Chapter 8 นี่มันหาเงินเร็วเกินไปแล้ว!
“ไม่รู้ว่าจะได้ค่าคอมมิชชั่นนี้มั้ย” ซูเฮาพึมพำกับตัวเอง แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจในผลลัพธ์ แต่ยังไงซะ มันก็ยังต้องได้รับการตรวจสอบและทดสอบจากอีกฝ่ายอยู่ดี
เขาเดาว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้
หลังจากที่ส่งงานไปแล้ว กระทู้เกี่ยวกับภารกิจนี้ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง เหล่าโปรแกรมเมอร์ระดับหัวกะทิของ Julong.com หลายคนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างออกรส
ส่งงานภายใน 2 ชั่วโมงเนี่ยนะ? ฝันไปเถอะ!
ด้วยเหตุนี้ การถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องการส่งมอบงานเดี่ยวชิ้นนี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ซูเฮาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว สิ่งที่เขาสนใจคือการเข้าสู่ชุมชนแฮกเกอร์ของ Julong.com
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเครือข่าย เขาสนใจเรื่องการโจมตีและป้องกันของเหล่าแฮกเกอร์เป็นอย่างมาก
ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ซูเฮาเคยใฝ่ฝันอยากเป็นแฮกเกอร์ผู้ลึกลับ เขาจึงเลือกเรียนต่อในสาขาวิศวกรรมเครือข่าย
และตอนนี้ เมื่อมี 'สมองอัจฉริยะ' แล้ว ซูเฮาก็ยิ่งกระหายใคร่รู้มากขึ้นไปอีก เขาตระหนักดีว่าความรู้คือทรัพย์สมบัติ
ซูเฮานั่งอ่านข้อมูลอย่างเพลิดเพลินจนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน หากไม่ติดว่าต้องไปทำงานในวันพรุ่งนี้ เขาคงนั่งอ่านต่อจนถึงเช้าแน่
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเฮาตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เขาแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกสดชื่นเต็มเปี่ยม ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากวิวัฒนาการก็เป็นได้
ซูเฮาลงไปที่ร้านขายอาหารเช้าแถวบ้าน สั่งปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้มาทานรองท้อง
“พี่ซู” ทันใดนั้น เสียงใสๆ ดังกังวานขึ้น ซูเฮาเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเป็นเหมิงฉีฉีเดินถือชามข้าวสวยเปล่ามาทางนี้
วันนี้เธอสวมเสื้อยืดสีชมพูกางเกงขาสั้นยีนส์ รวบผมหางม้า แม้เสื้อยืดจะตัวโคร่งแต่ก็ปกปิดความอึ๋มของเธอเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ สมกับเป็นสาวข้างบ้านที่โตเป็นสาวเต็มตัวซะที
“ฉีฉีมาซื้อมื้อเช้างั้นเหรอ” ซูเฮาเอ่ยถาม
“ค่ะ แม่ให้หนูมาซื้อก๋วยเตี๋ยว” เธอพูดพลางเขย่าชามข้าวในมือเบาๆ
“อ้อ จริงสิพี่ซู แม่หนูเป็นคนอย่างงั้นแหละค่ะ พี่อย่าถือสาคำพูดของแม่หนูเลยนะคะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ ว่าแต่ฉีฉีกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วสินะ” ซูเฮาถาม
“ใช่ค่ะ อีกแค่ครึ่งเดือนเอง” เธอตอบ
“ตั้งใจเรียนล่ะ ถ้าสอบติดมหาวิทยาลัย พี่จะเลี้ยงข้าวฉลองเลย”
“จริงนะคะ พี่พูดแล้วห้ามคืนคำนะ!” เธอพูดอย่างดีใจ
“พี่ต้องรีบไปทำงานแล้ว ไว้เจอกันนะ” ซูเฮาโบกมือลาแล้วเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
แม้ว่าวันนี้ซูเฮาจะตื่นเช้า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง รถไฟฟ้ากลับมาช้า เขามาถึงบริษัทและตอกบัตรเข้างานตอนแปดโมงครึ่งเป๊ะ ซึ่งก็ไม่ได้เช้าไปกว่าปกติแม้แต่น้อย
"ติ๊งหน่อง!"
ซูเฮานั่งประจำที่ทำงานได้ไม่ทันไร ก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาที่โทรศัพท์
"บัญชีของคุณเลขที่****1818 มียอดเงินเข้า 30,000.00 หยวน เวลา 8:31 น. วันที่ 21 พฤษภาคม ยอดคงเหลือในบัญชี 32,318.61 หยวน ข้อความจาก Julong.com ค่าคอมมิชชั่น"
หืม? เมื่อคืน งานที่ส่งให้ทาง Julong.com ได้รับการตรวจสอบแล้ว งั้นก็ได้ค่าคอมมิชชั่นแล้วสิ!!
ซูเฮารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก งานนี้สำเร็จ แถมยังได้รับค่าคอมมิชชั่นตั้ง 30,000 หยวน เทียบเท่ากับเงินเดือน 3 เดือน! นี่มันหาเงินง่ายเกินไปแล้ว!
“ซูเฮา! ยังจะมายิ้มหน้าระรื่นอีก! เมื่อวานทำไมไม่มาทำงานล่วงเวลา!”
ขณะที่ซูเฮากำลังอารมณ์ดี เสียงคำรามของใครบางคนก็ดังขึ้น
ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา แน่นอนว่าต้องเป็นสือต้าเผิงแน่ๆ
ในขณะเดียวกัน เพื่อนร่วมงานในแผนกพัฒนาโปรแกรมก็ต่างมองซูเฮาด้วยสายตาเห็นใจ พวกเขาพอจะเดาเหตุการณ์นี้ได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
และแล้ว สือต้าเผิงก็เดินถือแก้วน้ำชาตรงดิ่งเข้ามาหาซูเฮา
“เมื่อวานทุกคนในแผนกทำงานล่วงเวลาหมด แล้วนายหายหัวไปไหน!” เขาถามเสียงกร้าว
“ทำไมผมต้องทำงานล่วงเวลาด้วย” ซูเฮาตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ทำไมงั้นเหรอ? เด็กกะโหลกกะลาอย่างนายยังมีหน้ามาถามฉันอีก ฉันประกาศเลยว่าโบนัสเดือนนี้ของนายหายวับไปกับตาแล้ว! แถมโบนัสสิ้นปียังไม่ได้อีกด้วย!” สือต้าเผิงตะคอกกลับอย่างเดือดดาล
คราวนี้ซูเฮาของขึ้นทันที เมื่อวานสือต้าเผิงบอกเองว่า ใครทำงานเสร็จแล้วก็เลิกงานได้ เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำงานจนเสร็จ ถึงได้กลับบ้านไปก่อน
แต่สือต้าเผิงกลับไม่ฟังคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น แถมยังมาด่าว่าเขาเป็นเด็กกะโปโลกลา
ที่สำคัญคือหมอนี่กล้าดียังไงถึงกล้าหักโบนัสและโบนัสสิ้นปีของเขา นี่มันมากเกินไปแล้ว!
“นี่! แซ่สือ! นายเป็นใครถึงกล้ามามีอำนาจล้นฟ้าแบบนี้!” ซูเฮาลุกขึ้นยืนประจันหน้า
“หา?” ทันใดนั้น บรรยากาศในแผนกก็เงียบกริบ ทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
สือต้าเผิงเป็นถึงผู้จัดการฝ่าย แถมยังเป็นคนอารมณ์ร้าย ชอบดุด่าและดูถูกพนักงานเป็นประจำ พนักงานในแผนกต่างเกรงกลัวเขา ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากขัดใจ
แต่วันนี้ ซูเฮากลับลุกขึ้นมาต่อต้านเขาอย่างโจ่งแจ้ง ทำไมทุกคนถึงไม่ตกใจล่ะ?
แต่อีกมุมหนึ่ง นอกจากความตกใจแล้ว พวกเขากลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะสิ่งที่ซูเฮาทำ เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากทำมานานแล้ว
“ไงล่ะ ซูเฮา นายกล้าดีอย่างไรถึงขัดคำสั่งฉัน ห๊ะ! ยังอยากทำงานที่นี่อีกไหม บอกไว้เลยว่าฉันนี่แหละคือหัวหน้าแผนก เชื่อไหมว่าแค่ฉันสั่งไล่ออก นายก็ไม่ได้แม้แต่สตางค์แดงเดียว!” สือต้าเผิงพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“โถๆ ท่านผู้จัดการสือ นอกจากจะไม่รู้กฎหมายแรงงานแล้ว ยังไม่รู้เรื่องกฎระเบียบของบริษัทอีกเหรอ ผู้จัดการฝ่ายอย่างนายไม่มีสิทธิ์ไล่พนักงานออกสักหน่อย มีเพียงท่านประธานเท่านั้นที่มีอำนาจนั้น รู้ไว้ซะ นี่นายแอบอ้างตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายมาเหรอ” ซูเฮาพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
"ฮ่าๆๆๆ" เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมงานดังขึ้น
"แก!!!" สือต้าเผิงโกรธจนหน้าแดงก่ำ คำพูดของซูเฮาไม่ต่างอะไรจากการตอกหน้าเขาต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน
“ว่าไง ผู้จัดการสือ อึ้งไปเลยสิ! นายนี่มัน…” ซูเฮารู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นสีหน้าผิดหวังของสือต้าเผิง
ยังไงซะ ตอนนี้เขามีระบบวิวัฒนาการสุดล้ำแล้ว หาเงินทางไหนก็ได้ ไม่เห็นต้องง้องานนี้สักหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้น ประธานบริษัทตอนนี้ก็คือภรรยาของเขา
“ซูเฮา! นายมันบ้าไปแล้ว! เก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปเลย! ฉันไล่นายออก!” สือต้าเผิงตบโต๊ะเสียงดังลั่น
"ท่านผู้จัดการสุดที่รัก นายไม่รู้เรื่องกฎหมายแรงงานก็แย่แล้ว ดันไม่รู้เรื่องข้อบังคับของบริษัทอีก บริษัทเรากำหนดให้ผู้จัดการฝ่ายไม่มีอำนาจในการไล่พนักงานออก มีเพียงท่านประธานเท่านั้นที่มีอำนาจนี้ นายนี่มัน… น่าสมเพชสิ้นดี!" ซูเฮาตอกกลับอย่างเผ็ดร้อน ทำเอาเพื่อนร่วมงานฮือฮากันใหญ่
ด้วยความที่เสียงดังโวยวาย ฝ่ายอื่นๆ จึงพากันมาดูเหตุการณ์
"เอาล่ะ ฉันไม่มีสิทธิ์ไล่นายออกสินะ ได้! งั้นฉันจะไปตามคุณเสิ่นมาจัดการเอง! เตรียมตัวเก็บข้าวของกลับบ้านได้เลย!” สือต้าเผืองพูดด้วยความโมโห ก่อนจะควักโทรศัพท์มือถือออกมา
ในขณะเดียวกัน เพื่อนร่วมงานต่างมองซูเฮาด้วยสายตาเวทนา ถ้าหากเสิ่นยู่เฟยมาที่นี่ ผลลัพธ์ก็คงมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือซูเฮาจะถูกไล่ออก การขัดคำสั่งหัวหน้าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่สุด ยิ่งหัวหน้าอย่างสือต้าเผิงยังเป็นญาติกับผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัทยิ่งแล้วใหญ่
"พวกคุณยืนอออะไรกันตรงนี้!" เสียงตวาดดังขึ้น ทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยง
บุคคลที่เอ่ยขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเสิ่นยู่เฟย เธอกำลังยืนอยู่หน้าแผนกพัฒนาโปรแกรมด้วยสีหน้าเรียบเฉย