ตอนที่แล้ว28 - เทียนข่าน(จักรพรรดิสวรรค์)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป30 - พาองค์ชายหาเงิน

29 - บุตรไม่ดีเป็นความผิดของบิดา


29 - บุตรไม่ดีเป็นความผิดของบิดา

ใบหน้าของหลี่ซื่อหลงดำมืดยิ่งกว่าก้นหม้อ "ฉินโม่ หยุดเดี๋ยวนี้!"

"ข้าไม่หยุด!"

ฉินโม่เงยหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น พร้อมกับยืนปกป้องหลี่เย่วอยู่ด้านหลังราวกับแม่ไก่ปกป้องลูกน้อย

"ท่านพ่อตา ข้าผิดหวังในตัวท่านเหลือเกิน ท่านไม่ปกป้องบุตรของท่านยังพอว่า แต่ยังทำร้ายเขาอีก ถึงแม้ว่าข้าฉินโม่จะไม่มีความรู้มากนัก แต่ข้าก็รู้ประโยคหนึ่งว่า 'บุตรไม่ดี เป็นความผิดของบิดา' ทำไมพวกท่านไม่เคยคิดแก้ไขปัญหาจากตัวเอง แต่กลับคิดเพียงแต่จะใช้อำนาจบาตรใหญ่กับผู้อื่น?"

หลี่ซื่อหลงถูกฉินโม่ด่าว่าจนพูดไม่ออก

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า 'บุตรไม่ดี เป็นความผิดของบิดา' ทำให้เขาร่างกายสั่นสะท้าน

หลี่เย่วก็มองฉินโม่ด้วยความตกตะลึง ความอบอุ่นในใจเริ่มผุดขึ้นมา

แม้ทุกคนจะดูถูกเขา ไม่เห็นคุณค่าในตัวเขา แต่ฉินโม่กลับไม่รังเกียจเขา ไม่ทอดทิ้งเขา

คำว่า "น้องชาย" ที่ฉินโม่พูดออกมานั้น ทำให้หลี่เย่วน้ำตาคลอ

"เจ้าโง่!"

หลี่เย่วพูดด้วยเสียงที่สะอื้น "ขอบคุณ!"

"ขอบคุณอะไรกัน เจ้าขยะ เจ้าไม่ฟังข้าตั้งแต่แรก แล้วเป็นอย่างไรทีนี้!"

หลี่เย่วทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าหลี่ซื่อหลง "ฝ่าบาท คำพูดของฉินโม่เป็นเพียงคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจ โปรดอภัยโทษให้เขาด้วย!"

"ข้าผิดอะไร ทุกวันก็มีแต่เรื่องผิดๆ ลุกขึ้นมา หัวเข่าของบุรุษเปรียบเสมือนทองคำ แล้วเข่าของเจ้าเป็นดินโคลนหรือถึงไม่มีค่าเช่นนี้?"

หลี่เย่วสั่นสะท้านไปทั้งร่าง

ภายในใจของเขาเกิดความรู้สึกตื่นตัวอย่างแรงกล้า

ใช่แล้ว เขาทำผิดอะไรนักหนา?

ทำไมเขาต้องคุกเข่า?

เขาเงยหน้าขึ้นและยืนตัวตรง แววตาที่เคยดับมอดกลับมีประกายขึ้นมาอีกครั้ง

หลี่ซื่อหลงมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่ยืดตัวขึ้น เขาถอนหายใจและกล่าวว่า "เจ้าโง่ ออกไปก่อน ข้าจะคุยกับเขาตามลำพัง"

"ท่านจะตีเขาอีกใช่ไหม?"

ฉินโม่ถามด้วยสายตาระแวง

"เจ้าพูดถูก บุตรไม่ดี เป็นความผิดของบิดา ข้าไม่ได้สอนเขาให้ดี ข้าผิดเอง ข้าสัญญากับเจ้า ข้าจะไม่ตีเขา!"

ภายในตำหนักอันหนาน ทุกคนต่างเผยสีหน้าตกใจ

ฝ่าบาทยอมรับความผิดของตัวเอง!

"เจ้าโง่ เจ้ารอข้างนอกก่อน!"

หลี่เย่วเข้าใจแล้วว่าการหนีปัญหาและความกลัวไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไร

"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ หากท่านพ่อตาตีเจ้า ก็ร้องเรียกข้าสักคำ ข้าจะเข้ามาช่วยเจ้า และข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ยอมรับเขาเป็นพ่อตาอีก!" ฉินโม่กล่าว ก่อนจะเดินออกจากตำหนักไปทีละก้าวพร้อมกับหันกลับมามองทุกสามก้าว

เกาซื่อเหลียนโบกมือเรียกให้คนในตำหนักอันหนานทั้งหมดออกไป

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ประตูตำหนักถูกปิดแน่น หลี่ซื่อหลงมองหลี่เย่วอย่างถี่ถ้วน

บุตรคนนี้ไม่ได้หล่อเหลาเหมือนตัวเขา พรสวรรค์ทางด้านกวีก็ติดลบ เหตุผลที่เขาไม่ชอบหลี่เย่วก็เพราะหลี่เย่วเหมือนใครบางคน

นั่นทำให้เขาเลือกที่จะมองข้ามหลี่เย่วโดยไม่รู้ตัว ถ้าฉินโม่ไม่เข้ามาในวังวันนี้ เขาก็คงไม่รู้เลยว่าหลี่เย่วมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมากแค่ไหน

หลี่เย่วไม่เคยมีโอกาสอยู่กับหลี่ซื่อหลงเพียงลำพังมาก่อนจึงรู้สึกประหม่าอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อสายตาอันคมกริบจ้องมองมาทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งเปล่ากับมีภูเขาขนาดใหญ่กดทับไว้

เขากำหมัดแน่นและกัดฟัน มองสบสายตาบิดาโดยไม่หลบสายตาหรือก้มศีรษะ

"เจ้ารู้สึกโกรธแค้นข้าหรือไม่?"

"ไม่!" หลี่เย่วตอบโดยไม่รู้ตัว

"แม้ข้าจะให้บุตรีตระกูลหลิวแต่งงานกับชงเอ๋อ เจ้าก็ไม่โกรธหรือ?"

"ไม่โกรธ ข้าแค่เสียใจและเสียใจที่ไม่ได้พูดออกไปเร็วกว่านี้!"

หลี่เย่วไม่โง่ หากเขาพูดว่าโกรธ ก็จะยิ่งทำให้ฮ่องเต้ระวังตัวมากขึ้น

หลี่ซื่อหลงลอบถอนหายใจ

"เรื่องนี้ ชาวเมืองหลวงต่างรู้กันหมดแล้ว ข้าไม่มีทางเลือก!"

หลี่ซื่อหลงพยายามจะยื่นมือไปสัมผัสศีรษะของหลี่เย่ว แต่หลี่เย่วหันศีรษะหลบโดยสัญชาตญาณ ทำให้หลี่ซื่อหลงรู้สึกกระดากใจ

"เจ็บไหม?"

"ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว!"

"เป็นเพราะข้าโกรธมากเกินไป!"

หลี่ซื่อหลงถอนหายใจ "เอาอย่างนี้เถอะ นอกจากบุตรีตระกูลหลิวแล้ว หากเจ้าอยากแต่งงานกับใครก็บอกมาได้ ในฐานะบิดาข้าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่"

หลี่เย่วเริ่มน้ำตาคลอแต่ไม่ได้พูดอะไร

บรรยากาศเริ่มอึดอัดเล็กน้อย

หลี่ซื่อหลงเองก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

เขาเป็นจักรพรรดิ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มากดดันเขา

แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของฉินโม่ เขาก็รู้สึกลังเล

จากนั้นเขาก็อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ ที่เขามาใส่ใจกับความรู้สึกของเจ้าโง่

"เรื่องของพวกฮั่นและพวกซงหนู เจ้าทำไมไม่บอกข้า แต่กลับให้ฉินโม่เป็นคนพูดแทน?"

หลี่เย่วขมวดคิ้ว ฉินโม่บอกอะไรกับฮ่องเต้ไปบ้าง?

"กลยุทธ์การใช้สงครามเลี้ยงสงครามนั้นดีมาก การเปิดชายแดนค้าขายเป็นการแบ่งแยกและดึงดูดความสนใจยิ่งเป็นแผนการอันยั่งยืน เจ้าคิดได้ขนาดนี้เหตุใดจึงไม่พูดออกมาตั้งแต่แรก หรือข้าไม่ใช่บิดาของเจ้า?" หลี่ซื่อหลงถอนหายใจอีกครั้ง

"ไม่ต้องกลัว ตั้งแต่นี้ไป หากเจ้ามีความคิดอะไรก็บอกข้าตรงๆ!"

หลี่ซื่อหลงไม่เคยพูดกับบุตรทุกคนของเขาเช่นนี้มาก่อน แม้กระทั่งรัชทายาทก็ยังไม่เคยได้รับความอบอุ่นแบบนี้ สุดท้ายเขาก็ตบไหล่ของหลี่เย่วได้กล่าวว่า "ข้าไม่กักบริเวณเจ้าแล้ว แต่จงจำไว้อย่าไปยุ่งกับบุตรีตระกูลหลิวอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมอภัยให้เจ้า!"

พูดจบ หลี่ซื่อหลงก็เดินออกจากตำหนักอันหนานไปทันที

หลี่เย่วยืนนิ่งอยู่ที่นั่น

ที่พระบิดาพูดมามีความหมายว่าอย่างไร?

ทำไมถึงยกเลิกการกักบริเวณทันที?

เขาหันมองไปข้างนอกซึ่งตอนนี้ฉินโม่วิ่งเข้ามาแล้ว "เป็นไง ท่านพ่อตาแล้วหรือ?"

หลี่เย่วส่ายหน้าแล้วมองฉินโม่ที่ยืนยิ้มเงอะงะอยู่ "เจ้าโง่ เจ้าทำอย่างไรพระบิดาจึงแวะมาที่นี่ได้?"

"เจ้าติดหนี้บุญคุณข้าแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าข้าไม่หลอกล่อและขอร้องบิดาของเจ้ามีหรือจะเหยียบมาที่นี่ได้?"

ฉินโม่หัวเราะเยาะ "โอ้ แล้วก็น้องสาวตระกูลหลิว ตอนนี้นางโดนมารดาของนางกักบริเวณอยู่ นางส่งคนมาบอกกับข้าเมื่อไม่นานมานี้” จากนั้นฉินโม่ก็ก้มตัวลงและกระซิบเบาๆ

“เจ้าคนขี้เกียจ ข้าจะบอกให้นะ ในโลกนี้เงินคืออำนาจ ทุกคนล้วนต้องการเงิน หากบิดาของเจ้าไม่มีเงินจะมีใครยอมรับใช้เขา ดังนั้นถ้าเจ้าใช้เงินฟาดหน้าบิดาของเจ้ามีหรือที่เขาจะกล้าหักหาญน้ำใจเจ้าเช่นนี้!”

…………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด