ตอนที่ 22 น้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐาน ดอกไม้กำเนิดวิญญาณ
ตอนที่ 22 น้ำอัมฤทธิ์โลหิตสร้างรากฐาน ดอกไม้กำเนิดวิญญาณ
ผู้บำเพ็ญสายธรรมเกือบทุกคนจำเป็นจะต้องเพิ่งน้ำอัมฤทธิ์ที่เป็นน้ำยาช่วยเร่งให้เข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถหลอมพลังปราณได้ด้วยตัวเอง และเข้าสู่ขั้นสร้างรากฐานได้
ทว่าน้ำอัมฤทธิ์สร้างรากฐานนั้นก็หายากมาก
สาเหตุหลักก็มาจากน้ำอัมฤทธิ์สร้างรากฐานจะต้องใช้วัสดุที่หายากในการกลั่น น้ำอัมฤทธิ์นี้เป็นยาอายุวัฒนะที่ช่วยให้ผู้บำเพ็ญเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐานได้ง่ายขึ้น มันมีชื่อว่า "เต้าหลิงฮัว"
หากต้องการใช้หินวิญญาณเพื่อซื้อน้ำอมฤตประเภทนี้ ก็จะต้องใช้หินวิญญาณประมาณสิบก้อน
นอกจากเต้าหลิงฮัวแล้ว บางนิกายก็ใช้วัตถุดิบในการกลั่นไม่เหมือนกัน และจำเป็นจะต้องใช้ยาอายุวัฒนะเจ็ดถึงสิบสองชนิดในการช่วยหลอมพลังลมปราณอีกด้วย
ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่สามารถปรับแต่งได้สำเร็จ
โดยทั่วไปแล้ว ใครก็ตามที่สามารถกลั่นน้ำอัมฤทธิ์ชนิดนี้ออกมาได้สำเร็จสี่เตาจากทั้งหมดสิบเตา ก็ถือว่าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ประสบความสำเร็จแล้ว
ผู้บำเพ็ญสายมารก็มีวิธีในการกลั่นที่ไม่เหมือนใครเช่นกัน พวกเขาได้เอาดอกไม้กำเนิดวิญญาณ ซึ่งเป็นดอกไม้แปลก ๆ ซึ่งเติบโตจากจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมาใช้แทนดอกเต้าหลิง
ด้วยวิธีนี้ แม้แต่น้ำอัมฤทธิ์ช่วงกลั่นลมปราณที่บอกว่าหายากนักยากหนาก็ยังถูกแทนที่ด้วยน้ำอมฤตอื่นๆ ที่หาง่ายกว่า
ดังนั้นต้นทุนในการกลั่นน้ำอัมฤทธิ์สร้างรากฐานจึงลดลงอย่างมาก
น้ำอัมฤทธิ์ชนิดนี้ เรียกว่าน้ำอัมฤทธิ์โลหิตที่ช่วยให้ผู้บำเพ็ญมารเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน
ทว่าในตอนนี้ฉู่เสวียนยังไม่สามารถรวบรวมวัตถุดิบในการทำน้ำอมฤตที่จำเป็นสำหรับทะลวงเขตแดนช่วงสร้างรากฐานได้
ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวที่จะดูดซับลูกปัดโลหิตต่อเพื่อทำการบ่มเพาะอีกครั้งตั้งแต่เช้าตรู่
"ฝึกฝนต่อไป!"
ฉู่เสวียนหายใจเข้าลึก ๆ พลางหลับตาลงแล้วกลั่นลูกปัดโลหิตเม็ดใหญ่ต่อไป
...
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และแล้วเดือนมกราคมก็ผ่านไปในพริบตา
บนดาดฟ้าของโรงแรมหรู ฉู่เสวียนกำลังนั่งอยู่ที่นี่
เขายังไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากอาหาร ดังนั้นเขาจึงต้องหยุดดูดซับลูกปัดโลหิตขนาดใหญ่นั้นเพื่อหาข้าวกินทุกครั้งที่เขาหิว
เขากินอาหารแห้งเกือบทั้งหมดที่แก๊งหลิงฉวนเก็บไว้ในโกดัง
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ด้วยการดูดซับลูกปัดโลหิตขนาดใหญ่และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เขตแดนของฉู่เสวียนก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขามาถึงช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่ 8 แล้ว ซึ่งก็เป็นระดับสูงสุดของการกลั่นลมปราณ
มีเพียงหมอกบางๆมาขั้นไว้เท่านั้น และไม่นานเขาก็จะเข้าสู่การกลั่นลมปราณขั้นที่ 9
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉู่เสวียนได้ดูดซับลูกปัดโลหิตก้อนใหญ่ไปจนจะหมดแล้ว ตอนนี้เหลือลูกปัดโลหิตขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียวที่อยู่ในมือของเขา หากดูดซับจนหมดแล้ว เขาหวังว่าจะสามารถทะลวงหมอกบางๆนี่ไปได้
"ทำลายมัน!"
ฉู่เสวียนเริ่มดูดซับลูกปัดโลหิตก้อนสุดท้ายในมือ เลือดในลูกปัดได้กลิ้งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา
เขาคำรามออกมาจนเส้นเลือดบนหน้าผากปูดนูนขึ้น
เจตจำนงของผู้บำเพ็ญนั้นสามารถมีบทบาทสำคัญในการช่วยส่งเสริมพลังลมปราณของผู้บำเพ็ญให้มีความแข็งแกร่งขึ้น
และอาจเป็นเพราะเจตจำนงของฉู่เสวียนแข็งแกร่งเพียงพอ หรืออาจเป็นเพราะโชคลาภที่เขาได้รับ
จึงทำให้เขาสามารถทะลวงผ่านขั้นที่ 8 ไปสู่ขั้นที่ 9 ของช่วงกลั่นลมปราณได้สำเร็จในขณะนี้
ตู้ม!
ลมหายใจพุ่งออกมา!
ฝุ่นฟุ้งกระจาย!
ส่งผลให้ดาดฟ้าของโรงแรมสะอาดสะอ้านขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ เสี่ยวเป้าก็ใช้เทคนิคที่มีปกป้องดาดฟ้าพร้อมกับศพหยินอีกหกตัว
เดิมทีเขายืนดูอยู่เงียบๆ
พลังที่พลุ่งพล่านรอบ ๆ ฉู่เสวียนทำให้เสี่ยวเป้าคำรามออกมาด้วยความตกใจ และรู้สึกหวาดกลัวอยู่ข้างใน
ศพหยินอีกหกตัวก็ตกใจมากจนพวกมันได้แต่หมอบลงไปและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นไม่นาน พลังของฉู่เสวียนก็ลดลง พวกเขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจและมองดูเขาอย่างสงสัยราวกับเด็กทารกที่อยากรู้อยากเห็น
ฉู่เสวียนหายใจเข้าแล้วลืมตาช้าๆ
"การกลั่นลมปราณขั้นที่ 9!"
"ขั้นตอนต่อไปคือการเติมทะเลปราณ จากนั้นข้าก็พร้อมที่จะเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐานต่อไป"
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
“โฮ่ โฮ!”
เสียงคำรามของศพหยินดังมาจากระยะไกล
เสียงหลายเสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ในชั่วพริบตา พลทหารศพทั้งสองอย่างเสี่ยวหลงและเสี่ยวหูก็มาปรากฏตัวบนดาดฟ้าพร้อมกับหมาป่าวิญญาณที่อยู่ในอ้อมแขนพวกเขา
เมื่อเห็นฉู่เสวียน เสี่ยวหู่ก็ไม่ลังเลและก้มศีรษะลงด้วยความเคารพทันที
เช่นเดียวกับต้าหวงและเอ๋อร์ฮวง
แม้ว่าพวกมันจะไม่รู้จักฉู่เสวียน แต่พวกมันก็ยอมรับอย่างจริงใจว่าฉู่เสวียนเป็นเจ้านายของพวกมัน
เสี่ยวหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้ก้มหัวลงทันที
ดวงตาของฉู่เสวียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา และจ้องมองไปที่เสี่ยวหลงอย่างดุเดือด
หลังจากที่ดูอย่างละเอียด เขาก็เยาะเย้ยออกมาว่า "ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าจะลังเล ตอนนี้เจ้าเป็นถึงพลทหารศพขั้นที่ 8 แล้ว เจ้าคิดที่จะปีกกล้าขาแข็งกับข้าอย่างนั้นหรือ?"
เขาสูดหายใจอย่างเย็นชา และพลังปราณของเขาก็พุ่งออกไปราวกับเนินเขาที่กดลงบนร่างกายของเสี่ยวหลง
เสี่ยวหลงทนแรงกดดันอันหนักหน่วงไม่ได้จึงคุกเข่าลงทันที
แคร็ก
กระดูกที่เข่าของมันแตกจริงๆ จนเกิดเสียงดังลั่น เสี่ยวหลงกรีดร้องออกมา แต่เขาก็ไม่กล้าลุกขึ้นและยังคงคุกเข่าอยู่
เขารู้สึกได้แล้วว่าความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะคนนี้สูงกว่าเขาจริงๆ
ฉะนั้นการต่อต้านจึงเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดมากนัก
"ฮึ่ม เจ้ากบฏ"
ดวงตาของฉู่เสวียนเย็นชา
ศพหยินตรงหน้าเขานี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องจักรสังหารที่ไร้อารมณ์อีกต่อไป
โดยทั่วไปแล้วพวกมันจะสืบทอดอารมณ์ของร่างเดิมมาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
และเห็นได้ชัดว่าร่างเดิมของเสี่ยวหลง หรือก็คือจ้าวหงนั้นเป็นคนหัวรั้นและมีความทะเยอทะยานโดยธรรมชาติ
“เสี่ยวหู เจ้าเป็นพลทหารศพขั้นที่ 7 แล้ว เยี่ยมไปเลย นี่คือรางวัลของเจ้า”
ฉู่เสวียนสะบัดลูกปัดโลหิตในมือของเขาออกไป
ดวงตาของเสี่ยวหู่เบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น เขารีบยัดมันเข้าปากไปในทันที
การที่ศพหยินกินเลือดและเนื้อโดยตรงนั้นไม่มีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่
โดยธรรมชาติแล้ว อาหารชั้นเลิศของพวกมันก็ยังคงเป็นลูกปัดโลหิตที่มีแก่นแท้ของโลหิต ซึ่งฉู่เสวียนทำให้มันบริสุทธิ์โดยการใช้เทคนิคการสกัดเลือด
“โฮ่ โฮ!”
เสี่ยวหู่ยื่นมือออกมาดึงมุมเสื้อผ้าของฉู่เสวียนราวกับว่าเขามีอะไรจะพูด ฉู่เสวียนจึงได้สื่อสารผ่านความคิดกับเสี่ยวหู่ทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจสิ่งที่เสี่ยวหู่ต้องการจะพูด
“เจ้าค้นพบถ้ำหมาป่ายักษ์ ไม่พอพวกมันยังรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อซุ่มโจมตีเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ?” ทันใดนั้นฉู่เสวียนก็สนใจเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
มนุษย์หลายคนได้ดูดซับพลังปราณและได้กลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ
สัตว์และพืชก็สามารถดูดพลังปราณและกลายร่างเป็นสัตว์และพืชที่เหนือธรรมชาติได้เช่นกัน
หากว่าหมาป่ายักษ์นั้นรู้วิธีซุ่มโจมตี ก็แสดงว่าพวกมันมีความคิดและฉลาดมาก
เป็นไปได้ว่า มีพลังปราณที่ช่วยเร่งการเติบโตของพวกมันขึ้นมา
นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับมนุษย์ที่รอดชีวิตในดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้
แต่สำหรับ ฉู่เสวียนแล้ว มันเป็นข่าวดี หมาป่ายักษ์เหล่านั้นค่อนข้างฉลาดและทรงพลัง
บางทีมันอาจจะสามารถใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ดอกไม้กำเนิดวิญญาณของเขาได้!
"ก่อนที่จะข้ามมิติกลับไปยังทวีปชางเสวียน ข้าจะต้องหาแหล่งเพาะพันธุ์ดอกไม้กำเนิดวิญญาณให้ได้เสียก่อน"
"เมื่อข้ากลับมาจากทวีปชางเสวียน ดอกไม้กำเนิดวิญญาณก็คงจะเติบโตเต็มที่แล้ว"
“อาณาเขตของถ้ำหมาป่ายักษ์นั้นอยู่ที่ไหน” เขาถามขึ้นมาทันที
เสี่ยวหู่คำรามออกมาสองสามครั้งแล้วชี้ไปที่เนินเขาทางทิศเหนือ
ฉู่เสวียนพยักหน้า "เสี่ยวหลง, เสี่ยวหู่ และพวกเจ้าหก พวกเจ้าทุกคนตามข้ามา ส่วนเสี่ยวเป้าอยู่เฝ้าที่นี่เอาไว้"
"โฮ่ โฮ่ โฮ!"
ซอมบี้ทั้งสามคำรามออกมา
แต่เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเป้ารู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้น ต้าหวงและเอ๋อร์ฮวงก็ควรอยู่ดูแลที่นี่กับเสี่ยวเป้าด้วย”ฉู่เสวียนโบกมือ
จู่ๆ เสี่ยวเป่าก็ดีใจขึ้นมาอีกครั้ง เขาเหมือนกับเด็กที่มีเพื่อนเล่นวัยเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นฉู่เสวียนก็ได้นำเสี่ยวหลง,เสี่ยวหู่และศพหยินทั้งหกอื่น ๆ ออกมาจากโรงแรมห่าวไท่ เขาขี่ดาบบังเหินแล้วมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ
...
บริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิง
วันนี้หวังกังเจี้ยนไม่ได้เล่นเกมอีกต่อไป แต่นั่งอยู่ในสำนักงานของผู้จัดการด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
หวังหยงก็นั่งอยู่บนโซฟาข้างหน้าเขา พร้อมกับขมวดคิ้วเช่นเดียวกัน
“ฉันขอให้นายมาที่นี่เพื่อให้ช่วยคิดหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน อย่ามัวแต่ขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้นสิ!” หวังกังเจี้ยนกล่าวออกมา
หวังหยงยิ้มอย่างเชื่องช้า "มันยากนิดหน่อย หากคนจากกองทัพหลินเจียงบอกว่าไม่สามารถจัดการกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้ พวกเรากลุ่มรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงก็มีผู้อยู่เหนือธรรมชาติเพียงสี่คนเท่านั้น และแต่ละคนก็อยู่ในระดับ 1... "
เมื่อได้ยินเช่นนี้หวังกังเจี้ยนรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น "ฉันขอให้นายดูซับพลังปราณแล้ว แต่นายไม่ยอมทำเอง พรสวรรค์ของนายดีมาก หากนายได้เป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติระดับ 2 บริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงของเรา ก็จะอยู่เหนือคนอื่นๆไม่ใช่เหรอ ?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หวังหยงหัวเราะออกมา ถ้าเขาดูดซับพลังปราณจากแก่นลมปราณโดยตรง ความน่าจะเป็นที่จะประสบความสำเร็จก็มีแค่ประมาณหนึ่งในสาม ขึ้นอยู่กับร่างกายส่วนบุคคลเป็นหลัก หากร่างกายแข็งแรงเพียงพอ การดูดซับพลังปราณจากแก่นลมปราณโดยตรง ก็จะไม่เป็นอันตรายอะไร..แต่เขาไม่กล้าจริงๆ