ตอนที่แล้วตอนที่ 246 ความกลัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 248 เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตมหายาน

ตอนที่ 247 คนทรยศ (ฟรี)


ตอนที่ 247 คนทรยศ

ในเวลานั้น พวกเขาทั้งสองยังไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ พวกเขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสวรรค์ลวงเท่านั้น

ในเวลานั้น จู้เซินรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองมาก เมื่อเขาปรากฏเข้าร่วมกองปราบมาร เขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง คิดไม่มีใครที่อยู่ในระดับเดียวกันจะสู้กับเขาได้ แต่ต่อมาเขาก็ได้รับการสั่งสอนจากหวังเย่อย่างรุนแรง

ด้วยเพียงสามกระบวนท่า หวังเย่ก็เอาชนะเขาได้ ทำให้กระอักเลือด และได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก!

หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหัวหน้ากองปราบมาร เขาอาจจะถูกหวังเย่ทุบตีจนตายไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เขาต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะหายจากอาการบาดเจ็บอย่างเต็มที่

ตั้งแต่นั้นมา จู้เซินก็ควบคุมตัวเองมากขึ้น เมื่อเขาเห็นหวังเย่ เขาก็เบี่ยงทาง และไม่กล้าไปพบหน้า

ต่อมา เมื่อหวังเย่ออกจากนครหลวงไป เขาก็จึงกล้าปรากฏตัวอีกครั้ง และค่อยๆ ไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งรองหัวหน้ากองปราบมาร

แต่ถึงตอนนี้ เขายังคงเต็มไปด้วยความกลัวต่อหวังเย่

ชายคนนี้น่ากลัวมาก อีกฝ่ายไม่สนใจตัวตนหรือสถานะใดๆ ใครก็ตามที่บอกเขาว่าอ้วน จะถูกทุบตีจนกว่าจะตายกันไปข้าง

“หวัง...แม่ทัพหวัง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?” จู้เซินกลับมารู้สึกตัว และถามหวังเย่ด้วยสีหน้าเคอะเขิน

อีกฝ่ายออกไปตามล่าหาฆาตกรที่สังหารแม่ทัพจางไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงกลับเร็วถึงขนาดนี้

“ข้าจะไปที่ไหนก็เรื่องของข้า ตั้งรายงานเจ้าหรือยังไง?” หวังเย่จ้องมองไปที่จู้เซิน และทันใดนั้นก็มีค้อนทองสองอันปรากฏขึ้นในมือของเขา เปล่งประกายดุร้ายออกมา

“ไม่... ข้ามิกล้า” จู้เซินตกใจ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วพูดด้วยความกลัว

แม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว จู้เซินยังไม่ลืมความหวาดกลัวของค้นทองทั้งสองของหวังเย่!

การโจมตีของมันนั้นรุนแรงมาก สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส ด้วยร่างกายที่บอบบางของเขา เขาไม่สามารถรับแรงกระแทกนั้นได้

“เฮอะ เมื่อกี้เจ้ายังหยิ่งผยองมากอยู่เลยมิใช่เรอะ ข้าไม่เห็นว่าจะไม่มีสิ่งใดที่เจ้าไม่กล้าทำเลย!” หวังเย่ตวาดเสียงเย็น เต็มไปด้วยถ้อยคำเสียดสี

แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าคนในตระกูลลู่ ไม่รู้จริงๆ ว่าชายคนนี้ได้ความกล้าหาญมาจากไหน

จู้เซินมองไปที่หวังเย่ จากนั้นมองไปที่คนในตระกูลลู่ และรู้สึกรู้แจ้งบางอย่าง

ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาไม่ไว้หน้าเขาเลย ปรากฏว่ามีคนหนุนหลังอยู่นี่เอง นั่นคือแม่ทัพหวังผู้โด่งดัง!

ความแข็งแกร่งของชายชรานั้นก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และเขาอาจจะไม่ด้อยกว่าหวังเย่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่หวังเย่ชายที่หยิ่งผยองมาโดยตลอดจะเต็มใจที่จะยืนหยัดเพื่อพวกเขา

น่ารังเกียจยิ่งนัก!

“แม่ทัพหวัง ข้ายอมรับว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่พวกเขาได้สังหารขุนนางของจักรวรรดิเรา ในฐานะแม่ทัพ ท่านควรปกป้องความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิมิใช่หรือ!” จู้เซินลังเลอยู่นาน จากนั้นเขาก็พูดขึ้น

เป็นเรื่องจริงที่เขากลัวหวังเย่มาก แต่ตอนนี้เขาก้าวออกมาแล้ว และถอยไม่ได้!

หวังเย่แข็งแกร่งก็จริง และแข็งแกร่งกว่าตัวเขามาก แต่ยังมีบางคนในจักรวรรดิต้าเฉียนที่แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงต้องยืนหยัดเข้าไว้!

“ข้าไม่ใช่ขุนนางของจักรวรรดิต้าเฉียนอีกต่อไปแล้ว ข้าเป็นเพียงคนรับใช้ของผู้อาวุโสลู่เท่านั้น ดังนั้น ข้าไม่จำเป็นต้องปกป้องความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิอะไรนั่น ข้าเพียงต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้อาวุโสลู่เท่านั้น!” หวังเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดกับจู้เซิน

แล้วตำแหน่งขุนนางขั้นสามล่ะ? เขาพยายามอย่างหนักมาหลายปีเพื่อสิ่งนี้ ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วหรือ

แค่ตำแหน่งขุนนางจะมีค่าเท่ากับจิตยุทธ์แห่งชูร่าได้ยังไง!

นั่นคือสุดยอดจิตยุทธ์ที่สามารถทำให้เขาเป็นปราชญ์ และตัวตนระดับบรรพบุรุษได้ ตราบใดที่เจ้าสามารถควบแน่นมันได้ ไม่ต้องพูดถึงจักรวรรดิต้าเฉียน แม้แต่สิบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสำนักเต๋า เขาก็จะปฏิบัติในฐานะแขกคนสำคัญ!

จิตยุทธ์ของนักยุทธศาสตร์ทหารที่จู้เซินควบแน่นได้นั้นพิเศษก็จริง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจิตยุทธ์แห่งชูร่าแล้ว มันไม่มีค่าอะไรเลย และไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง!

จิตยุทธ์แห่งชูร่าเป็นจิตยุทธ์แห่งวิถีสังหารที่ทรงพลังที่สุด

“เจ้า...เจ้าทรยศต่อจักรวรรดิต้าเฉียนจริงๆ เหรอ?” จู้เซินตกใจกับคำพูดของหวังเย่ และเขาพูดด้วยความตกใจ

หวังเย่ได้เป็นขุนนางขั้นสามแล้วตั้งแต่อายุยังน้อย เรียกได้ว่าเขามีอนาคตที่สดใส!

แต่ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจละทิ้งตำแหน่งนั้นไป ซึ่งจู้เซินไม่สามารถเข้าใจได้เลย

เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลลู่นั้นแข็งแกร่ง และทรงพลังมากกว่าจักรวรรดิต้าเฉียนเสียอีก?

“อะไรนะ แม่ทัพหวังลาออกจริงๆ เรอะ!” เมื่อคนอื่นๆ ได้ยิน พวกเขาก็ต่างตกตะลึง และแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง

“หากรออีกหน่อย เขาก็มีสิทธิ์ได้เป็นถึงเจ้ากรมกลาโหม! อะไรคือเสน่ห์ของตระกูลลู่ที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกเช่นนั้น!” มีบางคนพูดด้วยสีหน้าแปลกใจ

“ดูเหมือนว่าต้นกำเนิดของตระกูลลู่จะซับซ้อนกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ พวกเขาสามารถทำให้หวังเย่อกจากต้าเฉียนด้วยความเต็มใจได้” ดวงตาของหลี่ชวนหดตัวเล็กน้อย และเขาก็พูดกับตัวเองในใจ

แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ตัวเขาเองก็ยังด้อยกว่าหวังเย่

ท้ายที่สุดแล้ว หวังเย่เป็นอัจฉริยะที่สามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตมหายาน ในขณะที่อยู่ในขอบเขตหลุดพ้นได้

แม้ว่ากวาดตามองทั่วทั้งจักรวรรดิต้าเฉียน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งเหมือนกับหวังเย่!

อาจกล่าวได้ว่าหากหวังเย่ได้รับเวลาพอ และไปถึงขอบเขตมหายาน และปรับปรุงนิสัยของตนซะหน่อย เขาจะมีโอกาสอย่างมากที่จะเป็นเจ้ากรมกลาโหม

เป็นไปได้ที่จะก้าวไปอีกขั้น และเป็นผู้สืบทอดของแม่ทัพใหญ่ฉู่ฉง ซึ่งสั่งการกองทัพถึงเจ็ดส่วนของจักรวรรดิ

ท้ายที่สุดแล้ว เดิมทีหวังเย่ก็เป็นศิษย์ของอีกฝ่าย เมื่อตอนที่เขาอยู่ในกองทัพ เขาก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับความไว้วางใจที่สุด!

บุตรของฉู่ฉงทุกคนเสียชีวิตในสนามรบ เขาจึงไม่มีภาระอะไรอีก ดังนั้นเขาจึงฝึกฝนหวังเย่เหมือนกับทายาทของตน

น่าเสียดายที่ตัวหวังเย่มีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดจึงไม่เข้าตาจักรพรรดิต้าเฉียนมากนัก และด้วยการที่เขาเป็นศิษย์ของฉู่ฉง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

ไม่งั้น แม้ว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉู่ฉง เพียงแค่อาศัยผลงานการรบครั้งก่อนของหวังเย่ที่ชายแดน นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาเป็นขุนนางขั้นสองเป็นอย่างต่ำ!

แต่เขาก็เป็นขุนนางที่ไว้ใจในด้านความแข็งแกร่งได้ และหากได้รับสืบทอดตำแหน่งต่อจากฉู่ฉง ทหารในกองทัพก็จะไม่ต่อต้านมากนัก แม้ว่าจักรพรรดิต้าเฉียนจะไม่ชอบหวังเย่ แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะเลือกอย่างไรในอนาคต

ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่หวังเย่จะทะยานขึ้นฟ้านั้นจึงยังสูงอยู่มาก

เขามีพรสวรรค์ และมีประสบการณ์ในต่อสู้มากมาย และด้านหลังเขามีต้นไม้สูงตระหง่านอย่างฉู่ฉงอยู่ สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือ โอกาสที่จะใช้เป็นกระดานกระโดด

หลายคนเคยคาดเดามาก่อนว่าหากหวังเย่ทำภารกิจที่ฝ่าบาทมอบให้สำเร็จ และล้างแค้นให้กับแม่ทัพจางได้ เขาจะสามารถผงาดขึ้น และทะยานสู่ท้องฟ้า!

อย่างไรก็ตาม ยังมีคนจำนวนมากที่รอดูเรื่องตลกของเขา คนที่สามารถบังคับแม่ทัพจางให้ฆ่าตัวตายได้ จะถูกจับมาง่ายๆ ได้อย่างไร?

ดังนั้น เมื่อตอนที่จักรพรรดิต้าเฉียนหาคนที่จะออกไปจับกุม หลายคนจึงหลบหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องไปเสี่ยง!

“ข้าไม่ได้ทรยศต้าเฉียน ไม่งั้นข้าก็คงไม่กลับมาที่นี่ หลังจากนี้ ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท และลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ” สีหน้าของหวังเย่ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลย และเขาก็พูดอย่างช้าๆ

“หวังเย่ เจ้าคนทรยศ เจ้ากำลังทำให้ชื่อเสียงของอาจารย์เสื่อมเสีย!” ทันใดนั้นก็มีเสียงอันโกรธเกรี้ยวดังมาจากนอกประตูจวน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด