27 - พ่อที่งี่เง่าที่สุดในใต้หล้า
27 - พ่อที่งี่เง่าที่สุดในใต้หล้า
หลี่ซื่อหลงทำท่าไม่ยี่หระแล้วถามว่า "อาหารพวกนี้เรียกว่าอะไร?"
"นี่เรียกว่า เนื้อผัดพริก นี่คือปลาต้มเผ็ดเปรี้ยว นี่คือ ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน เต้าหู้ต้นหอม และสุดท้ายผัดผักใบเขียว!"
ฉินโม่เองก็ยังไม่ได้กิน เขาจึงรีบวิ่งไปตักข้าวใส่ชามของตน จากนั้นก็หันไปมองเกาซื่อเหลียนที่ยืนงงอยู่ข้างๆ "เจ้าก็ไปตักข้าวมากินด้วยกันสิ!"
เกาซื่อเหลียนสะดุ้ง "ข้าน้อยไม่หิว ขอบพระคุณมาก คุณชายฉิน!"
"อย่ามาทำเป็นแอ๊ก เจ้าน้ำลายแทบหยดใส่อาหารแล้ว รีบไปตักข้าวเถอะ เมื่อกี้เจ้าก็ช่วยเตรียมอาหาร อาหารพวกนี้ก็มีส่วนของเจ้า!"
เกาซื่อเหลียนไม่กล้าทานอาหารร่วมกับหลี่ซื่อหลง แต่เมื่อคิดจะปฏิเสธ หลี่ซื่อหลงก็พูดขึ้นว่า "ฟังที่เจ้าคนบื้อพูด ตักข้าวมากินด้วยกันเถอะ ลองชิมรสชาติอาหารหน่อยก็ดี!"
เกาซื่อเหลียนมองฉินโม่ด้วยความซาบซึ้งใจ จากนั้นหันไปกล่าวกับหลี่ซื่อหลงว่า "ขอบพระคุณฝ่าบาท!"
เขาไม่กล้าตักเยอะ และก็ไม่กล้าตักเนื้อ จึงเลือกเพียงเศษอาหารเล็กๆ พร้อมกับทานข้าวคำใหญ่
ฉินโม่เห็นเช่นนั้นจึงคีบอาหารใส่ในชามของเขาเต็มไปหมด "ให้เจ้ากินก็กินไปเถอะ จะกลัวอะไร!"
"ขอบพระคุณ คุณชายฉิน!"
แม้ฉินโม่จะเรียกเขาว่า "เหล่าเกา" แทนที่จะเป็น "เกากงกง" ซึ่งถือว่าไม่ให้เกียรตินัก แต่ในใจเกาซื่อเหลียนกลับรู้สึกยินดีไม่น้อย
การเรียก "เหล่าเกา" ฟังดูเหมือนการเรียกเพื่อนสนิท อีกทั้งท่าทางการคีบอาหารใส่ชามก็เหมือนที่เพื่อนทำกัน
แม้ฉินโม่จะดูซื่อๆ แต่เขาก็ดีกับคนอื่นมาก ไม่มีเจตนาร้ายอะไรเลย ไม่แปลกใจที่ฝ่าบาทจะชอบฉินโม่มากขนาดนี้
เนื้อผัดพริก ปลาต้มเผ็ดเปรี้ยว ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน เต้าหู้ที่ละลายในปาก และผักใบเขียวที่กรอบอร่อย
แม้ทั้งหมดจะเป็นอาหารที่ไม่ได้ทำยากอะไร แต่เมื่อผ่านมือฉินโม่ก็กลายเป็นอาหารเลิศรสไปโดยปริยาย
หลี่ซื่อหลงกินอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อฉินโม่เห็นดังนั้น ก็พูดขึ้นว่า "ท่านพ่อตา หลี่เยว่หายไปไหน เรียกเขามากินด้วยกันสิ!"
หลี่ซื่อหลงที่กำลังกินอย่างเพลิดเพลินชะลอการกินลง "เขากินแล้ว"
"เรียกเขามาเถอะ ข้ามีเรื่องจะปรึกษาเขา!"
"เจ้าจะปรึกษาอะไรกับเขา?"
"ข้าจะปรึกษาเรื่องวิธีรับมือพวกฮั่นและซงหนูไง!"
ฉินโม่คายกระดูกซี่โครงออกจากปากแล้วพูดว่า "ท่านพ่อตาจำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้ท่านถามข้าเรื่องแผนการน่ะ!"
"เจ้าหมายถึง แผนนั้นหลี่เยว่เป็นคนคิดออกหรือ?" หลี่ซื่อหลงขมวดคิ้ว
"ใช่ ข้าจะไปคิดแผนดีๆ แบบนั้นได้อย่างไร"
ฉินโม่พูดพลางตักข้าวเข้าปาก "จริงๆ บางทีข้าก็อิจฉาหลี่เยว่ที่ฉลาดกว่า ข้าถามตัวเองเสมอว่าทำไมเขาถึงคิดวิธีดีๆ แบบนั้นออกมาได้ เขาบอกว่าเขาไม่มีอิทธิพล พูดไปก็ไม่มีใครฟัง พออยากจะบอกท่านพ่อตาก็กลัวจะโดนด่า
ท่านพ่อตา เรื่องนี้ท่านผิดเอง ลูกชายไหนเล่าจะกลัวพ่อจนไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว ท่านดูข้าสิ พ่อของข้าอาจตีข้า แต่ก็รักข้ามาก เพียงฆ่าข่มขู่ว่าจะไม่นับถือเขาเป็นพ่อเขาก็รีบมอบเงินให้ข้าห้าร้อยตำลึงแล้ว!"
"เจ้าเด็กบื้อ เจ้าไม่เข้าใจ!" หลี่ซื่อหลงพูดด้วยสายตาซับซ้อน
"ข้าไม่เข้าใจตรงไหน ท่านก็แค่ลำเอียง ไม่เคยใส่ใจลูกชายของท่าน!"
ฉินโม่พูดอย่างหงุดหงิด "หลี่เยว่เป็นเพื่อนที่ดีของข้า ข้าจะไม่รู้จักเขาดีได้อย่างไร เขาอยากจะช่วยท่านแก้ปัญหาอยู่ตลอด แต่เขากลัวท่าน ข้าก็ไม่เข้าใจ ทำไมท่านถึงเอาแต่ลำเอียงรักแต่รัชทายาทกับองค์ชายสี่ หลี่เยว่ไม่ใช่ลูกชายของท่านหรือ?
ท่านรู้ไหมว่าเขาต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อระดมทุนให้กับราชสำนัก ข้าจะบอกอะไรให้ท่านฟัง ท่านไม่รู้หรอกว่าเขาคิดแผนดีๆ อะไรออกมาบ้าง!"
หลี่ซื่อหลงหรี่ตาลงเล็กน้อย "เขาบอกอะไรกับเจ้า?"
"ไม่บอกหรอก ใครใช้ให้ท่านลำเอียงแบบนี้ ตีลูกก็ง่ายๆ ไม่ยอมฟังสิ่งที่เขาพูดบ้าง แถมบังคับให้เขาทำสิ่งที่ไม่อยากทำ แล้วยังไปยกผู้หญิงที่เขารักไปให้คนอื่นอีก ท่านเป็นพ่อที่งี่เง่าที่สุดในใต้หล้า พ่อที่โง่เง่าจริงๆ!"
"เจ้าโง่ฉิน เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!" หลี่ซื่อหลงวางชามและตะเกียบลง ใบหน้าของเขาทันทีเปลี่ยนเป็นดำคล้ำด้วยความโกรธ
เกาซื่อเหลียนก็ตกใจจนตัวสั่น พยายามส่งสัญญาณตาให้ฉินโม่ แต่เจ้าโง่คนนี้กลับไม่เข้าใจอะไรเลย
เหล่าพ่อครัวในห้องเครื่องต่างพากันคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว
สวรรค์! ฉินโม่ช่างกล้าหาญนัก ขนาดเรื่องของราชวงศ์ก็ยังกล้าเข้ามายุ่ง!
"ดูท่านสิ แค่นี้ก็โวยวายอีกแล้ว!"
ฉินโม่เงยหน้าขึ้น "มีคนชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของท่าน แต่ท่านกลับไม่พอใจ ทำแบบนี้สุดท้ายจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ท่านเลย แม้แต่เข้าหาก็เพียงเสแสร้งเพื่อเอาใจท่านเท่านั้น!"
"คุณชายฉิน หยุดพูดเถอะ!" เกาซื่อเหลียนดึงแขนของฉินโม่
"เหล่าเกา อย่ามาขัดข้า ปล่อยให้ข้าพูด!"
ฉินโม่สะบัดมือออกจากเกาซื่อเหลียน "ไม่สนใจลูกตัวเอง แต่กลับสนใจคนอื่น ท่านพ่อตา ท่านช่างโง่จริงๆ หรือท่านอยากให้หลี่เยว่เกลียดชังท่าน!"
หลี่ซื่อหลงอายุสี่สิบกว่าแล้ว นอกจากอดีตจักรพรรดิ ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงตัดหัวไปแล้ว
แต่คนตรงหน้านี้คือฉินโม่ เขาทั้งโกรธทั้งอึดอัดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าที่ฉินโม่พูดมีเหตุผลบ้าง
เขากล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา "นี่เป็นคำสอนจากเจ้านั่นใช่ไหม?"
"ไม่ ไม่มีใครสอนข้า!"
ฉินโม่ตอบด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน "ท่านอาจจะคิดว่ามันไม่มีอะไร แต่ท่านพ่อตาเคยคิดบ้างไหมว่าการกระทำของท่านอาจดับแสงสว่างในใจของหลี่เยว่ไป?"
หลี่ซื่อหลงนิ่งเงียบลง บรรยากาศในห้องเครื่องเงียบสงัดราวกับตาย
ในตอนนี้แม้แต่ฝ่ามือของฉินโม่ก็เริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ
"พูดมาเถอะ เจ้านั่นบอกอะไรเจ้าเกี่ยวกับแผนการเหล่านั้นบ้าง!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินโม่ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดีมาก เขาวางแผนมานาน ในที่สุดก็ทำให้หลี่ซื่อหลงติดกับได้แล้ว
"ไม่บอก!" ฉินโม่หันหน้าหนี
"เจ้าบอกมา หากมันมีประโยชน์ ข้าอาจยกโทษให้เจ้านั่นก็ได้!"
"นี่ท่านพ่อตาพูดเองนะ ท่านเป็นจักรพรรดิ จะไม่โกหกข้าใช่ไหม?"
………..