ตอนที่แล้วบทที่ 120 หาคนมาดูแลเธอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 122 วันนั้นของเดือน

บทที่ 121 หนูจะมีสามีแล้ว


"ก็ไม่เท่าไรหรอกค่ะ พอชินแล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว" เธอหัวเราะ "แบบนี้เทียบว่าเหนื่อยไม่ได้หรอก อาจารย์ของพวกเราทำการผ่าตัดทีนานมาก ๆ ครั้งหนึ่งก็อาจจะยาวถึงสามสิบกว่าชั่วโมงเลย"

เซวียเหว่ยหลินถูกทำให้ตกใจ "เอ่อ......ไม่ต้องเข้าห้องน้ำ ไม่กินข้าวเหรอ"

หร่วนหลิวเจิงหัวเราะ "คุณคิดมากไปแล้ว!"

เซวียเหว่ยหลินมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ "ถ้างั้นวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ของพวกคุณก็ไม่มีน่ะสิ"

"แน่นอน อย่างคืนสิ้นปีของปีนี้ฉันก็ยังอยู่เวรเลย!" เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจ

เขาตะลึง "ถ้างั้น ปกติพวกคุณก็ไม่มีความบันเทิงอะไรเลยเหรอ"

เธอหัวเราะ "ความบันเทิงเหรอ ความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันก็คือการนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม!"

เขาส่ายหน้า "แบบนั้นลำบากเกินไปแล้ว"

"ที่จริงก็ไม่ได้แย่นะ หากชอบ ก็ไม่รู้สึกว่าลำบากหรอก ฟ่านฟ่าน! มานี่!"

เธอเรียกให้ฟ่านฟ่านวิ่งไปข้างหน้า ทำให้ฟ่านฟ่านวิ่งตามเธอไป ไซซีก็วิ่งตามด้วยความคึกคะนอง มีเพียงเซวียเหว่ยหลินที่มองเรือนร่างของหญิงสาวที่นำหมาสองตัววิ่งเล่นในความมืด และเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน พลางครุ่นคิด

เขาไม่เคยสัมผัสและพบเจอเด็กสาวแบบนี้มาก่อน

เด็กสาวข้างกายเขา จะต้องสะอาดบริสุทธิ์ งดงามร่าเริง แถมยังรักการรักงานและไร้เดียงสา แต่ว่านำทุกอย่างที่กล่าวมารวมมาไว้ที่เดียว เห็นทีจะมีแต่เธอเท่านั้น

ครั้งแรกที่พบกันตอนรถชนครั้งนั้น สายตาแรกเพียงแค่มองว่าเธอสวย แถมยังสวยตามความชอบของเขาด้วย โดยเฉพาะลักยิ้มข้างริมฝีปากของเธอ ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ แต่ว่า นั่นก็เป็นเพียงความตื่นตาครั้งแรกเท่านั้น ไม่ได้ทิ้งร่องรอยความรู้สึกใดไว้ในใจ ที่จริง หญิงสาวที่สวย ๆ ข้างกายเขามีมากอยู่แล้ว

ที่ครั้งที่ได้พบกันอีกหลังจากนั้น เธอล้วนทิ้งความประทับใจที่ต่างกันไว้ที่เขา เช่น ความสุขุม ความร่าเริง ความเอาจริงเอาจัง ยังมีความตั้งมั่นในหน้าที่การงานของเธออีกด้วย

แต่ตอนที่กระชากใจของเขาจริง ๆ คือตอนที่เธอพบกับไซซีแล้วเดินเล่นด้วยกันวันนั้น

ตอนแรกที่ได้เห็นเธอควงแขนของคุณอาหร่วนไว้และเดินเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน ภาพเงยหน้าพร้อมรอยยิ้ม ทำให้เขาเห็นถึงความสงบและความพึงพอใจของเธอ เขาชอบผู้หญิงที่รักความสงบและรู้จักพอ ผู้หญิงแบบนี้สามารถให้ความอบอุ่นแก่ผู้คนได้ หลังจากนั้น ตอนที่เธอวิ่งเล่นกับไซซีทำให้เขาตะลึง นั่นเป็นครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความงามและความไร้เดียงสาของเธออย่างลึกซึ้ง แถมยังทำให้เขาติดความสุขในตอนนั้นอีกด้วย เธอ ก็เหมือนดั่งภาพวาดผืนหนึ่ง ลายเส้นที่เด่นชัดสีสดในฤดูหนาวอันเย็นยะเยือก นำพาลมหนาวออกไปจนหมดสิ้น

ส่วนเธอในวันนี้ กลับทำให้เขาหลงรัก อายุของเขาไม่น้อยแล้ว สามสิบกว่าปี แต่งงานมาแล้วหลายครั้ง ความรู้สึกทุกครั้งในการเลิกรามันเจ็บปวด แต่ว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขาหลงรักได้อีก

ไม่เคยสนใจงานของหมอมาก่อน ในฐานะศัลยแพทย์ท่านหนึ่ง เธอยุ่งถึงขนาดนี้เลยเหรอ ยุ่งเสียจนทำให้เขารู้สึกอาย คุณชายที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดอย่างเขา อาชีพการเงินเพียงเเค่ชี้นิ้วสั่ง ไม่จำเป็นต้องเปลืองเเรงขนาดนั้น ที่สำคัญก็คือ เสียงพร่ำบ่นของเธอแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี แถมยังมีความสุขที่ได้ทำด้วย

การเดินเล่นจูงหมาด้วยกันกับเธอในคืนหน้าหนาวที่ค่อย ๆ มืดลง มองดูหมาพันธุ์ชิสุสองตัววิ่งเล่นไล่ตามกัน ได้ฟังเสียงพูดคุยอันอ่อนโยนของเธอ และยังมีเสียง......

คืนนี้ เขาเดินเป็นเพื่อนเธอจนถึงประตูบ้าน

เธอยังรู้สึกเเปลกใจ เห็นอยู่ว่าถึงบ้านของเขาแล้ว ทำไมเขาไม่เข้าบ้าน

เขาบอกเธอพร้อมเสียงหัวเราะ "ไม่เห็นความรักอันดูดดื่มของไซซีกับฟ่านหลีเหรอ ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันอีกสักหน่อย"

เอาสิ!

หลังจากถึงบ้านของเธอ เธอบอกมือลา "แล้วเจอกันค่ะ คุณเซวีย! แล้วเจอกันนะ ไซซี!"

มองเธอเดินเข้าทางสวนหน้าบ้าน มองเธอเปิดประตู มองเงาร่างของเธอผสานเข้ากับแสงไฟทางด้านหลังประตู เขาจึงเอ่ยปากออกไป "หลิวเจิง!"

เขาเรียกเธอว่าคุณหมอหร่วนมาตลอด ตอนนี้ "หลิวเจิง" สองคำนี้กลับหลุดออกมาจากปากแล้ว

เธอไม่รู้สึกแปลก หันหน้ากลับมาหัวเราะ "ยังมีอะไรอีกเหรอ"

มีอะไรเหรอ

ไม่มี......

ปฏิกิริยาของเขาไม่ธรรมดา จึงแต่งเรื่องชึ้นมา "หลิวเจิง เมื่อไรจะให้ฟ่านฟ่านของคุณแต่งงานล่ะ"

เธอหัวเราะ "ทำไมต้องให้ฟ่านฟ่านแต่งเข้าบ้านคุณล่ะ ฝั่งบ้านฉันเป็นผู้ชายนะ ควรเป็นฝั่งบ้านคุณแต่งเข้ามาถึงจะถูก!"

ในความมืดเขาหัวเราะออกมาเบา ๆ "ได้ พวกเราแต่งกันนะ"

เธอหัวเราะออกมา "อืม! งั้นพวกเราว่างเมื่อไรก็เลือกวันเลย!"

"ได้!" เขาจ้องมองรอยยิ้มของเธอที่งดงามภายใต้แสงไฟอย่างไม่ละสายตา และรับปากออกมาอย่างสบายใจ "ต้องถ่ายรูปพรีเวดดิ้งก่อนหรือเปล่า"

ครั้งเธอกลั้นขำไม่อยู่แล้ว "ได้สิ! ยังต้องเตรียมรูปพรีเวดดิ้งด้วย!"

"ต้องเตรียมแน่นอน!" เขาได้ยินเสียงหัวเราะปานเสียงกระดิ่งเงินของเธอ จึงหรี่ตาลงเบา ๆ

"โอเค ผมกลับบ้านก่อนนะ! เรื่องพิธีแต่งงานพวกเราค่อยคุยกัน ถ้ายังคุยต่อไป ผมต้องแข็งเป็นหุ่นแน่ๆ บ๊ายบาย!" เธอโบกมือลาอีกครั้ง จึงเข้าบ้าน

"นี่ พวกเราตอนเดินเล่นช่วงค่ำพรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ" เขาตะโกนเสียงดังตามหลังของเธอไป หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบกลับของเธอจากทางด้านในแล้ว จึงได้พาไซซีหันหลังกลับ หัวเราะเสียงต่ำ "ไซซี จะได้แต่งงานแล้วนะ!"

ไซซีเห่าเขาไปสองที เขาตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ "โอเค หนูจะได้สามีแล้ว!"

น่าเสียดาย วันต่อมาที่เซวียเหว่ยหลินกับหร่วนหลิวเจิงนัดกันอย่างดิบดีว่าช่วงค่ำจะคุยเรื่องงานแต่งเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว เหตุผลคือช่วงบ่ายของวันถัดมาหนิงเสี่ยงมาที่โรงพยาบาล เพื่อรับพ่อตอนเลิกงาน

หนิงเสี่ยงไม่ได้เข้าไปหาพ่อที่แผนก แต่กลับรออยู่ในรถกับคุณย่า มองเห็นหลิวเจิงเดินมาเอารถ จึงลงจากรถแล้ววิ่งตรงไปหาเธอ เหมือนซาลาเปาลูกน้อย ๆ วิ่งชนเธอ แล้วกอดขาของเธอไว้

"แม่ครับ!เสี่ยงเสี่ยงไม่ได้เจอแม่มาตั้งนานแล้ว!" ใบหน้าเล็ก ๆ ที่เงยขึ้นของหนิงเสี่ยงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ทั้งเขินอายและสนิทสนม

ทุกครั้งที่ได้เจอหนิงเสี่ยง หร่วนหลิวเจิงมักจะใจอ่อน จึงนั่งยอง กุมหน้าน้อย ๆ ของเขาไว้ "เสี่ยงเสี่ยง มารับพ่อเหรอ"

"ใช่ครับ!" หนิงเสี่ยงพยักหน้า "แล้วก็มารับแม่ด้วย!"

"รับแม่เหรอ" เธอแปลกใจเล็กน้อย

"อืม!" หนิงเสี่ยงพยักหน้าแรงขึ้น "แม่ พ่อบอกว่าแม่รับปากแล้วว่าจะไปซื้อหมากับผม ใช่ไหมครับ"

ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง.......

"ใช่จ้ะ!" เธอรับปากไว้จริง เพียงแค่ไม่ได้คุยแน่ชัดว่าเมื่อไรแน่ ในเมื่อหนิงเสี่ยงมาแล้ว เธอก็ทนไม่ได้ที่จะทำให้เขาผิดหวัง

"ดีเลย! แม่ครับ งั้นพวกเราไปกันวันนี้เลย! แม่ ไปกัน!" หนิงเสี่ยงจูงมือเธอไป

เด็กที่ใจร้อนคนนี้! หร่วนหลิวเจิงอดขำไม่ได้ "อย่ารีบร้อน! เสี่ยงเสี่ยง หนูมากับใครเหรอ"

หนิงเสี่ยงจึงนึกขึ้นได้ว่าคุณย่ายังอยู่บนรถ ลูบหัวตนเองอย่างประหม่า แล้วไปยังรถของบ้านตัวเอง

ที่จริงเวินอี้ลงรถมาแล้ว เดินมาหาหร่วนหลิวเจิง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น "หลิวเจิง"

หร่วนหลิวเจิงหัวเราะเบา ๆ ทุกครั้งที่ได้เจอแม่ของสามีเก่าก็จะได้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นแบบนี้มอบให้เธอ เหมือนกับตอนที่ยังไม่ได้หย่ากัน "คุณป้า"

"เลิกงานแล้วเหรอ" เวินอี้ถามสารทุกข์สุกดิบ

"ค่ะ" ที่จริงแล้วทุกครั้งที่เจอกันก็ยังทำตัวไม่ถูก เพราะว่าไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไร แต่ก่อนเธอคุยกับเเม่สามีอย่างสนิทสนม แน่นอนว่า หัวข้อเรื่องส่วนมากก็เป็นเรื่องของเขา

แต่เวินอี้ไม่เหมือนกับเธอ เวินอี้คนนี้เป็นคนที่เพียบพร้อมมีความสามารถ แถมยังควบคุมดูแลธุระกิจของตระกูลหนิง สิทธิ์ในทรัพย์สินล้วนอยู่ในมือของเธอ เห็นได้ชัดว่าสบายกว่าเธออย่างมาก "หลิวเจิง หนิงเสี่ยงรบกวนหนูประจำเลย"

"ไม่เป็นไรค่ะ! หนูชอบเขามากเหมือนกัน" เธอเพิ่งพูดจบ หนิงเสี่ยงก็เอามือไปวางไว้ที่มือเธอ

"คุณย่าครับ" หนิงเสี่ยงเงยหน้าถาม "ผมกับคุณแม่จะรอคุณพ่อ คุณย่าจะกลับบ้านก่อนหรือเปล่าครับ"

เวินอี้ลูบหัวของเขา "จ้ะ งั้นย่ากลับบ้านก่อนนะ เป็นเด็กดีนะลูก อย่าทำให้คุณแม่โกรธล่ะ"

"ครับ!" หนิงเสี่ยงพยักหน้าอย่างเร็ว

"หลิวเจิง รบกวนหนูแล้ว" เวินอี้ตีไหล่ของเธอ ความอบอุ่นและความรักในสายตายังไม่เสื่อมคลาย

เวินอี้นั่งรถของบ้านหนิงกลับไปแล้ว หนิงเสี่ยงจูงมือของหร่วนหลิวเจิง "คุณแม่ แม่ขับรถแล้วเหรอ"

"อืม ขับแล้วจ้ะ พวกเราไปในรถเถอะ" ข้างนอกอากาศเย็นมาก เธอกลัวว่าจะทำให้หนิงเสี่ยงป่วย จึงรีบพาเขาขึ้นรถ

หนิงเสี่ยงปีนขึ้นเบาะหลังอย่างเชื่อฟัง "แม่ครับ ไม่มีเก้าอี้นิรภัย ผมจะนั่งคาดเข็มขัดอยู่ด้านหลัง ไม่ดื้อครับ"

"ดีจ้ะ!" เธอรู้สึกว่าหนิงเสี่ยงเป็นเด็กที่รู้ความมาก เป็นผลมาจากการอบรมที่ดี พฤติกรรมนี้ ยังรู้ความกว่าหร่วนหลางของเธออีก

รอไม่นานเท่าไร หนิงจื้อเชียนก็ออกมา หนิงเสี่ยงเปิดหน้าต่างรถ โบกมือทักทาย "พ่อครับ! พ่อครับ! ทางนี้ครับ!"

หนิงจื้อเชียนได้ยินเสียงเรียกก็เดินเข้ามาขึ้นรถ และนั่งอยู่กับข้างหนิงเสี่ยง

หลังจากที่ภายในรถถูกเข้าพุ่งตัวเข้ามา หร่วนหลิวเจิงก็มีความรู้สึกแปลกนิดหน่อย สามคนนั่งในรถคันเดียวกัน เขาไม่ขับรถด้วยตัวเองเหรอ ไม่ทักสักคำก็เข้ามานั่งแล้ว.......

"ไปเถอะ หาสักร้านกินข้าวกันก่อน" เขาพูดกับคนขับรถ

พูดกับเธอแล้วเหรอ เรียกสักคำก็ไม่มี แถมสถานที่ก็ยัง......

"เธอรู้ว่าพวกเราจะไปที่ไหนกัน" หรือว่าเขากับหนิงเสี่ยงนัดกันไว้แล้วเหรอ

"ไม่ใช่ว่าจะไปซื้อหมาเหรอ" เขาพูด "ซื้อหมาก็ต้องกินข้าวก่อน"

เห็นได้ชัดว่าคุยกันไว้แล้วจริง ๆ .......ในเมื่อคุยกันไว้ดีแล้ว ทำไมทั้งวันถึงตั้งใจไม่บอกเธอสักคำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด