ตอนที่ 434 อัปเกรด ใครกันที่วิดีโอคอลมา?
เย่เฉิน จัดการกับปลาที่ตกได้จากการออกทะเลวันนี้ และกำลังย่างปลาอยู่
พ่อแม่ของ เย่เฉิน เคยชิมฝีมือทำอาหารของเขาไม่กี่ครั้ง
วันนี้ถือว่ามีเวลาเลยได้คุยเล่นกันไปพลางพร้อมกับย่างปลา
ไม่นานนัก ปลาย่างหอมๆ ก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ
คืนนี้ หนิงซวง เป็นคนที่กินมากที่สุดจนแทบจะเดินไม่ไหว
วันสบายๆ ผ่านไปสองวันติดต่อกัน…
จนกระทั่งถึงเช้าวันนี้ จู่ๆ เย่เฉิน ก็ได้รับคำเชิญจากมหาเศรษฐีในเมืองลู่เฉิง นั่นก็คือ ว่าน ซิ่นอี้ ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของคฤหาสน์หมายเลขหนึ่งในโครงการ ‘ปี้ไห่กง’ ที่ เย่เฉิน อยู่ในตอนนี้
ย้อนกลับไปตอนที่ เย่เฉิน ได้คฤหาสน์หลังนี้มา เขายังได้รับของสะสมของ ว่าน ซิ่นอี้ ด้วย
ว่าน ซิ่นอี้ ได้เชิญ เย่เฉิน ให้ไปเยี่ยมที่บ้านของเขาหากเขามีเวลา
เย่เฉิน กำลังจะปฏิเสธ แต่จู่ๆ ก็มีข้อความจากเกมดังขึ้นมา
[ติ๊ง]
[ภารกิจท้าทาย : ตอบรับคำเชิญของ ว่าน ซิ่นอี้ และไปเยี่ยมบ้านของเขา]
[รางวัลภารกิจ : ทักษะการวาดภาพระดับสูง (รวมถึง การวาดภาพวาดจีน การวาดภาพร่าง(สเก็ตช์) การวาดภาพสีน้ำมัน...)]
[รางวัลภารกิจ : ค่าประสบการณ์ 28 คะแนน]
[รางวัลภารกิจ : คะแนนสะสม 16 คะแนน]
เมื่อเห็นภารกิจที่เกมเด้งแจ้งเตือนขึ้นมา ดวงตาของ เย่เฉิน พลันเป็นประกายขึ้นทันที
คราวนี้ รางวัลที่ได้เป็นสิ่งที่ เย่เฉิน ต้องการมากที่สุดแตกต่างจากครั้งก่อนๆ
ก่อนหน้านี้ เย่เฉิน อาจต้องการรางวัลที่ได้จากเกมมากที่สุด ซึ่งคือ.. สิ่งของ หรือความสามารถในชีวิตจริงต่างๆ
แต่ครั้งนี้ สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือ คะแนนค่าประสบการณ์ 28 คะแนน
คุณต้องรู้ก่อนว่า ตอนนี้ เย่เฉิน ขาดแค่ 14 คะแนนค่าประสบการณ์เท่านั้น ระดับผู้เล่นของเขาจะอัปเกรดเป็น LV5 ได้แล้ว
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เย่เฉิน รอภารกิจท้าทายใหม่อยู่ และในที่สุดมันก็มาถึง!
ค่าประสบการณ์ 28 คะแนนนี้จะทำให้ระดับผู้เล่นของเขาเพิ่มขึ้น และยังมีคะแนนสะสมอีก 16 คะแนน
ซึ่งหากรวมกับคะแนนสะสม 16 คะแนนนี้ คะแนนสะสมในร้านค้าของ เย่เฉิน จะเป็น 915 คะแนน
ห่างจากการอัปเกรดร้านค้าระดับห้าดาวเพียง 85 คะแนน และการอัปเกรดไปร้านค้าระดับหกดาวก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
“พิณ หมากรุก อักษร ภาพวาด(琴棋书画) ในที่สุดก็จะครบแล้ว”
ครั้งที่แล้ว เย่เฉิน ทำภารกิจ และได้รับรางวัลเพิ่มเติมเป็นทักษะการเล่นหมากรุกระดับนานาชาติ
คราวนี้ หากทำภารกิจสำเร็จ เย่เฉิน จะเชี่ยวชาญทั้งพิณ หมากรุก อักษร และภาพวาดอย่างครบถ้วน
“ตกลง”
เย่เฉิน ส่งข้อความตอบรับคำเชิญของ ว่าน ซิ่นอี้
โดยนัดกันไว้ว่าพบกันที่คฤหาสน์ของ ว่าน ซิ่นอี้ ในตอนบ่ายสอง จากนั้น เย่เฉิน ก็ไปทำธุระอย่างอื่นต่อ
ประมาณบ่ายโมงครึ่ง เย่เฉิน เตรียมตัวออกเดินทาง
แต่พอ เย่เฉิน เปิดประตูคฤหาสน์ เขาก็ได้รับสายวิดีโอคอลที่ไม่คาดคิดอย่างยิ่งสายหนึ่ง…
ในคฤหาสน์ของ ว่าน ซิ่นอี้ เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนเก่าอยู่สองสามคน
ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ พวกเขามีเวลาว่างกันพอดี ดังนั้นพอมีเวลาเลยได้นัดมาเจอกัน
โดยปกติพวกเขาต่างยุ่งกับกิจการของตัวเอง ไม่มีโอกาสได้มาพบปะกันเท่าไหร่นัก
ว่าน ซิ่นอี้ ที่เพิ่งรู้ข่าวว่า เย่เฉิน มาที่เมืองลู่เฉิง เมื่อเช้านี้พอดี คิดว่าช่วงบ่ายเขานัดเพื่อนๆ มาที่บ้านอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเชิญ เย่เฉิน มาด้วย
“คนที่คุณเชิญมา ชื่อ เย่เฉิน เจ้าของใหม่ของคฤหาสน์หมายเลขหนึ่งในโครงการ ‘ปี้ไห่กง’ ใช่ไหม?”
มหาเศรษฐีร่างผอมคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา
“ใช่”
ว่าน ซิ่นอี้ พยักหน้าตอบ
“เฮ้ย เหล่าว่าน คฤหาสน์หลังนั้นไม่ใช่ว่าคุณตั้งใจจะเก็บไว้พักหลังเกษียณหรือ? ทำไมคุณถึงยกให้คนอื่นไปง่ายๆ แบบนั้น?”
“เหล่าว่าน คุณมีของสะสมหลายอย่างที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนั้นด้วยไม่ใช่หรือ?”
มหาเศรษฐีอีกคนหนึ่งนึกอะไรขึ้นได้จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
เขาเคยไปคฤหาสน์หลังนั้นครั้งหนึ่งจึงพอมีความทรงจำอยู่บ้าง
“อย่าบอกนะว่าคุณยกของสะสมทั้งหมดไปพร้อมกับคฤหาสน์ด้วย?”
ของสะสมเหล่านั้นรวมมูลค่ากันแล้วอาจจะมากกว่ามูลค่าของคฤหาสน์หลังนั้นเสียอีก
การยกให้ไปทั้งหมดมันออกจะใจกว้างเกินไปแล้วมั้ง?!
“ใช่”
ว่าน ซิ่นอี้ ตอบอย่างสงบ ต่างจากเพื่อนเก่าทั้งหลายที่ตกใจอย่างมาก
“อะไรนะ?”
“นี่มันเกินไปแล้วนะ!”
เมื่อได้ยิน ว่าน ซิ่นอี้ พูดแบบนี้ เพื่อนเก่าหลายคนต่างแสดงสีหน้าแปลกใจทันที
“เหล่าว่าน นี่.. เย่เฉิน คนนั้นขู่บังคับคุณใช่ไหม ถ้าใช่ เราจะไม่ปล่อยเขาไปแน่!!!”
“เราจะช่วยคุณเอง!”
“ถูกต้อง เหล่าว่าน คุณอาจจะจัดการคนๆ นั้นคนเดียวไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าพวกเรายังอยู่ตรงนี้ เราจะช่วยคุณเอง!”
“พวกเรามหาเศรษฐีในเมืองลู่เฉิงตั้งหลายคน จะยอมให้คนนอกมารังแกไม่ได้!”
เพื่อนเก่าหลายคนของ ว่าน ซิ่นอี้ ออกโรงปกป้อง
คฤหาสน์หลังนั้นยกให้ไปก็แล้วไปเถอะ แต่ของสะสมในคฤหาสน์ก็กลับยกให้ด้วย นี่..มันเกินไปจริงๆ
ดังนั้นเพื่อนเก่าหลายคนจึงคิดทันทีว่า ว่าน ซิ่นอี้ อาจถูกบังคับ หรือข่มขู่
และว่าน ซิ่นอี้ คงไม่สามารถต่อกรกับคนที่ชื่อ เย่เฉิน เพียงลำพังได้
แล้วหากว่าพวกเขารวมตัวกันล่ะ!!!
ในฐานะเพื่อนเก่าที่สนิทกัน พวกเขาย่อมไม่อยากเห็น ว่าน ซิ่นอี้ ถูกข่มขู่ หรือเสียผลประโยชน์
“พวกคุณเองอย่ากังวลเลย เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณคิด.....”
ว่าน ซิ่นอี้ รีบออกมาชี้แจงทันที เมื่อเห็นเพื่อนเก่าตื่นเต้นกันขนาดนี้ เขารู้สึกดีที่เพื่อนๆ ของเขามีน้ำใจ แต่พวกเขาคิดผิดไปไกลแล้ว
ปิ๊งปิ๊งปิ๊ง~ ป่อง~
ทว่า ยังไม่ทันที่ ว่าน ซิ่นอี้ จะได้อธิบายอะไร จู่ๆ ก็มีเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นมาก่อน
“น่าจะเป็น คุณเย่ มาถึงแล้ว ฉันจะไปเปิดประตูก่อน”
พูดจบ ว่าน ซิ่นอี้ ก็ลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตูด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นฉากนี้ มหาเศรษฐี และผู้บริหารที่นั่งอยู่ก็ต่างสบตากันอย่างรู้ใจ
ในฐานะเพื่อนเก่าที่สนิทกัน พวกเขารู้ทันทีว่าควรทำอะไร
แน่นอนว่าพวกเขาวางแผนจะสั่งสอน เย่เฉิน ให้รู้จักที่ต่ำที่สูง
“เหล่าว่าน ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้เดี๋ยวปล่อยให้เราจัดการเอง”
ก๊อกแกร๊ก..
ว่าน ซิ่นอี้ เปิดประตูคฤหาสน์ออก และคนที่ยืนอยู่ด้านนอกก็เป็น เย่เฉิน จริงๆ
“คุณเย่ มาแล้ว เชิญเข้ามาข้างในเลยครับ”
ว่าน ซิ่นอี้ เชิญ เย่เฉิน เข้ามาด้วยท่าทีต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
เมื่อเห็น เย่เฉิน เดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ เหล่ามหาเศรษฐีทั้งหลายก็ลุกขึ้นตามมาหมายจะลงมือกดดัน เย่เฉิน
“บอสว่าน ขอโทษนะครับ ก่อนจะมาที่นี่ ผมเพิ่งรับสายวิดีโอคอลเลยมาช้าไปประมาณสามสี่นาที”
เย่เฉิน พูดอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร”
ว่าน ซิ่นอี้ โบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นปัญหา
อย่าว่าแต่สามสี่นาทีเลย.. ถึงแม้จะเป็นสามสิบ หรือสี่สิบนาทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
แค่นี้..เขาก็มีความสุขมากแล้วที่ คุณเย่ มาได้
“อ้อ ผมสงสัยนิดหน่อยว่าใครวิดีโอคอลมาหาคุณถึงทำให้คุณมาช้ากว่าที่นัดไว้?”
หนึ่งในมหาเศรษฐีที่อยู่ในห้องถามขึ้นอย่างเย็นชา
แต่คำตอบของ เย่เฉิน ในวินาทีถัดมา กลับทำให้มหาเศรษฐีทั้งหลายถึงกับอึ้งทันที!!!