ตอนที่ 1360 ร่างกายไร้ที่ติ (ฟรี)
ตอนที่ 1360 ร่างกายไร้ที่ติ
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นมองดูชายชราด้วยความสับสน หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าชายชรานั้นไม่ใช่คนจรจัด เขาก็ตอบโต้กลับไป “แต่ข้าไม่รู้จักเจ้า”
สิ่งที่แปลกประหลาดมากยิ่งกว่าก็คือการที่ข้อมูลของผู้ฝึกยุทธรุ่นเยาว์ปรากฏขึ้นต่อหน้าลู่โจว แต่เขากลับไม่เห็นข้อมูลของชายชรา
“ข้าน่ะเหรอ?” ชายชราหัวเราะ “แต่ข้ารู้จักท่าน...”
“หืม?” ลู่โจวรู้สึกว่าชายชรานั้นแปลกประหลาด เขาต้องระวังตัวมากขึ้น
ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ไม่อาจเทียบเคียงกับลู่โจวได้ พวกเขาไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับลู่โจว แต่อย่างไรก็ตามชายชราตรงหน้าเขากลับดูเหมือนกับคนธรรมดาๆ ที่ร่างของเขาไม่มีพลังงานใดๆ ผันผวนออกมา นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ แต่ยอดเขานั้นสูงมาก แม้ว่าคนธรรมดาๆ จะสามารถปีนขึ้นมาได้ พวกเขาก็คงจะอยู่ได้ไม่นาน นั่นหมายความว่าพลังฝึกฝนของชายชรานั้นล้ำลึกมาก
เขาสามารถขอให้ฉินเหรินเยว่ปกป้องเขาในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับบททดสอบพลังผังก่อเกิดได้ แต่อย่างไรก็ตามการทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้เกิดคำถามมากขึ้น
‘ชายชรานี่รู้จักฉันได้ยังไง? ’ ลู่โจวสงสัย
“นั่งลงก่อนเถอะ” ชายชราพูดขึ้น
“เจ้ามาที่นี่เพื่อท้าทายทางเชือกงั้นสินะ?” ลู่โจวไม่ได้รีบร้อนที่จะข้ามทางเชือกลอยฟ้า เขาเดินไปนั่งลงบนก้อนหินตรงข้ามกับชายชรา
ชายชราส่ายหัว “ทางเชือกลอยฟ้าไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้าหรอก” เขามองดูผู้ฝึกยุทธที่กำลังพยายามข้ามทางเชือกลอยฟ้า
ลู่โจวตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของชายชรา “งั้นเจ้าเป็นยอดฝีมือสินะ?”
“ข้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนั้นหรอก” ชายชรากล่าว เขากำหมัดคำนับลู่โจว
“เจ้าบอกว่ารู้จักข้า? แล้วก็ยังรอคอยข้าอยู่ที่นี่?” ลู่โจวถาม
ชายชราพยักหน้า
ลู่โจวพยายามนึกถึงชายชราตรงหน้า แต่เขากลับไม่พบความทรงจำใดๆ เขายังใช้พลังแห่งการรับกลิ่นอายรับกลิ่นของชายชรา แต่เขาก็ยังคงไม่รู้สึกคุ้นเคย เขาแน่ใจแล้วว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับชายชราคนนี้ “ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน”
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก” ชายชราพูดขึ้น เขายกมือขึ้นชี้นิ้วไปยังทางเชือกลอยฟ้า
“ไม่ มันสำคัญมาก” ลู่โจวกล่าว
“...” ชายชราตกตะลึง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะออกมา เขามองดูลู่โจว “ท่านก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม”
“หรือจะเป็นลู่เทียนตง?” ลู่โจวถาม
“ลู่เทียนตง ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติแห่งดินแดนดอกบัวดำ เขาเป็นคนที่เก่งกาจมาก แต่เขาก็ยังคงห่างไกลจากการเป็นคนที่มีวาสนา คนแบบเดียวกับคนที่ข้ารอคอย” ชายชราตอบกลับ
“คนที่มีวาสนางั้นเหรอ? แล้วใครกันล่ะ?”
“ท่านนั่นแหละ”
“...”
“ข้ารอคอยอยู่ที่นี่เป็นเวลาสิบปี ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ข้าอยู่ที่นี่ทุกวัน ข้าดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก ข้าดูชายหนุ่มมากมายพยายามข้ามทางเชือก ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้พบกับท่าน” ชายชราพูดอย่างจริงจัง
ลู่โจวคิดว่าชายชรานั้นแปลกประหลาด เขาหยิบตำราออกมา “เจ้าหนุ่ม ข้าเห็นว่ากระดูกของเจ้านั้นแปลกประหลาด...”
“ท่านผู้มีวาสนา ข้าเห็นว่าพรสวรรค์ของท่านนั้นไม่เลว...” ชายชราหยิบถุงสีน้ำตาลออกมาจากอก
“ช้าก่อน” ลู่โจวยกมือขึ้น เขาหยุดการกระทำทั้งหมด “ข้าไม่มีเวลามาเสียกับเจ้าหรอก”
เมื่อเห็นว่าลู่โจวกำลังจะจากไป ชายชราก็รีบลุกขึ้นยืนเพื่อหยุดลู่โจว “ไม่ๆ ฟังข้าก่อนเถอะ ข้ามีวิธีช่วยท่านข้ามทางเชือกได้”
“เจ้าน่ะเหรอ?” ลู่โจวมองดูชายชรา
“ความเข้าใจที่ท่านมีต่อทางเชือกลอยฟ้านั้นไม่อาจเทียบเคียงกับข้าได้ ความจริงแล้วความเข้าใจของท่านอาจจะยังด้อยกว่าผู้ฝึกยุทธรุ่นเยาว์พวกนั้นด้วยซ้ำ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง หากท่านไม่เข้าใจทางเชือก ต่อให้ท่านจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน ท่านก็ยังคงต้องพบเจอกับความล้มเหลว” ชายชรากล่าว
ชายหนุ่มไม่กี่คนมองมาทางพวกเขา
“ข้าจะไม่คบหากับคนที่ไร้ชื่อแซ่” ลู่โจวหันหลังกลับไปกล่าว
“เจี๋ยจิ่นอัน” ชายชรารีบพูด
ลู่โจวไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ “แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าคือคนที่มีวาสนาที่เจ้ากำลังรอคอย?”
“หลังจากที่เกิดความไม่สมดุลขึ้น ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติสองคนก็ตายไป ในตอนนั้นข้ามั่นใจแล้วว่าจะมีปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติคนใหม่จะปรากฏตัวขึ้น ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติคนนั้นคือคนที่มีวาสนา และท่าน...ท่านคือคนคนนั้น” เจี๋ยจิ่นอันหัวเราะ
“...”
ลู่โจวตกใจ ชายชราคนนี้มีลางสังหรณ์ที่ไม่เลว “หรือว่าที่ผ่านมาเจ้าก็เคยพูดแบบนี้กับคนอื่นมาแล้ว?”
“เอ่อ...” เจี๋ยจิ่นอันขมวดคิ้ว เขารีบเปลี่ยนเรื่อง “ลองมองดูทางเชือกลอยฟ้าสิ มันยาวแค่ไหน?”
“ประมาณ 10,000 ฟุตได้...” ลู่โจวมองดูมัน
“ท่านคิดผิดแล้ว” เจี๋ยจิ่นอันกล่าว “มันดูเหมือนว่าจะยาวแค่ 10,000 ฟุตก็จริง แต่ความจริงแล้วมันยาวไม่สิ้นสุด”
“ไม่สิ้นสุด? หรือว่ามีเขตแดนพลังมายากัน?” ลู่โจวถาม
“ผิดแล้วล่ะ” เจี๋ยจิ่นอันกล่าว “ยอดเขาโส่วอิงกับเสาหลักแห่งหายนะนั้นคล้ายคลึงกัน พวกมันสามารถมองเห็นจิตใจของคนเราได้ หากท่านอยากจะข้ามทางเชือกได้ ท่านต้องมีความสามารถพิเศษ และท่านต้องมีพลังผังก่อเกิดอย่างน้อย 18 ผัง”
ลู่โจวรู้เรื่องนี้
“ความสามารถพิเศษที่ว่าหมายถึงความสามารถในการเอาชนะปีศาจร้ายในใจ หากไม่มีความสามารถนั้น ต่อให้ท่านจะมีพลังผังก่อเกิด 20 ผัง ท่านก็ยังคงล้มเหลว นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติหลายคนไม่ยอมมาที่นี่ ไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับความกลัวและจุดอ่อนของตัวเองหรอก...” เจี๋ยจิ่นอันกล่าว
ลู่โจวมองดูทางเชือกลอยฟ้า
“ข้ารอคอยอยู่ที่นี่เป็นเวลา 10 ปี นอกจากการช่วยท่านข้ามทางเชือกแล้ว ข้ายังคงมีอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือการส่งคืนบางสิ่งบางอย่างให้กับเจ้าของที่แท้จริง” เจี๋ยจิ่นอันกล่าว
“ส่งคืนบางสิ่งบางอย่างให้กับเจ้าของที่แท้จริง?” ลู่โจวถาม
“อ๊ะ ข้าหมายถึง ข้ามีของขวัญจะมอบให้กับท่าน” เจี๋ยจิ่นอันรีบแก้ไขคำพูด เขาหยิบถุงสีน้ำตาลออกมา “มันอยู่ในนี้”
ลู่โจวยื่นมือออกไปรับมัน แต่เจี๋ยจิ่นอันกลับเก็บถุงนั้นกลับไป “ข้ามทางเชือกไปให้ได้ก่อน สิ่งนี้มีค่ามาก หากท่านข้ามมันไม่ได้ นั่นแสดงว่าท่านไม่ใช่คนที่มีวาสนา หากข้ามอบมันให้กับท่าน มันจะยิ่งทำให้ท่านตกอยู่ในอันตราย”
“...”
ลู่โจวขมวดคิ้ว เมื่อครู่ชายชรายังยืนยันว่าเขาคือคนที่มีวาสนา แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนท่าทีไป เขาคิดว่าชายชรากำลังหลอกลวงเขา
“ท่านมีร่างกายไร้ที่ติ ดังนั้นการข้ามทางเชือกจึงยากกว่าคนอื่นๆ ได้โปรดระวังตัวด้วย” ในขณะที่ลู่โจวกำลังจะจากไป เจี๋ยจิ่นอันก็พูดขึ้น
“ร่างกายไร้ที่ติ?”
“ร่างกายไร้ที่ติจะดึงดูดภัยพิบัติสิบเท่า ข้าจะรอท่านอยู่ที่ยอดเขาโส่วอิงทางเหนือ” เจี๋ยจิ่นอันกล่าว เขาบินจากไป
“สวัสดี ไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่เพื่อท้าทายทางเชือกเหมือนกันรึเปล่า?” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่แอบฟังบทสนทนาก้าวเข้ามาหา
“มีอะไรรึเปล่า?” ลู่โจวถาม
“ไม่มีอะไรหรอก พวกเราแค่อยากจะหาประสบการณ์ พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านไม่พอใจ”
ชายหนุ่มเหล่านี้ไม่ได้โง่ หลังจากที่ฟังบทสนทนาของลู่โจวกับเจี๋ยจิ่นอันแล้ว พวกเขามั่นใจว่าชายตรงหน้าพวกเขาเป็นถึงยอดฝีมือผู้มีพลังผังก่อเกิด 18 ผัง พวกเขาเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มที่ต้องการหาประสบการณ์ ส่วนยอดฝีมือตรงหน้าพวกเขาคือปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติ พวกเขาจะเทียบเคียงได้ยังไง?
“มันยากมากรึเปล่า?” ลู่โจวถาม
“ยากมาก ข้าเดินทางไปได้ไกลที่สุดแค่หนึ่งในสี่เท่านั้น...” ชายหนุ่มคนหนึ่งถอนหายใจ
“ส่วนข้า เดินทางไปได้ไม่ถึงหนึ่งในห้าก็ร่วงลงมาแล้ว...”
“ข้าเดินทางไปได้แค่หนึ่งในหก...”
พวกเขาทั้งสามดูท้อแท้
“เจ้าหนุ่ม อย่าใจร้อนไปเลย ยิ่งเดินทางไปไกลมากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งต้องสงบนิ่งมากขึ้นเท่านั้น อาจารย์ของพวกเจ้าไม่ได้สอนพวกเจ้างั้นเหรอ?” ลู่โจวขมวดคิ้ว
พวกเขาทั้งสามมองหน้ากัน “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ”
ลู่โจวไม่ได้สนใจพวกเขาทั้งสาม เขาแตะพื้นดินเบาๆ ก่อนจะบินขึ้นไปยังยอดเขาโส่วอิง
พวกเขาทั้งสามติดตามไป การได้ดูยอดฝีมือข้ามทางเชือกถือเป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้
ลู่โจวร่อนลงบนยอดเขาโส่วอิง
ชายหนุ่มทั้งสามบินตามมา
ผู้ฝึกยุทธหลายร้อยคนล้อมรอบก้อนหินขนาดใหญ่ ปลายทางของทางเชือกเชื่อมต่อกับก้อนหินขนาดใหญ่นั้น มันเชื่อมต่อกับยอดเขาอีกฝั่งหนึ่ง
ลู่โจวเห็นผู้ฝึกยุทธหลายสิบคนร่วงลงมาจากทางเชือก หลังจากที่ร่วงลงมาได้ระยะหนึ่ง พวกเขาก็รีบเปิดใช้งานพลังลมปราณ พวกเขากลัวมาก หลังของพวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาพักผ่อนอยู่ใกล้ๆ ก้อนหินก่อนจะพยายามข้ามทางเชือกอีกครั้ง
ผู้ฝึกยุทธรุ่นเยาว์มากมายทำแบบนี้ซ้ำๆ
“หลีกทางเร็ว! ยอดฝีมือจะข้ามทางเชือก!”
“ยอดฝีมือ?”
“มาๆ วางเดิมพันกันเร็ว! อยากจะเดิมพันเท่าไหร่?” ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะชินกับเรื่องแบบนี้ตะโกนออกมา
“ข้าเดิมพันหินวิญญาณอัคคีหนึ่งก้อน! เขาไม่มีทางข้ามไปได้ถึงหนึ่งในสามของทางเชือกแน่!”
“ข้าเดิมพันแก่นแท้ออบซิเดียนสิบชิ้น! เขาไม่มีทางข้ามไปได้ถึงหนึ่งในสามของทางเชือก!”
ฟิ้ว!
วัตถุสีแดงพุ่งมาจากระยะไกล มันร่อนลงตรงหน้าเจ้ามือ
ทุกคนตกใจเมื่อเห็นวัตถุสีแดง
“โสมเลือดงั้นเหรอ?!”
“ข้าเดิมพันโสมเลือดหนึ่งชิ้น! เขาจะต้องข้ามทางเชือกลอยฟ้าได้สำเร็จ!” เสียงสงบนิ่งของเจี๋ยจิ่นอันดังขึ้น
“...”
ทุกคนโหวกเหวกโวยวาย
‘นี่คือยอดฝีมือที่คิดจะข้ามทางเชือกงั้นเหรอ? ’ เจ้ามือมองดูลู่โจว
เจ้ามือกลืนน้ำลายลงคอ บอกตามตรง ถึงแม้เขาจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ชายตรงหน้าเขาจะประสบความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามเขากลับไม่กล้ารับเดิมพันโสมเลือด เดิมพันนั้นสูงเกินไป
“ผะ...ผู้อาวุโส...ข้า...ข้ารับเดิมพันของท่านไม่ได้หรอก...”
“ไม่เป็นไร หากเจ้าแพ้ ก็แสดงความยินดีกับเขาแทนข้า ตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้าสิบครั้ง ส่วนคำอวยพร ข้าจะปล่อยให้เจ้าเป็นคนคิดเอง หากข้าแพ้ โสมเลือดจะเป็นของเจ้า” เสียงของเจี๋ยจิ่นอันดังขึ้น
“???”
‘บนโลกใบนี้มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ? ’ เจ้ามือกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ผู้อาวุโส ท่าน...ท่านกำลังจะมอบโสมเลือดให้กับข้าฟรีๆ งั้นเหรอ?”
“มันจะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง? ตอนที่เขาข้ามทางเชือก พวกเจ้าทั้งหมดต้องอยู่ห่างๆ ห้ามส่งเสียงดังเชียว” เจี๋ยจิ่นอันยิ้ม
“ง่ายมาก!” เจ้ามือดีใจ
คนที่สามารถอยู่ในยอดเขาโส่วอิงได้นานๆ นั้นไม่ใช่คนอ่อนแอ การควบคุมกันและกันไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“หากข้าชนะ ข้าจะเก็บโสมเลือดไว้หนึ่งในห้า ส่วนที่เหลือจะถูกแบ่งให้กับผู้ฝึกยุทธที่มีพลังผังก่อเกิดห้าผังขึ้นไป” เจ้ามือกล่าว
“ตกลง!”
ไม่มีใครคัดค้าน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากเข้าร่วม?
คนที่อ่อนแอกว่าได้แต่ยืนมองด้วยความอิจฉา
“เจ้าช่างใจกว้างจริงๆ เจ้าแน่ใจแล้วเหรอว่าข้าจะทำสำเร็จ?” ลู่โจวมองดูยอดเขาโส่วอิงทางเหนือ
“ไม่หรอก ข้าไม่คิดว่าท่านจะจะทำสำเร็จในครั้งแรก แต่ข้าก็คาดหวังในตัวท่านมาก และข้าก็ไม่คิดว่าท่านจะทำสำเร็จในวันนี้” เจี๋ยจิ่นอันยิ้ม
“ไม่แน่หรอก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ” ลู่โจวกล่าวอย่างใจเย็น
“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับทางเชือกลอยฟ้าสินะ แม้แต่ท่านปรมาจารย์ฟ่านยังต้องใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะข้ามมันได้สำเร็จ เขาลองข้ามมันเดือนละครั้ง นั่นหมายความว่าเขาลองไป 24 ครั้ง ท่านปรมาจารย์ฉินใช้เวลา 13 เดือน นั่นหมายถึงเขาลองไป 13 ครั้ง ท่านปรมาจารย์ถัวป๋าใช้เวลาแปดเดือน ส่วนท่านปรมาจารย์เย่ลองไป 11 ครั้งในห้าเดือน” เจ้ามือกล่าว
‘มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? งั้นคำพูดที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้คงฟังดูโอหังไปสินะ? ’ ลู่โจวตกใจ
“แต่ยังไงซธ คนที่มีวาสนาที่ข้ารอคอยจะต้องทำสำเร็จภายในสามถึงห้าครั้งแน่” เจี๋ยจิ่นอันกล่าว
ทุกคนโหวกเหวกโวยวาย
“ขออภัยด้วย ผู้อาวุโส แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีใครสามารถข้ามทางเชือกได้สำเร็จด้วยจำนวนครั้งที่น้อยนิดแบบนั้น” ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งกล่าว
เจี๋ยจิ่นอันยิ้ม เขาไม่ได้พูดอะไร
ลู่โจวไม่ได้สนใจคนอื่นๆ เขาก้าวไปยังทางเชือก
ทันทีที่เท้าของเขาสัมผัสโซ่ตรวนที่หนา ความเย็นยะเยือกก็พุ่งเข้ามาหาเขา ความหนาวเย็นนั้นไม่ด้อยไปกว่าสระน้ำเย็นบนยอดเขาหิมะ
‘หนาวขนาดนี้เลยเหรอ? ’ ลู่โจวตกใจ ร่างกายไร้ที่ติจะทำให้ความยากเพิ่มขึ้นสิบเท่าจริงๆ งั้นเหรอ? ความหนาวเย็นในสระน้ำเย็นนั้นรุนแรงมาก มันคือสถานที่ที่เขาเคยเผชิญหน้ากับบททดสอบพลังผังก่อเกิด
ลู่โจวใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ต้านทานความหนาวเย็นก่อนจะก้าวไปข้างหน้า เขาพึ่งจะเดินไปได้สามก้าว ภาพรอบๆ ตัวเขาก็เปลี่ยนไป ผู้ฝึกยุทธทั้งหมดหายไป
“หืม?” ลู่โจวรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่บนถนนที่กว้างขวาง
“เขตแดนพลังมายา?” เขาก้าวเดินต่อไป สัญชาตญาณบอกเขาว่าทางเชือกลอยฟ้านั้นซับซ้อนกว่าเขตแดนพลังมายา บททดสอบพลังผังก่อเกิดครั้งแรกและครั้งที่สองนั้นทดสอบวังก่อเกิด ส่วนบททดสอบพลังผังก่อเกิดครั้งที่สามนั้นทดสอบจิตใจ
ลู่โจวยังคงเดินต่อไปอย่างไม่ลังเล
เปรี๊ยะ!
ภาพตรงหน้าแตกสลายราวกับเศษกระจก เขากลับไปยังทางเชือก ผู้ฝึกยุทธทั้งหมดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้อากาศหนาวเย็นมาก หิมะตกหนัก ลมพัดโหม
ลู่โจวยังคงเดินต่อไป ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ภูเขาทอง?” ลู่โจวพบว่าตอนนี้เขามาถึงเชิงภูเขาทอง
“ท่านอาจารย์ ท่านมีชีวิตอยู่มานานแล้ว! ถึงเวลาที่ท่านจะต้องไปได้แล้ว!” เงาหนึ่งบินมาจากระยะไกล มันโจมตีเขาด้วยกระบี่ขนาดใหญ่
ลู่โจวเงยหน้าขึ้นมอง เขาสังเกตเห็นศิษย์คนโตของเขายู่เฉิงไห่ เขารีบตวัดฝ่ามือออกไป
ปัง!
พลังฝ่ามือผลักยู่เฉิงไห่จนกระเด็นถอยหลัง
“ท่านอาจารย์?!” ยู่เฉิงไห่ตะโกนด้วยความประหลาดใจ
เลือดลมของลู่โจวปั่นป่วน พลังงานในจุดพลังลมปราณของเขาวุ่นวาย ‘พลังฝ่ามือถูกสะท้อนกลับ? ’
‘นี่มันภาพลวงตา มันคือบททดสอบ’ ลู่โจวเตือนตัวเองในใจ เขากลั้นหายใจ เขากำลังปกป้องจุดพลังลมปราณ
เพราะคัมภีร์เทวาโลก ทำให้เขาสามารถเพิกเฉยต่อสิ่งรบกวนได้อย่างง่ายดาย เขาร่ายมนตราพลังแห่งการมองและพลังแห่งการได้ยิน
สำหรับทุกชีวิตในจักรวาล ชีวิต ความตาย ความเมตตา ความชั่วร้าย กุศล และบาป สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เพื่อที่จะได้รับพลังแห่งการได้ยิน ทุกเสียงในทุกดินแดนสามารถถูกได้ยิน
พลังศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายในดวงตาและหูของลู่โจว
ลู่โจวมองไปรอบๆ ภูเขาทองยังคงอยู่ตรงหน้าตัวเขา
‘พลังของคัมภีร์เทวาโลกใช้ไม่ได้ผล?!’