป๊ะราวกับถูกสร้างมาเพื่อมันโดยเฉพาะ
ลู่เซวียนใช้จิตวิญญาณกวาดผ่าน และทันใดนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าสัตว์วิญญาณตรงหน้ามีพลังมหาศาล จากรูปลักษณ์และคำอธิบายที่ลิงเฒ่าเคยเล่าให้ฟัง เขารู้ทันทีว่านี่คงจะเป็นมังกรเต่าที่อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้
“คารวะท่านอาวุโส ข้าพเจ้าเห็นแผนภาพเหล่านี้แล้วเกิดความสงสัย หากมีสิ่งใดที่ล่วงเกินท่าน โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
เขาก้มศีรษะคารวะด้วยท่าทีนอบน้อม
"ที่แท้เป็นศิษย์ใหม่ของสำนักเทียนเจี้ยน ซางอูเด็กน้อยให้เจ้ามาดูแลถ้ำแทนหรือ?"
มังกรเต่ามองที่เหรียญตราหัวสัตว์ซึ่งห้อยอยู่ที่เอวของลู่เซวียน แล้วถาม
"ใช่แล้ว ท่านผู้เฒ่าซางอูมีธุระเร่งด่วนต้องออกไปนอกสำนัก และในสำนักไม่มีผู้ฝึกตนระดับสร้างแก่นทองคำท่านอื่นที่มีเวลาว่าง จึงมอบหมายให้ข้าดูแลแดนลับนี้ชั่วคราว"
ผู้ฝึกตนระดับสร้างแก่นทองคำกลับถูกเรียกเด็กน้อย? ลู่เซวียนแอบเช็ดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงบนหน้าผาก
“ข้าเข้าใจแล้ว”
มังกรเต่ากล่าวอย่างเรียบเฉย
“กระดองเหล่านี้ ข้าเอามาวางตากแดด เจ้าเห็นแล้วคราวหลังก็อย่าไปคิดว่ามันเป็นของที่ไม่มีเจ้าของล่ะ”
"ข้าน้อยไม่กล้าคิดเช่นนั้นแน่นอน"
ลู่เซวียนรีบตอบ
"ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กล้าหรอก"
มังกรเต่าหาวหนึ่งครั้ง เครามังกรสองเส้นที่ห้อยอยู่ใต้คางสะบัดขึ้น
“เจ้าเด็กน้อยนี่พลังในร่างกายของเจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ”
มันโน้มศีรษะลงมาใกล้ ๆ ลู่เซวียน สูดจมูกสองครั้ง
“กลิ่นอายของมังกรผสมปนเปกันไปหมด ไม่รู้ว่าเจ้าไปยุ่งกับพวกมังกรน้อยในทะเลสาบเฉียนหลงมากี่ตัวแล้ว อีกทั้งเจ้ากวางชิงเซวียนที่ตายไปแล้ว เจ้ายังมีแก่นพลังชีวิตของมันอยู่ ไม่ธรรมดาเลย”
"หืม? กลิ่นเหล้าลิง? เจ้ามีเหล้าลิงอยู่หรือไม่? ถ้ามีก็เอามาให้ข้าชิมหน่อย ข้าไม่ได้ชิมนานแล้ว"
“ข้าไปขโมยจากถ้ำของลิงขาวหลายครั้ง แต่ถูกมันจับได้ จนต้องสู้กันยกใหญ่ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นเหล้าลิงอีกเลย”
ดวงตาทั้งสองข้างของมังกรเต่าฉายแววกระหายขึ้นมาเล็กน้อย
"ข้าต้องขออภัยท่านอาวุโส ข้าไม่มีเหล้าลิงติดตัว แต่มีน้ำทิพย์จากผลวิญญาณหลากหลาย หากท่านอาวุโสอยากลองชิมดูหรือไม่?"
"น้ำทิพย์พันผล? ศิษย์รุ่นก่อนของพวกเจ้าที่เคยปรุงไว้เป็นเครื่องดื่มเฉพาะตัวหรือ?"
มังกรเต่าดูเหมือนจะจำได้น้ำทิพย์พันผลนั้น
“ก็ได้ เอาออกมาให้ข้าชิมหน่อย อย่าขี้เหนียวเหมือนลิงขาวนั่นล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่เซวียนจึงรีบหยิบน้ำทิพย์ออกมา และเทให้มังกรเต่าเต็มถ้วย
มังกรเต่าดื่มหมดในคราวเดียว พร้อมทำหน้าตาพึงพอใจ
"รสชาติดี เหมือนกับที่ข้าจำได้เลย"
"เจ้าช่างรู้จักใจคน"
เมื่อมีสัตว์วิญญาณระดับหกเก่าแก่เช่นนี้อยู่ต่อหน้า ลู่เซวียนย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไร เขาจึงหยิบถ้วยออกมาแล้วเทน้ำทิพย์ให้มันอีกครั้ง
“ท่านอาวุโสดูเหมือนจะคุ้นเคยกับอาจารย์ผู้ปรุงน้ำทิพย์มากเลย?”
เขาเห็นมังกรเต่าค่อนข้างเป็นกันเอง จึงเปิดบทสนทนาขึ้น
"ข้าเจอมันหลายครั้ง ตั้งแต่เริ่มปรุงจนสำเร็จ ข้าเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ทดลองชิมเป็นคนแรก"
เสียงของมังกรเต่าเต็มไปด้วยความชราภาพ แต่ก็เต็มไปด้วยความสงบ
"ท่านอาวุโสช่างรอบรู้เหลือเกิน" ลู่เซวียนกล่าวชมเชย
"อยู่มานานก็เห็นอะไรมามาก สำนักเทียนเจี้ยนมีผู้ฝึกตนระดับสร้างแก่นทองคำเหล่านั้น รวมถึงผู้อาวุโสระดับทารกวิญญาณ อยู่ในสำนักมาไม่นานเท่าข้าหรอก"
“ส่วนเจ้าซางอูที่ให้เจ้าถือตราประจำอสูร เจ้าอาจจะไม่รู้ว่าแม้เขาจะดูเคร่งขรึม แต่แท้จริงแล้วเขาชอบเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ยิ่งนัก ชอบเกี้ยวพานักบำเพ็ญหญิงไปทั่ว”
“ครั้งหนึ่งตอนที่เขายังอยู่ขั้นสร้างรากฐาน เคยทำให้นักบำเพ็ญหญิงระดับสร้างแก่นทองคำของสำนักหลิงเซียวท้องจนถูกตามล่าข้ามภูเขาหลายพันลี้ สุดท้ายอาจารย์ของเขาต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาลเพื่อยุติเรื่องนี้”
“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วย?”
จิตใจที่รักในความอยากรู้อยากเห็นของลู่เซวียนลุกโชนขึ้นมาทันที ดวงตาเป็นประกายขณะเขาหยิบผลวิญญาณออกมาโยนให้มังกรเต่า ส่วนตัวเขาก็เอามากินเล่นข้าง ๆ ด้วย
“ยังมีอีกหลายเรื่อง อย่างเจ้ากระบี่โบราณ กู่เจี้ยนคงที่เก่งกาจในตอนนี้ ล่าปีศาจชั่วช้าทุกหย่อมหญ้า แต่เมื่อก่อนกลับเป็นคนขี้ขลาดยิ่งนัก กลัวตายอย่างที่สุด”
"แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้เขากลายเป็นคนกล้าหาญขึ้นมา ไม่สนใจชีวิตตัวเองอีกแล้ว"
มังกรเต่าอ้าปากงับผลวิญญาณที่ลู่เซวียนโยนมา พอเห็นว่ามีคนที่พร้อมจะฟัง มันก็เริ่มเล่าอย่างกระตือรือร้น
“อีกคนหนึ่งคือเจ้าหัวหน้าสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเจ้า ตอนเด็ก ๆ ก็มักจะตามหลังข้า เรียกข้าว่า ‘เต่าค้ำเขา เต่าค้ำเขา’ อยู่ตลอด ไม่นึกเลยว่า ตอนนี้เขาจะกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับทารกวิญญาณแล้ว”
มังกรเต่าเอ่ยขึ้นอย่างนึกทบทวน
“อ้อ แล้วก็...”
ลู่เซวียนนั่งพยักหน้ารับอย่างเออออ พลางเข้าใจถึงแผนภาพหลายภาพบนกระดองของมังกรเต่า
“ที่แท้ก็เป็นแผนภาพแปดทิศสินะ...”
.....
วันนี้มีงานเก็บกวาดซ่อมแซมขนานใหญ่ ลงได้แค่ตอนว่างนะครับ ผมแปลแล้วลงเลยไม่มีสต๊อกไว้