30 - พาองค์ชายหาเงิน
30 - พาองค์ชายหาเงิน
ความสนใจของหลี่เย่วไม่อยู่ที่เรื่องการหาเงินเลย
“หรูอวี้ถูกกักบริเวณแล้วหรือ?”
เขาร้อนใจอย่างมาก “เจ้าโง่ เจ้าช่วยข้าหน่อยได้ไหม?”
ฉินโม่รีบตอบ “เจ้าคิดให้ข้าไปช่วยน้องสาวตระกูลหลิวหรือ? เลิกคิดไปเลย ถ้าเจ้าฟังข้าตั้งแต่แรก บางทีอาจจะยังมีโอกาส ตอนนี้ความหวังจบสิ้นแล้ว!”
หลี่เย่วเดินไปมาด้วยความกังวล “จะทำอย่างไรดี ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยได้?”
ฉินโม่เห็นแล้วก็แอบส่ายหน้า เจ้าโง่นี้ยังไม่เข้าใจ หากเขาไม่ยอมเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับตัวเอง ต่อให้หลี่ซื่อหลงจะเห็นคุณค่าในตัวเขามากขึ้น แต่สุดท้ายการแต่งงานก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
“พอเถอะ อย่าเดินไปเดินมา ข้าเวียนหัวแล้ว”
ฉินโม่บีบหัวตัวเอง “เจ้าไร้ประโยชน์จริงๆ ตอนนี้เจ้ามีดีตรงไหน? ตัวเจ้าเทียบกับกงซุนชงได้หรือ แล้วเหตุใดตระกูลหลิวจะต้องละทิ้งผู้สืบทอดตำแหน่งจ้าวกว๋อกงมาเลือกเจ้าแทน?”
หลี่เย่วหยุดเดิน วางมือทั้งสองข้างลงบนบ่าของฉินโม่ “เจ้าโง่ เจ้าบอกว่ามีวิธีใช่ไหม บอกข้าเถอะว่ามันคืออะไร?”
“ก็หาเงินน่ะสิ!”
ฉินโม่ตอบด้วยความจริงจัง “มีเงินก็ทำอะไรก็ได้ ตอนนี้ราชสำนักขาดเงินใช่ไหม เราก็หาทางแก้ปัญหานี้ ถ้าเจ้าทำได้สำเร็จ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรบิดาของเจ้าก็ต้องทำตามทั้งสิ้น”
หลี่เย่วหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความขมขื่น “เงินมันจะหาได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ อีกทั้งราชสำนักต้องการเงินเป็นแสนตำลึง ข้าจะเอาอะไรไปหาเงิน?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นองค์ชาย ถ้าออกไปหาเงิน มันจะไม่เสียหน้าราชวงศ์หรือ?”
“เสียหน้าอะไรกัน เจ้าจะยึดติดกับศักดิ์ศรีไปทำไม ราชสำนักก็ไม่มีเงิน ท่านพ่อตาข้าก็ต้องรัดเข็มขัดไว้เหมือนกัน ศัตรูมาตีถึงหน้าประตูแล้วยังต้องอดกลั้นเอาไว้ เขายังเป็นจักรพรรดิอยู่ได้ แล้วเจ้าเป็นแค่องค์ชายแปดจะสำคัญอะไรนัก?”
“เจ้าพูดถูก ข้าไม่มีอะไรแล้ว จะเลวร้ายไปกว่านี้ได้แค่ไหน?”
หลี่เย่วตื่นตัวขึ้นมาแล้ว คิดได้ว่าถ้าไม่พยายามอีกสักครั้ง ก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จ
“แต่เจ้าโง่ ธุรกิจหม้อไฟจะทำเงินได้มากจริงๆ หรือ?”
“เฮ้อ เจ้าไม่รู้อะไรเลย!”
ฉินโม่กล่าว “อาหารเป็นสิ่งสำคัญของผู้คน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับปากท้องมันทำเงินได้ แต่ข้าบอกไว้ก่อน ข้าจะเอาส่วนแบ่งมากหน่อย ให้เจ้าได้แค่สามส่วนเท่านั้น และเจ้าต้องลงทุนด้วย”
สามส่วน?
หลี่เย่วพยักหน้า “แต่ข้าไม่สามารถออกหน้าได้ เจ้าโง่ ข้ายังมีเงินอยู่พันตำลึงพอไหม?”
โอ้โห เจ้าคนรวย!
ฉินโม่เพิ่งจะเจ็บตัวและพยายามสุดๆ กว่าจะได้มาห้าร้อยตำลึง
แต่หลี่เยว่กลับบอกว่ามีพันตำลึง
“แค่พันตำลึง?”
ฉินโม่มองหลี่เย่วด้วยสายตาดูถูกจนทำให้หลี่เย่วหน้าแดง “เงินเดือนข้าได้แค่แปดสิบตำลึงต่อเดือน นี่คือเงินที่ข้าประหยัดมาทั้งชีวิต”
“ก็ได้ ข้าสงสารเจ้าเพราะเจ้าจนมาก พันตำลึงก็พันตำลึง”
“เจ้าโง่…”
หลี่เย่วไม่สงสัยอะไร เขาจับบ่าฉินโม่แน่นด้วยความซาบซึ้ง ดวงตาแดงก่ำ “เจ้าคือพี่น้องที่ข้ารักที่สุดในชีวิตนี้”
พูดจบ เขาวิ่งเข้าไปในห้อง นำเงินที่เก็บสะสมไว้หลายปีออกมา
ฉินโม่มองเห็นเงินสีขาวพราวตา ใจเขาก็เต็มไปด้วยความยินดี
แต่ใบหน้ากลับแสดงความรังเกียจเล็กน้อย พลางกอดหีบไว้ “ตกลง เจ้าไปหาหมอหลวงดูแผลเถอะ ข้าจะไปแล้ว!”
เมื่อออกจากวัง ฉินโม่หัวเราะด้วยความสะใจ ตอนนี้เขามีเงินกว่าพันตำลึง เขาก็สามารถทำอะไรได้มากขึ้นแล้ว
วันถัดมา ฉินโม่ตื่นแต่เช้า แล้วพาผู้ติดตามออกจากจวนฉินกว๋อกง
ฉินเซียงหรู ผู้เป็นบิดาถือแส้เดินเข้ามาที่ห้องของฉินโม่ เมื่อพบเจอว่าบุตรชายไม่อยู่ในห้องเขาตกใจอย่างรุนแรง “เจ้าโง่ไปไหนแล้ว?”
“นายท่าน คุณชายออกไปที่กว๋อจื่อเจี้ยนตั้งแต่เช้ามืดแล้ว” พ่อบ้านชราเก่า
“อะไรนะ เขาออกไปเอง?”
“คุณชายบอกว่าคราวก่อนทำเรื่องแย่ๆ ที่กว๋อจื่อเจี้ยนไว้ เขาจึงอยากไปแต่เช้าเพื่อขอโทษอาจารย์ พร้อมกับตั้งใจว่าจะตั้งใจเล่าเรียนและไม่ก่อปัญหาอีกแล้ว”
“ในที่สุดเจ้าโง่บ้านข้าก็รู้จักเติบโตแล้ว!”
ฉินเซียงหรูยิ้มอย่างพอใจ เมื่อนึกถึงเมื่อวานที่ฉินโม่ตั้งใจเข้าไปในวังแล้วทำอาหารให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทถึงกับเอ่ยปากชม เขาที่เป็นบิดารู้สึกอุ่นใจอย่างยิ่ง
“พ่อบ้าน เพิ่มเงินเดือนของเจ้าโง่เป็นสองเท่าในเดือนนี้!”
“นายท่าน แบบนี้จะไม่ทำให้คุณชายรู้หรือว่าเราตระกูลฉินของเรายังร่ำรวยอยู่?”
…
ขณะเดียวกัน บนถนน
ฉินโม่ดูบ้านหลายหลังติดต่อกัน แต่ก็ไม่ถูกใจเลยสักหลัง
ในหัวของเขานึกภาพบ้านที่มีศาลากลางน้ำและสวนภูเขา แต่ไม่มีสถานที่แบบนั้นเลย
“นี่เจ้าพาข้ามาดูที่ไหน ทำไมมีแต่บ้านอะไรก็ไม่รู้!”
นายหน้าที่พาฉินโม่มาดูบ้านยิ้มแหยๆ เพราะคุณชายคนนี้ไม่เพียงแต่ต้องการค่าเช่าที่ถูก แต่ยังต้องการบ้านใหญ่แบบที่มีทั้งลานหน้าหลังหลายชั้น
บ้านแบบนี้หากไม่ใช่ขุนนางใหญ่ก็ต้องเป็นคหบดี มีหรือที่พวกเขาจะขาดแคลนเงินเพียงเดือนละพันตำลึง?
“ข้ามีอีกที่หนึ่ง คุณชายฉินจะไปดูหรือไม่?”
“ไม่ไป ข้าบอกแล้ว ข้าต้องการบ้านที่มีลานหน้าหลังกว้างๆ และมีศาลากลางน้ำ หรือไม่ก็ภูเขาจำลองอะไรแบบนั้น หากเจ้าไม่มี ข้าจะไปหาเจ้าอื่น!”
นายหน้าเห็นฉินโม่กำลังจะเดินจากไป ก็รีบกล่าวอย่างร้อนรน “คุณชายฉิน รอก่อน ข้ามีบ้านที่มีลานหน้าหลังใหญ่ แต่ค่าเช่าอาจจะต้องสามพันตำลึง!”
“อยู่ที่ไหน?”
“ทางใต้ของเมือง บนถนนฟู่หม่า(ราชบุตรเขย)!”
“พาข้าไปดู!”
ฉินโม่หยุดเท้า สามพันตำลึงไม่แพงนัก อย่างมากก็เช่าไม่กี่เดือน พอหาเงินได้ก็ค่อยว่ากัน!
“เชิญท่านตามข้ามา!”
นายหน้าพาฉินโม่ไปที่ถนนฟู่หม่า เดิมทีถนนนี้ไม่ได้ชื่อว่าฟู่หม่า แต่เพราะมีคุณนางผู้หนึ่งที่ได้สมรสกับธิดาของฮ่องเต้ ถนนทั้งสายจึงเปลี่ยนชื่อเป็นถนนราชบุตรเขย
…………