Chapter 51: แผนการ
ฉินหรานเชื่อว่ามีบางอย่างที่เขาเดาออก จอห์นเองก็คงเดาได้ จอห์นน่าจะรู้มากกว่าเขาด้วยซ้ำ อย่างไรเสียฉินหรานก็เพิ่งมาถึงที่นี่ และเป็นแค่นักสืบคนหนึ่ง แต่จอห์นเป็นคนพื้นถิ่น มีสถานะสูงกว่าและมีตำแหน่งที่สำคัญในหมู่ชาวเมือง
คนพื้นถิ่นเป็นคำที่ลอว์เลสบอกว่าผู้เล่นอื่น ๆ ใช้เป็นชื่อเล่นในการเรียกพวก NPC ในเกม เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเพราะความเหมือนจริงของตัวละคร ฉินหรานก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับชื่อเล่นนั้น แม้ว่าจะไม่ค่อยคุ้นเคยแต่เขาก็เชื่อว่าความเหมือนจริงนี่จะค่อย ๆ ทำให้เขาคุ้นเคยไปเอง
"ฉันควรจะทำยังไง?" จอห์นโยนคำถามกลับไปหาฉินหราน แต่ฉินหรานไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนั่น
จอห์นเคยข่มความเดือดดาลซ่อนไว้ในภาพลักษณ์โผงผางของเขา แต่เขาจะไม่ทำแบบนั้นอีกต่อไป แม้ว่าก่อนหน้านี้สารวัตรตำรวจจะปิดปากเงียบ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไป เขายังมีความยุติธรรมและจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
"ไอ้หนอนสกปรกพวกนั้น! ฉันจะสอนให้พวกมันรู้จักทำตามกฏหมาย!" จอห์นเค้นเสียงลอดไรฟัน
สำหรับคนอื่น คำพูดของจอห์นอาจจะดูน่าขำ แต่สำหรับฉินหราน นั่นนั่นไม่ใช่เรื่องตลก จอห์นจริงจังมาก ทั้งน้ำเสียงและท่าทาง
"ต้องการความช่วยเหลือไหม?" ฉินหรานเสนอความช่วยเหลือ
เขาถามออกไปโดยอัตโนมัติ ล้วนเป็นเพราะเขารู้ว่ามันหมายถึงภารกิจย่อยอื่น ๆ อาจจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในภารกิจย่อยด้วยแต่ว่าฉินหรานก็ตัดสินใจไม่สนใจปัญหาเล็กน้อยพวกนั้น
พอได้ยิน จอห์นก็เงยหน้าและมองเขาด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ เขามองมาฉินหรานนิ่งอยู่สองวินาทีก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา รอยยิ้มจริงใจปรากฏบนใบหน้ากระด้าง และมันยังดูชั่วร้ายมากด้วย
"ขอบใจนะ แต่มันยังไม่ถึงเวลา ฉันต้องออกไปโทรศัพท์สักหน่อย แค่นายกับฉันคงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้"
จอห์นลุกขึ้น ก่อนที่เขาจะออกไปจากห้อง เขาชะงักแล้วหันกลับมา เขามองฉินหรานก่อนจะพูด "ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ลืมคดีของอัลทิลลี่ฮันเตอร์หรอก ยังไงซะนายก็เป็นหนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเชียวนะ!" แล้วเขาก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมาอีก
ฉินหรานมองไปจุดที่จอห์นเคยยืนอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า เขาไม่คุ้นเคยกับการมีเพื่อนอยู่รอบตัวแบบนี้ อันที่จริง บอกว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการมีเพื่อนจะตรงกว่า สำหรับคนอย่างเขาที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดอยู่ตลอดเวลา เพื่อนคือเป็นสิ่งหรูหราที่เขาไม่สามารถมีได้ การรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ต้องใช้ทั้งเงินและเวลา สองอย่างที่ฉินหรานขาดแคลนเป็นอย่างมาก
"ดูเหมือนว่าภารกิจย่อยนี้จะเกินกว่าระดับความยากของดันเจี้ยนแรกไปซะแล้ว!" ฉินหรานคิดในใจ
เขาไม่มีหลักฐานยืนยัน เขาตั้งสมมติฐานบนระดับความสามารถของชูเบิร์ก
โดยปกติแล้ว ผู้เล่นในดันเจี้ยนแรกนี้ไม่มีกระทั่งโอกาสจะพลิกสถานการณ์ด้วยซ้ำ
ต่อให้สามารถระเบิดตึกนั่นได้แบบที่ฉินหรานทำ แต่ก็คงจะระเบิดตัวเองออกเป็นชิ้น ๆ ไปพร้อมกันด้วย
"เป็นภารกิจย่อยที่ยากอีกภารกิจหนึ่ง..."
ฉินหรานนั่งลงบนเก้าอี้ของสารวัตรตำรวจ ยกมุมปากขึ้นนิด ๆ เขาไม่กลัวความยากของภารกิจ เขากลัวว่าจะมีภารกิจไม่พอทำมากกว่า แน่นอนว่า เขาเคยคิดเรื่องนี้มาก่อนแต่ไม่ว่าทำอะไรก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ในเมื่อมีชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันเขามีทางเลือกอะไรที่ไหนล่ะ?
คำตอบก็ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว เขาไม่มีทางเลือก เป็นเหตุผลให้เขายินดีพนัน การต้องแบกรับความเสี่ยงขนาดนี้มันไม่ใช่วิถีของเขาเลยจริง ๆ
"เหมือนว่าฉันจะไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก" ฉินหรานพึมพำก่อนจะเหยียดตัว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้เขาถึงกับต้องกัดฟัน
ถ้าให้เขาเลือกระหว่างเก้าอี้กับเตียง เขาย่อมต้องเลือกอย่างหลังแน่นอน ถ้าใช้เวลาทั้งคืนบนเก้าอี้เขาคงจะปวดหลังน่าดูเลย
...
แสงสว่างยามเช้าขจัดความมืดยามค่ำคืนออกไป ชาวเมืองตามถนนเริ่มกิจวัตรประจำวัน เมืองมีชีวิตชีวาและโหวกเหวกขึ้นในพริบตา เด็กส่งหนังสือพิมพ์รุดเข้าหาคนเดินเท้าที่ผ่านไปมาทีละคน
"ฉบับพิเศษ! ฉบับพิเศษ! นักสืบฉินหรานผู้เก่งกาจไขคดีศพหญิงสาวได้แล้ว!"
"ฉบับพิเศษ! ฉบับพิเศษ! นักสืบผู้ยิ่งใหญ่จับกุมแก๊งนักเลงใต้ดินได้แล้ว!"
...
เสียงดังฟังชัดของเด็กขายหนังสือพิมพ์ได้ยินไปไกล ดึงดูดความสนใจของผู้คน หลังจากเหตุระเบิดเมื่อคืนนี้ คงมีแต่คนตายเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เหตุระเบิดฟังดูอันตรายเกินไปสำหรับชาวเมืองทั่วไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะย่างเท้าออกจากประตูเพื่อไปสังเกตการณ์ มีแต่ทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
คนทั่วไปที่ปกติไม่อ่านหนังสือพิมพ์ก็ยังยอมจ่ายเงินซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนมากมายยินดีซื้อหนังสือพิมพ เด็กขายหนังสือพิมพ์ทุกคนลูกค้ารุมล้อม ปกติแล้วต้องใช้เวลาเป็นครึ่งวันกว่าพวกเขาจะขายหนังสือพิมพ์หมด แต่วันนี้ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น พวกเด็ก ๆ ดีใจมาก และคนที่ซื้อก็พึงพอใจที่ได้สนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้ในที่สุด เจ้าของหัวหนังสือก็ได้พิมพ์หนังสือพิมพ์เพิ่ม ทุกคนล้วนพึงพอใจ เกือบทุกคนได้อ่านพาดหัวหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่เป็นครึ่งหน้ากระดาษ แล้วยังมีรูปของฉินหรานที่สวมหมวกนักสืบและคาบไปป์
ฉินหรานเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่พึงใจกับผลงานของตัวเอง
ตอนที่เขาลุกขึ้นจากเตียงนุ่มก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบของจำเป็น เขาก็ตรงไปที่ร้านอาหารไม่ไกลจากบ้านนัก แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ที่ชั้นสอง แต่ก็ไม่ได้มีมิสซิสฮัดสันที่ชั้นล่างคอยเตรียมอาหารเช้าให้เขาหรอกนะ
ตอนที่เขาเข้าไปในร้านอาหาร เขาก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ สายตาของทุกคนจ้องตรงมาที่เขา ทั้งด้วยความสงสัย สบประมาท และอิจฉา เขานั่งลง สั่งอาหาร และเริ่มกิน ตลอดเวลานั้นเขารู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางดงดาบนับร้อยเล่ม
สถานการณ์เลวร้ายลงอีกเมื่อมีคนคอยแอบมองเขามากขึ้น การพูดคุยกันของคนเหล่านั้นทำให้ฉินหรานรู้ในที่สุดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขาเห็นผู้หญิงสองคนเดินตรงมาที่หาด้วยสายตาคลั่งไคล้เขาก็ห่ออาหารเช้าแล้วรีบออกจากร้านอาหารทันที การสลัดผู้หญิงพวกนั้นทิ้งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉินหรานตราบเท่าที่จำนวนคนไม่เพิ่ม แต่ถ้าเป็นสิบยี่สิบคน ีสกิล [อำพราง] ระดับผู้มีฝีมือของเขาก็คงไม่ทำให้เขาหลบพ้นได้อย่างปลอดภัยแน่ ๆ
ในที่สุด ฉินหรานก็ไม่มีทางเลือกนอกจากตรงไปที่โรงเรียนเซนต์เปาโลเพื่อหนีจากพวกเธอ แต่โรงเรียนก็เป็นจุดหมายปลายทางของเขาแต่แรกแล้ว ฉินหรานขอความช่วยเหลือจากตำรวจนอกเครื่องแบบและกองกำลังรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนในการขับไล่ผู้หญิงคลั่งไคล้คนดังเหล่านั้น
"พวกเรียกร้องความสนใจ!" รี้ดแสดงความดูถูกต่อพฤติกรรมของฉินหรานอย่างเปิดเผย แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามฉินหรานเข้าไปในโรงเรียน เหมือนว่าเขาจะได้รับคำสั่งให้อนุญาตให้ฉินหรานเข้าไปได้ แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความคิดของรี้ดต่อฉินหรานแต่อย่างไร
ฉินหรานไม่ได้สนใจ มันเป็นราคาเล็กน้อยที่จ่ายเพื่อความสงบสุข
"ตอนนี้ซิสเตอร์โมนี่กำลังสวดภาวนาอยู่ และเธอก็จะยุ่งกับงานโรงเรียนต่อ เธอจะมีเวลาให้คุณตอนบ่าย" รี้ดบอกฉินหราน
"งั้นผมไปพบเซอร์กุนเธอร์สันแทนได้ไหม?" ฉินหรานถาม
หัวหน้ารี้ดไม่ได้ตอบ เขาเพียงแค่นำฉินหรานไปที่บ้านของกุนเธอร์สันแล้วทิ้งเขาไว้ที่นั่น
"ฉันจะจับตามองแกไว้!" รี้ดเตือนฉินหรานก่อนที่จะเดินจากไป
ฉินหรานทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มตอบอย่างอึดอัด พอรี้ดไปแล้วกุนเธอร์สันก็ออกมาจากบ้านไม้ เขาสวมชุดผ้าแบบเดียวกับเมื่อวันก่อน แขนและเท้าเปล่าเปลือย
"อรุณสวัสดิ์ครับ" ฉินหรานทักทายกุนเธอร์สัน
"ได้เงื่อนงำอะไรบ้างหรือยัง?" กุนเธอร์สันถามเสียงดังฟังชัด
"ยังครับ ผมวางแผนจะทำการสืบ แต่ผมติดอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายเสียก่อน ผมเลยหลบเข้ามาที่นี่!" ฉินหรานส่ายหน้าพลางหัวเราะแหะ เขาอายเมื่อต้องบอกกุนเธอร์สันว่ามาถึงโรงเรียนได้อย่างไร
กุนเธอร์สันหัวเราะเสียงดัง "ลูกผู้ชายไม่ควรหลบเลี่ยงสถานการณ์แบบนั้น แต่ต้องโอบกอดมันไว้แทน! นั่นเป็นรางวัลแบบหนึ่ง!" กุนเธอร์สันพูด
"คุณไม่คิดว่าคำพูดพวกนั้นมันฟังแปลก ๆ เมื่อออกมาจากปากของอัศวินเหรอครับ?" ฉินหรานถาม
"เธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้มาเป็นอัศวินเพื่อที่จะเป็นที่นิยม?" คำตอบของกุนเธอร์สันทำเอาฉินหรานหมดคำพูด
"ผมคิดว่าเราควรคุยเรื่องการสืบสวนแทน นั่นเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำตอนนี้?" ฉินหรานเปลี่ยนเรื่องกลับมา
"ฉันรอฟังอยู่" กุนเธอร์สันเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังขึ้น
"ตอนที่ผมกลับจากโรงเรียนไปเมื่อวานนี้ ผมถูกตาม ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นหนึ่งในพวกคนร้ายพวกนั้น พวกมันคงจับตามองเซนต์เปาโลอย่างใกล้ชิด พวกมันตามดูทุกคนที่เข้าออกจากโรงเรียน" ฉินหรานอธิบายสถานการณ์โดยย่อ
"เธอควรจะเปิดโปงตัวตนของไอ้พวกนั้น! ด้วยความสามารถของเธอ นั่นไม่น่าเป็นเรื่องยาก!" กุนเธอร์สันแสดงความเสียดายที่พลาดโอกาสไป
"ผมก็คิดอย่างนั้น จนกระทั่งถูกขัดจังหวะ..." ฉินหรานเล่าให้เขาฟังเรื่องการลอบสังหารที่บนถนนในวันก่อนด้วยน้ำเสียงละอาย เรื่องราวทำให้อัศวินคนสุดท้ายของศาสนจักรแห่งอรุณรุ่งตื่นเต้น
"เธอนี่โชคร้ายมากเลยหนุ่มน้อย! ถ้าเธอเติบโตขึ้นมาในยุคของฉัน เธอจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังมาก!" เขาพูด
"โอ้ ด้วยฉายา "หนุ่มสุดซวย" แบบนั้นเหรอครับ?" ฉินหรานพูดพลางเบ้ปาก
กุนเธอร์สันหัวเราะ "ใช่ ใช่! เธอพูดถูก! มันจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเธอเป็นนักสืบที่ 'เก่งกาจ' ยังไง เจ้าเด็กแสบเอ๊ย!" กุนเธอร์สันหัวเราะอีกรอบ เขาดูสนุกมากถึงกับตบเข่าฉาด หัวเราะขำโชคร้ายของฉินหราน
"ผมคิดว่าการหัวเราะเยาะก็เป็นสิ่งที่อัศวินไม่ควรทำนะครับ" ฉินหรานเตือนเขา
"นั่นมันสำหรับอัศวินที่ยังเป็นที่จดจำของผู้คน! ตอนนี้ฉันเป็นแค่ยามกะดึกของโรงเรียนเซนต์เปาโล!" กุนเธอร์สันดูไม่ได้ตั้งใจที่จะเก็บงำเสียงหัวเราะของตัวเองไว้ ตรงกันข้าม เขาหัวเราะเสียงดังขึ้นอีก
นั่นทำให้ฉินหรานตระหนักได้ในที่สุดว่าเขาเป็นคนอย่างไร ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจว่ามันเป็นความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเลย ฉินหรานแน่ใจว่าใครก็ตามที่สนับสนุนให้กุนเธอร์สันมาเป็นอัศวินผู้พิทักษ์นั้นต้องตาบอดแน่ ๆ
"ผมคิดจริง ๆ นะครับว่าเราควรจะกลับไปคุยเรื่องเดิม เรื่องการสืบสวนน่ะครับ!" ฉินหรานเตือนกุนเธอร์สันอีกครั้ง
เมื่อเป็นเรื่องจริงจัง กุนเธอร์สันก็สามารถรักษากริยาไว้ได้ เขาหยุดพูดเล่นและเก็บเสียงหัวเราะไว้ "ว่าไปสิ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ผมกำลังวางแผนล่อพวกมันออกมา" ฉินหรานอธิบายแผนการ
กุนเธอร์สันขมวดคิ้ว "แต่แผนของเธอดูยุ่งยาก เธอทำไม่ไหวหรอก"
"ตรงกันข้ามเลยครับ ที่จริงแล้ว ตอนนี้แผนการของผมง่ายขึ้นมากเพราะว่าพวกมันน่าจะได้อ่านพาดหัวข่าววันนี้เรียบร้อยแล้ว!" ฉินหรานอดยิ้มออกมาไม่ได้