บทที่ 116 ฉันไม่ได้ล้อเล่น
"ได้ ถ้างั้นเธอก็จำไว้ หลังจากนี้ก็คืนให้ฉัน" เขาพูดอย่างผ่อนคลายสบาย ๆ
"ใช้คืนยังไง" เธอตกตะลึง คำตอบนี้ของเขาจริง ๆ แล้วเป็นไปตามที่เธอคาดการณ์ไว้ ในใจของเธอสุดแสนจะรีบร้อน เพราะเธอหวังว่าจะสามารถออกไปให้ไกลจากเขาให้เร็วที่สุด ต้องไปให้ไกลกว่าครั้งที่หย่ากัน ต่อให้อยู่ในเมืองเดียวกัน ก็ต้องต่างคนต่างอยู่ทางใครทางมัน
ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย "ยังไม่ได้คิดไว้ ค่อยพูดทีหลัง วันนี้พวกเราคุยเรื่องหร่วนหลางดีกว่า"
ตอนที่สายตาของเขาจ้องมองที่หน้าเธอ แสงสว่างที่เหมือนกับดวงดาวส่องสกาวในความมืดมิด ระยิบระยับเสียจนใจของเธอเต้นรัว ทนไม่ไหวจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว ให้ห่างจากลมหายใจของเขาสักหน่อย
"ใช่แล้ว ปัญหาแก้ไขได้แล้วเหรอ" นี่คือสิ่งที่เธอให้ความสำคัญ
เขาพยักหน้า "แก้ไขได้แล้ว ไม่มีอะไรหรอก เมื่อคืนฉันโทรหาหร่วนหลาง จะให้เขามาที่โรงพยาบาลวันนี้"
เธอนึกขึ้นได้ว่า ไม่น่าล่ะ ตอนเช้าหร่วนหลางถึงได้ไม่พูดจาอะไรสักคำ ไม่น่าล่ะเขาถึงได้รอเธอเเต่เช้า ที่เเท้ ทั้งสองคนก็นัดกันไว้
"หลิวเจิง เดิมทีฉันไม่จำเป็นต้องให้หร่วนหลางออกหน้าก็ได้ แต่ว่าฉันคิดว่าหร่วนหลางโตแล้ว เรื่องที่เขาได้ก่อไว้จะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อไปเผชิญหน้ากับมัน ไปรับผิดชอบ ดังนั้นฉันจึงเรียกเขามา หวังว่าเธอจะไม่คิดว่าฉันทำผิดนะ"
เธอจะไปคิดว่าเขาผิดได้อย่างไร ความต้องการเดิมของเธอก็คือจะให้หร่วนหลางมาแบกรับด้วยตัวเองเหมือนกัน
เธอส่ายหน้า "คุณทำถูกแล้ว"
เธอก้มหน้าไว้ตลอด ไม่ได้มองว่าเขาแสดงอารมณ์ออกมาอย่างไร เพียงแต่รู้สึกว่าเสียงของเขาอบอุ่นมาก "หร่วนหลางเห็นฉันเป็น......พี่ชายมาตลอด ฉันพูดเรื่องนี้กับเขาไปตรง ๆ ไม่กี่ประโยค ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างเชื่อฟัง หลังจากนี้นิสัยของเขาน่าจะดีขึ้นมาหน่อย ครั้งนี้ก็ถือเป็นการสั่งสอนแล้วกัน"
"มีผลกระทบต่อตัวคุณหรือเปล่า" เรื่องการอบรมสั่งสอนเป็นเรื่องของครอบครัวหร่วนของพวกเขา ตอนนี้สิ่งที่เธอกำลังใส่ใจอยู่ก็คือเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนหร่วนหลางที่ทำงานด้านการแสดง ภายใต้การปกป้องของจั่วเฉินอัน ต่อให้ไปล่วงเกินเลี่ยวเจี๋ย เรื่องการก็ไม่น่าได้รับผลอะไร ส่วนพฤติกรรมและนิสัยของหร่วนหลาง ไม่ใช่ว่าวันสองวันที่เป็นแบบนี้ แล้วก็ไม่ใช่วันสองวันที่จะแก้เหมือนกัน
"ไม่มี" น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายมาก "จัดการได้แล้ว ฉันไม่เคยพูดเหรอ ฉันยังเป็นอาจารย์ของเธอ ส่วนเธอ ฉันไม่ได้พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราสองคน แล้วก็ไม่ได้บอกว่าหร่วนหลางเป็นน้องชายเธอ ฉันบอกแค่ว่าหร่วนหลางเป็นเพื่อนของฉัน ตอนที่เลี่ยวเจี๋ยฟ้องร้องเขาแจ้งว่าหร่วนหลางเป็นน้องชายของฉัน แต่ว่าผ่านไปห้าหกปี หัวหน้าไม่กี่คนในโรงพยาบาลเท่านั้นที่รู้ว่าภรรยาของฉันมาอบรมที่นี้ ถือได้ว่าปิดบังไปก็แล้วกัน"
เขาปิดบังอย่างไร ปิดบังหรือไม่ เธอไม่แน่ใจ ถามต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ความสามารถของเขาเธอเข้าใจเป็นอย่างดี เรื่องยากลำบากที่อยู่ในมือคนอื่น เมื่ออยู่ในมือเขามักถูกจัดการได้อย่างง่ายดาย ความตั้งใจเดิมของเขาทั้งหมดก็เพียงเพื่อปกป้องเธอไว้ ให้เธอยังสามารถอยู่ที่เป๋ยหย่าต่อไปได้อย่างสง่างาม
นี่ก็เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เธอติดเขาอีกแล้ว
ในชั่วขณะหนึ่ง ภาพจำในอดีตต่างก็พรั่งพรูออกมา การปฏิบัติต่อเธออย่างระมัดระวัง การปฏิบัติต่อคนในครอบครัวของเธออย่างไม่มีเงื่อนไข บ้านที่เธออาศัยอยู่ในปัจจุบัน แม้กระทั่งโต๊ะน้ำชาตัวนั้นที่พ่อเธอชอบ ล้วนรวมเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็นความกดดันที่ใหญ่หลวง กดดันเสียจนเธอหายใจไม่สะดวก
เดิมที การดีกับใครสักคนเกินไปอาจจะเป็นความกดดันอย่างหนึ่งก็ได้ เธอสัมผัสถึงความรู้สึกในอดีตของเขาอีกครั้ง เธอปฏิบัติต่อเขาดีทุกอย่าง สำหรับเขาแล้ว ทุกอย่างเป็นความกดดัน อีกทั้งยิ่งเธอดีกับเขาเท่าไร ความกดดันของเขาก็ยิ่งสูง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องใช้ความดีที่มากขึ้นมาชดเชย ใจของเขาถึงจะสงบได้
นี่ก็คือไม้กางเขนที่เขาได้กล่าวไว้
เฮ้อ......ตอนแรกเธอที่ลุ่มหลงในความรักคนนั้นช่างโง่สิ้นดี นึกแค่ว่ายิ่งให้เขามาก ก็จะยิ่งทำให้เขามีความสุข แต่ความจริงแล้วสิ่งที่เธอมอบให้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย การกดดันนี้ที่เขาได้รับ นอกจากการชดใช้คืน ก็เป็นเพียงการหลบหนีเท่านั้น หลังจากที่ต่งเหมียวเหมียวพบเจอกับความสุขเขาก็จากไปทันที คิดจะหนีก็หนีไปถึงอเมริกา หนีห่างจากโลกของเธอ ก็เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ในใจ ในที่สุดก็สลัดเธอทิ้งได้ ในที่สุดก็มีข้ออ้างที่จะไม่ถูกเธอพันธนาการความรู้สึกอีก มีข้ออ้างที่จะไม่โทรหาเธอ และมีข้ออ้างที่จะลืมเธอ
แต่ทว่า เรื่องราวทั้งหมดต่างเป็นอดีตไปแล้ว ในเมื่อเป็นอดีตไปแล้ว ก็ให้เป็นอตีตต่อไปเถอะ
"ขอบคุณค่ะ" เธอพูดไปอย่างตั้งใจ หันหลังจะกลับไปห้องทำงาน ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันกลับมาถามเขา "เงินหนึ่งแสนคืนไปแล้วเหรอ"
เขาพยักหน้า
เธอก็รู้ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ เป็นเขาที่เอาเงินมาชดใช้
เธอก็พยักหน้า แล้วกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง ไม่มีอะไรพูดแล้วจึงเดินออกไป
หนิงจื้อเชียนคิ้วขมวดกัน ตลอดการจ้องมองเธอที่เดินออกไปไกล
บัตรของแม่ เธอไม่สามารถโอนให้เขาผ่านมือถือของเธอได้ แต่บันทึกการโอนเงินให้เขาครั้งก่อนยังอยู่ ช่วงบ่ายเธอใช้เวลาพักกินข้าว ไปธนาคารเพื่อโอนเงินหนึ่งแสนคืนเขา
หนี้ที่ติดเขาไว้มันมากพอแล้ว......
ตอนที่กลับมาที่แผนก พอเข้าประตู ดวงตาของเขาก็มองจ้องที่ตัวเธอ และเต็มไปด้วยความสงสัย
เธอเห็นทุกอย่าง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เริ่มทำงานอย่างเงียบ ๆ
แม้ว่าวันนี้จะไม่มีการผ่าตัด แต่ว่าช่วงบ่ายมีเคสผู้ป่วยที่บาดเจ็บภายนอกเข้ามา เธอไปทำการตรวจ เพิ่มงานอื่นอีกเล็กน้อย ช่วงบ่ายผ่านพ้นไป
อย่างรวดเร็ว
เธอขับรถกลับบ้าน
ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก
กลับถึงบ้านในช่วงค่ำ หร่วนหลางยอมรับผิดอีกครั้ง ด้วยท่าทีจริงใจ เพียงแต่ยังไม่สามารถแก้ไขความสนิทสนมกับหนิงจื้อเชียนได้ แถมยังให้พูดว่าพี่หนิงแทนอีก เขาถูกอบรมไปยกใหญ่จึงยอมแก้คำพูด
เขาเชื่อฟังหนิงจื้อเชียนมาตลอด และฟังคำพูดของหนิงจื้อเชียนทุกอย่าง ไม่รู้ว่าสองคนนี้คุยอะไรกันแน่ หร่วนหลางจะปรับตัวเองได้จริงเหรอ
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็เป็นน้องชายของเธอ เธอยังกำชับเขาไปอีกยกหนึ่ง เขารับปากทุกอย่างว่าจะไม่ปากพล่อยอีก
ไม่คิดเลยว่า ตอนที่เธอกลับห้องเพื่อเตรียมเขียนหนังสือของหนิงจื้อเชียนต่อ หล่วนหลางก็เดินตามเข้ามา ก้มหน้าเรียกเธอ "พี่"
ด่าไปแล้ว ตีไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาคุยเปิดใจแล้ว
เธอชี้ไปที่ตั่ง "นั่งสิ"
หร่วนหลางนั่งลงไป แล้วพูดขึ้น "พี่ ผมขอโทษ"
หร่วนหลิวเจิงถอนหายใจ "หร่วนหลาง คนที่นายควรขอโทษไม่ใช่ฉัน"
หร่วนหลางกลับพูดว่า "พี่ ผมไม่รู้เลยว่า พี่จะลำบากถึงขนาดนี้ ผมนึกว่าพี่มีเงินเก็บเยอะ จริง ๆ แล้วพี่กับพี่เขย......ไม่สิ ตอนที่พี่กับพี่หนิงหย่ากันไม่ได้เอาอะไรติดมาเลย ผมนึกว่าพี่แบ่งทรัพย์สินกับพี่เคยคนละครี่ง......"
"หร่วนหลาง ฉันรู้ว่านายเคารพเขา เชื่อฟังเขา แต่ว่าพวกเราคุยกันแล้ว จากนี้ไปไม่พูดเรื่องนี้อีก ได้ไหม" หร่วนหลิวเจิงพูดด้วยเสียงเบา
หร่วนหลางเงียบไปพักหนึ่ง "พี่ พี่ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวพันกับเขาต่อไปแล้วจริงเหรอ"
"จริงสิ" เธอพยักหน้า "ฉันมาอบรมที่เป๋ยหย่าครั้งนี้ ก็มองเขาเป็นอาจารย์ของฉันเท่านั้น ยังเหลืออีกครึ่งปี หลังจากเรียนจบ ฉันก็จะกลับไปที่โรงพยาบาลซีเฉิง จากนั้นก็จะไม่มีอะไรกับเขาอีกแล้ว ดังนั้น หร่วนหลาง พี่หวังว่านายจะเข้าใจ เรื่องครั้งนี้อย่าให้เกิดขึ้นอีก อย่าให้พี่ต้องมองหน้าเขาไม่ติด"
หร่วนหลางยิ่งเงียบกว่าเดิม แต่ว่า สุดท้ายแล้วก็พยักหน้า "ผมรู้แล้ว พี่ ผมจะตั้งใจทำงาน ใช้ความสามารถของตัวผมเองทำให้พี่และพ่อแม่สบาย"
หร่วนหลิวเจิงส่ายหน้า "หร่วนหลาง ตั้งใจทำงานเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็มีความสุขดีแล้ว" วัยรุ่นต้องการความก้าวหน้าเป็นเรื่องดี แต่ว่าเธอหวังว่าความทะยานอยากของหร่วนหลางจะไม่สูงเกินไปอีก
หลังจากปลุกใจหร่วนหลาง ถึงได้สิ้นสุดการสนทนาระหว่างสองพี่น้อง หร่วนหลางลงไปชั้นล่าง เธอจึงได้เปิดคอมพิวเตอร์
หลังจากนั้น จึงได้เขียนไปไม่กี่ตัวอักษร โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา เป็นเขาที่โทรมา
เธอรับสาย "ฮัลโหล อาจารย์หนิง"
"อืม หลิวเจิง"
เสียงของเขาทอดผ่านคืนที่มืดมิดมา หร่วนหลิวเจิงจำได้ ในตอนกลางคืนของสองวันก่อน พวกเขายังพูดคุยกันจนดึกดื่น ถกกันเรื่องเคสคนไข้รายหนึ่ง
เขายังคงอยากจะชดเชยให้เธออย่างเต็มที่ แต่ว่าการคุยโทรศัพท์นาน ๆ อย่างนี้ดูไม่เหมาะสมจริง ๆ เมื่อก่อนเธอมองข้ามไปได้อย่างไร
"ฉันเองค่ะ อาจารย์หนิง" การพูดจาของเธอไม่ได้ผ่อนคลายและสบาย ๆ เหมือนสองคืนก่อน
"ฉันทำอะไรผิดไปหรือไม่เหมาะสมหรือเปล่า เธอโกรธเหรอ" เขาถามตรง ๆ
"เปล่าค่ะ" เธอรีบปฏิเสธ "ไม่มีอะไรไม่เหมาะ ดีมากแล้ว ขอบคุณค่ะ"
"เหรอ ทำไมวันนี้ฉันรู้สึกว่าเธอดูแปลก ๆ ไปล่ะ คืนเงินให้ฉัน ฉันได้รับแล้ว ฉันรู้จักนิสัยของเธอดี แต่ก็น่าจะบอกฉันสักหน่อย เธอไม่กลัวว่าจะโอนเงินผิดหรือไง"
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง "ฉันรู้ว่าโอนไม่ผิดหรอก"
"หลิวเจิง เธอไม่ควรทำเเบบนี้นะ" เขาพูดด้วยเสียงหนักแน่น
เธอตัดสินใจพูดความจริง "อาจารย์หนิงคะ ฉันไม่ได้ทำตัวไม่เหมาะสม เพียงแต่ว่า ฉันรู้สึกว่าติดหนี้คุณมากมาย ไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติกับคุณยังไง ไม่รู้ว่าควรจะชดใช้แบบไหน"
"เธอยังเอาเรื่องนี้มาใส่ใจอีกเหรอ เธอน่ะ ฉันล้อเธอเล่น เธอฟังไม่ออกเหรอ"
นอกหน้าต่าง ลมหนาวพัดโบกจนใบไม้สีกันเสียงดัง สายตาของเธอจับจ้องไปที่ความมืดที่นอกหน้าต่างอย่างเงียบสงบ ในใจหนักเเน่นเอาจริง "แต่ฉันไม่ได้ล้อเล่น"
ถึงตาเขาที่กลับเป็นฝ่ายเงียบ
"หลิวเจิง นี่เป็นเเค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับตัวฉัน เธอเอามาใส่ใจเลยนะ ทั้งหมดยังคงเป็นเหมือนเดิม" เขาหลังจากเงียบงัน ก็พูดโพล่งขึ้นมา
"อืม" เธอไม่ได้ใส่ใจนัก เหลือแค่ครึ่งปี ถ้าการเรียนจบเร็วมันดูแปลกเกินไปและไม่ค่อยสมเหตุสมผล ตอนนี้เธอคงไปจากเขาแล้ว