บทที่ 7 เลื่อนตำแหน่ง
บทที่ 7 เลื่อนตำแหน่ง
ในที่สุดหลี่เอ้อก็ถูกย้ายมาที่หน่วยสืบสวน CID จนได้
หัวหน้าหน่วยสืบสวน เหวินเส้อ มาชวนด้วยตัวเอง หลี่เอ้อจึงปฏิเสธไม่ได้ แถมยังมีเรื่องส่วนตัวของเขาเองด้วย
“หลี่เอ้อ ยินดีด้วยนะ!” หลี่เซียนอิงพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉานิด ๆ
“ฮะฮะ ขอบคุณ!” หลี่เอ้อตอบด้วยท่าทีใจเย็น
“มันไม่ยุติธรรมเลย ฉันทำงานที่ CID มา 3 ปี สามปีเชียวนะ แต่ไม่เคยได้เลื่อนตำแหน่งเลย แต่พอนายย้ายเข้ามา นายก็ได้เลื่อนเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสทันที มันน่าเจ็บใจจริง ๆ” หลี่เซียนอิงบ่นด้วยความไม่พอใจ
ยศของหลี่เอ้อเปลี่ยนจากรหัสเจ้าหน้าที่ธรรมดากลายเป็นระดับอาวุโส
หลี่เอ้อยิ้มปลอบใจและตบไหล่หลี่เซียนอิง “พี่เปี๋ย ถ้าหัวหน้าของนายไม่สร้างปัญหา นายคงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรไปแล้ว”
เมื่อหลี่เอ้อออกมาจากห้องทำงานของเหวินเส้อ สิ่งแรกที่เหวินเส้อเตือนเขาคือ ให้คอยระวังหลี่เซียนอิงอย่าให้สร้างปัญหา และอย่างน้อยก็อย่าให้ปัญหานั้นมาโดนตัวเขาเอง
ดูเหมือนว่าเหตุผลที่หลี่เซียนอิงไม่ได้เลื่อนตำแหน่งใน 3 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะเขาไม่ทำผลงาน แต่เพราะบางครั้งความดีความชอบของเขาถูกลบล้างไปด้วยการทำผิดพลาด ถึงจะทำงานจนเหนื่อยแค่ไหนก็ยังไม่ไปถึงไหน
ผลงานล่าสุดของหลี่เอ้อดีมาก เขาแก้ปัญหาได้หลายคดี เช่น คดีปล้นกระเป๋า คดีธนบัตรปลอม และยังช่วยแผนกสืบสวนปราบซ่องและบ่อนพนัน สะสมผลงานจนเพียงพอที่จะเลื่อนจากเจ้าหน้าที่ธรรมดาเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส
โดยเฉพาะคดีธนบัตรปลอม นักต้มตุ๋นที่ปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่หลอกเงินหลี่เอ้อไป 600 เหรียญ แต่หลังจากการสอบสวนใน CID พวกเขายังสาวไปถึงคดีธนบัตรปลอมอีกสิบกว่าคดี รวมมูลค่ากว่าหมื่นเหรียญ ถึงแม้เหวินเส้อจะไม่ขายหน้าให้หลี่เอ้อ หลี่เอ้อก็ยังคงเลื่อนเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสได้อยู่ดี
“ฉันเรียนมาน้อย นายอย่ามาหลอกฉันเลย ฉันอ่านหนังสือไม่ค่อยจะออก ยศสารวัตรขึ้นไปต้องสอบนะ ฉันไม่มีหวังหรอก ชาตินี้ไม่มีหวังเลย” หลี่เซียนอิงส่ายหัว
หลี่เอ้อถึงกับอึ้งไป เขาคิดว่า หลี่เซียนอิงคนนี้รู้จักตัวเองดีจริง ๆ ถ้างั้นครั้งต่อไปก็ให้เขารับผิดแทน ส่วนความดีฉันจะรับเอง เพราะเราสองคนเป็นคู่หูกัน
“หลี่เอ้อ ตัวอักษร ‘磡’(ถนนที่ลาดเอียง) ในชื่อถนนฮุงฮอมเขียนยังไง?” หลี่เซียนอิงกำลังเขียนรายงาน แล้วมาติดอยู่ตรงคำว่า ‘ฮุงฮอม’
หลี่เอ้อหัวเราะออกมา ในที่สุดเขาก็เจอคนที่แย่กว่าเขา ความรู้สึกเหนือกว่าพุ่งสูงขึ้นทันที
อักษร ‘磡’ (หมายถีงถนนที่ลาดเอียง) ในทั้งตัวเต็มและตัวย่อเหมือนกัน หลี่เอ้อจึงช่วยเติมลงไปอย่างง่ายดาย
“หลี่เอ้อ วันนี้นายได้เลื่อนตำแหน่ง ตอนเย็นจะไปทำอะไรไหม?” หลี่เซียนอิงถามยิ้ม ๆ “ฉันรู้จักบาร์ที่พึ่งเปิดใหม่ ไปดื่มด้วยกันไหม!”
“ไม่ดีมั้ง! พวกเราข้าราชการ ต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์!” หลี่เอ้อปฏิเสธด้วยท่าทีภาคภูมิ เขาขี้เหนียวมากและไม่คิดจะไปบาร์ให้โดนรีดไถเงินแน่นอน
“งั้นเหรอ!” หลี่เซียนอิงเกาหัว “ถ้างั้นฉันเลี้ยงข้าวก็ได้?”
“นายเลี้ยง?” หลี่เอ้อแปลกใจ เขาไม่เข้าใจตรรกะของหลี่เซียนอิง ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงในเมื่อตัวเองไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง?
“แน่นอน วันนี้เป็นวันแรกที่นายย้ายมา CID แล้วยังได้เลื่อนตำแหน่งอีก ในฐานะคู่หู ฉันต้องเลี้ยงนายซักมื้ออยู่แล้ว” หลี่เซียนอิงพูดอย่างใจป้ำ
“เอ่อ...” หลี่เอ้อลูบคาง ก่อนจะพูดออกมาหน้าด้าน ๆ “งั้นเราไปดื่มกันที่บาร์ดีกว่า!”
หลี่เซียนอิงมองหลี่เอ้ออย่างพูดไม่ออก
“นายไม่บอกเองเหรอว่าไปบาร์ไม่ดี?” หลี่เซียนอิงถาม
“พวกเรามีคำว่า ‘ตำรวจ’ ติดอยู่บนหน้าเหรอ? ใครจะรู้ว่าเราเป็นตำรวจ แถมเราใช้เงินตัวเองอีกต่างหาก” หลี่เอ้อพูดอย่างจริงจัง
หลี่เซียนอิงยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่
“งั้นหารกันนะ!” (AA หมายถึงการหารค่าใช้จ่าย)
“พี่เปี๋ย ฉันคิดว่ามันไม่ดีนะ แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าเราเป็นใคร แต่ว่าในฐานะข้าราชการ เราก็ต้องรู้จักระมัดระวังตัวเองสิ!”
หลี่เซียนอิง “...”
ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
มันน่าประหลาดใจ บางคนเจอหน้ากันทุกวันแต่ก็ไม่เคยเข้าใจกัน แต่บางคนกลับเหมือนเพื่อนเก่าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ หลี่เซียนอิงกับหลี่เอ้อแม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่พวกเขาก็เข้ากันได้ดีเหมือนเพื่อนสนิท
“งั้นฉันเลี้ยงเองแล้วกัน เย็นนี้ไปกินข้าวกัน ฉันจะพาเพื่อนดี ๆ มารู้จักด้วย!” หลี่เอ้อยิ้มอย่างมีความสุข
“ไม่มีปัญหา เจอกันกี่โมงดี ตอนบ่ายฉันต้องไปซ้อมยิงปืน!” หลี่เซียนอิงถาม
“ไปซ้อมด้วยกันสิ พอซ้อมเสร็จแล้วค่อยไปกินข้าวเย็นด้วยกัน!” หลี่เอ้อพูดอย่างรวดเร็ว จริง ๆ เขาขอย้ายมาที่ CID เพราะอยากจะฝึกยิงปืนได้สะดวกขึ้น
ที่หน่วยลาดตระเวน เขาต้องขออนุญาตฝึกยิงปืนอาทิตย์ละครั้ง และได้ยิงแค่หกลูก แต่ที่ CID ถ้าเขาไม่ขี้เกียจ เขากรอกใบสมัครทุกวันได้ และได้ยิงหกลูกทุกวัน
แน่นอนว่านี่เป็นขั้นตอนปกติ แต่ความจริงแล้วมีตำรวจน้อยคนที่จะขยันฝึกปืน
“หลี่เอ้อ นายก็ชอบยิงปืนเหรอ?” หลี่เซียนอิงถามอย่างตื่นเต้น
หลี่เอ้อยิ้ม จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ชอบยิงปืนหรอก แต่เขาได้ปลดล็อกสกิลยิงปืนจากระบบมาแล้ว ไม่ใช้ก็เสียดาย
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
หลี่เซียนอิงยิงกระสุนหกลูกหมดในคราวเดียว จากนั้นถอนหายใจด้วยความพอใจ เขาดึงเป้ากลับมาตรวจดูคะแนน
สองลูกเข้าแปดแต้ม สามลูกเข้าเก้าแต้ม ลูกสุดท้ายเข้าเป้ากลางสิบแต้ม ฝีมือการยิงของหลี่เซียนอิงดีมาก
“เป็นไงบ้าง? สุดยอดใช่ไหม!” หลี่เซียนอิงพูดด้วยความภาคภูมิใจ
หลี่เอ้อยกนิ้วโป้งให้ทันที
“พี่เปี๋ย สอนหน่อยสิ!”
หลี่เซียนอิงไม่หวงวิชา เขาสอนอย่างจริงจัง “อย่างแรกเลย จับปืนด้วยสองมือ อย่าทำเท่ด้วยการจับปืนมือเดียว แม้จะจับได้ แต่ไม่มั่นคงเท่าสองมือ”
“การจับปืนให้มั่นคงสำคัญมาก เพราะแค่เบี่ยงไปหนึ่งมิลลิเมตร เมื่อยิงไปไกลหลายสิบเมตรก็จะพลาดเป้าได้”
หลี่เอ้อพยักหน้าเห็นด้วย เขาไม่เคยพยายามทำเท่อยู่แล้ว และก็ไม่มีความสามารถพอจะทำเช่นนั้นได้ ส่วนอนาคตเขาจะเป็นคนแบบไหน ก็ยังไม่แน่ใจนัก
หลี่เซียนอิง: "อย่างที่สอง ใช้ตาเพียงข้างเดียวในการเล็งปืน จะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้การโฟกัสทั้งสองตาทำให้เป้าเลื่อน"
"มันมีผลขนาดนั้นเลยเหรอ?" หลี่เอ้อสงสัย เขาไม่เคยมีโอกาสได้จับปืนจริง ๆ ในชาติก่อน
"สำหรับมือโปรอาจจะไม่มีผลมาก แต่สำหรับนาย นายเป็นมือโปรเหรอ?" หลี่เซียนอิงถามอย่างแน่ใจ
หลี่เอ้อส่ายหัว
"ไม่เชื่อก็ลองดู เล็งเฉย ๆ ไม่ต้องยิง"
หลี่เอ้อลองเล็งด้วยตาซ้ายก่อน จากนั้นใช้ตาขวาเล็ง สุดท้ายลองใช้สองตาเล็งพร้อมกัน แล้วเขาก็พบว่ามันแตกต่างจริง ๆ ไม่ว่าจะใช้ตาข้างไหน พอหลับตาข้างหนึ่งการเล็งเป้าหมายแบบสามจุดมันดีกว่าใช้สองตาเล็งพร้อมกันเยอะ
"แล้วไงต่อ?" หลี่เอ้อถามต่อ
หลี่เซียนอิงหยุดคิดไปสักครู่ "แล้วก็แค่ฝึกซ้อมไปเรื่อย ๆ นี่มันไม่มีทางลัดหรอก"
"โธ่! ฉันคิดว่าจะมีเคล็ดลับอะไร ที่แท้ก็ต้องฝึกอย่างเดียว!" หลี่เอ้อบ่นในใจ
“ปัง!” หลี่เอ้อลองยิงตามที่หลี่เซียนอิงแนะนำ ยิงนัดแรกได้อย่างรวดเร็ว
"อย่าเพิ่งรีบร้อนยิงนัดที่สอง ปรับลมหายใจ ค่อย ๆ เล็งแล้วค่อยยิง!" หลี่เซียนอิงบอกเขาจากด้านหลัง
แน่นอนว่าหลี่เอ้อไม่รีบร้อนยิง นัดต่อไปเขาเล็งไปพร้อมกับตรวจสอบข้อมูลในระบบ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขารู้สึกเหมือนกับว่าสกิลยิงปืนของระบบไม่ได้ช่วยอะไรเลย หรือว่าเขาต้องยิงอีกหลาย ๆ นัด?
หลี่เอ้อเล็งต่อไป ใช้การเล็งแบบสามจุดตามปกติ
“ปัง!”
หลี่เอ้อยิงนัดที่สอง แต่ข้อมูลในระบบก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“ปัง!”
หลี่เอ้อยิงนัดที่สาม
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เขายิงกระสุนหกลูกหมด ระบบแสดงค่าความชำนาญออกมา แต่ค่าความชำนาญก็ยังคงเป็น 0
หลี่เอ้อดึงเป้ากลับมา เมื่อมีคนแนะนำ การยิงของเขาก็ดีขึ้นมาก เขาได้คะแนนแปดแต้มหนึ่งลูก หกแต้มสามลูก และสองแต้มสองลูก ไม่มีลูกไหนหลุดเป้า
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการยิงเป้า ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับสถานการณ์จริงเลย หลี่เอ้อใช้เวลาครึ่งนาทีในการเล็งแต่ละครั้ง ถ้าเป็นการต่อสู้จริง ๆ ถ้าไม่เจอคู่ต่อสู้ที่เอาแต่ล้อมเป้า เขาคงตายไปหลายสิบรอบแล้ว
หลี่เอ้อรู้เรื่องนี้ดี ใบหน้าของเขายังคงแสดงความรู้สึกไม่ค่อยดีออกมา เขาเพิ่งจะจับทางการยิงได้เล็กน้อย แต่โชคร้ายที่วันนี้กระสุนหมดแล้ว ถ้าจะฝึกต่อเขาก็ต้องกรอกใบสมัครใหม่ แล้วก็คงจะได้ฝึกอีกพรุ่งนี้
ที่ร้านอาหารใหญ่ของหลี่อี้
เมื่อหลี่เอ้อชวนไปกินข้าว เขาก็ไม่คิดจะเลี้ยงใครฟรี ๆ เอ่อ! จริง ๆ แล้วอาจจะไม่ต้องเลี้ยงหลี่อี้เลยด้วยซ้ำ เพราะหลี่เอ้อวางแผนว่าจะไม่จ่าย
"พี่เปี๋ย คนพวกนี้คือเพื่อนดี ๆ ของฉัน เฉินเจียจวี กับ จางต้าโจวย์ ตอนนี้พวกเขาทำงานอยู่ที่ CID ในหว่านไจ๋" หลี่เอ้อแนะนำเฉินเจียจวีและจางต้าโจวย์ให้หลี่เซียนอิงรู้จัก "นี่พี่เปี๋ย คู่หูคนใหม่ของฉัน!"
"ฉันรู้จักนาย!" เฉินเจียจวี้ยื่นมือให้หลี่เซียนอิงพร้อมยิ้ม
"ฉันไม่คุ้นหน้านายเลย" หลี่เซียนอิงขมวดคิ้ว
“ฮ่าฮ่า พี่เปี๋ย นายคือ ‘ราชาแบกบาป’ ของสถานีตำรวจจิมซาจุ่ย เรารู้จักนาย แต่นายคงไม่รู้จักพวกเราเพราะเราเป็นแค่ตัวเล็ก ๆ” จางต้าโจวย์ยกแก้วเบียร์ให้ตัวเองพร้อมหัวเราะ
หลี่เซียนอิงได้ยินฉายา "ราชาแบกบาป" ก็เกาศีรษะอย่างเขิน ๆ
เฉินเจียจวีแอบส่งสายตาให้หลี่เอ้อว่า การจับคู่กับราชาแบกบาปแบบนี้ นายคงหมดหวังจะได้เลื่อนตำแหน่งไปตลอดชีวิต
หลี่เอ้อส่งยิ้มอวดฟันขาวสะอาดให้เฉินเจียจวี
"ฉันพึ่งได้เลื่อนขั้นมา!" เขาพูด
เฉินเจียจวีกับจางต้าโจวย์ถึงกับอึ้ง
พวกเขาย้ายไปอยู่หน่วยสืบสวนในหว่านไจ๋เพราะโอกาสในหน่วยลาดตระเวนที่จิมซาจุ่ยมีน้อย แต่กลับกลายเป็นว่าหลี่เอ้อที่อยู่ที่เดิมได้เลื่อนขั้นไปก่อน
เฉินเจียจวีกับจางต้าโจวย์มองไปที่บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ที่หลี่เอ้อยื่นให้ พวกเขารู้สึกท้อแท้ ทำไมมันถึงไม่ยุติธรรมเลย หลี่เอ้อเป็นคนที่แย่ที่สุดในกลุ่มสามคน แต่กลับเป็นคนแรกที่ได้เลื่อนตำแหน่ง
"พี่สอง นายเลื่อนขั้นแล้วเหรอ?" หลี่อี้เดินมาพร้อมกับอาหารสองจาน เขาได้ยินการสนทนาของเฉินเจียจวี่และจางต้าโจวย์ จึงถามหลี่เอ้อด้วยความดีใจ
เจ้าหมอนี่ปิดปากเงียบ เรื่องเลื่อนตำแหน่งไม่มีใครรู้เลยนอกจากหลี่เซียนอิง
“เฮ้ วันนี้เพิ่งเลื่อนขั้นเลย” หลี่เอ้อยิ้ม “พี่ใหญ่ มานั่งกินด้วยกันสิ”
หลี่อี้ส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข "ไม่ ๆ พี่ใหญ่ยังต้องทำงาน เดี๋ยวพี่ไปทำอาหารเพิ่มให้คืนนี้พวกนายต้องกินและดื่มให้เต็มที่! พี่เลี้ยงเอง!"
"ขอบคุณพี่ใหญ่!" หลี่เอ้อรีบพูดอย่างสอดคล้องกับหลี่อี้ สบายอีกแล้ว เขาประหยัดไปอีกมื้อ
"หลี่เอ้อ พี่ใหญ่เสือดำของนายคือพี่ชายแท้ ๆ เหรอ?" หลี่เซียนอิงมองไปทางหลี่อี้ที่กำลังผัดอาหารที่เตา แล้วหันมาถามหลี่เอ้อด้วยสีหน้าประหลาดใจ
"หือ? อะไรนะ? ใช่ พี่ใหญ่ของฉัน!" หลี่เอ้อกำลังฟังเฉินเจียจวีและจางต้าโจวย์บ่นอยู่ เลยตอบออกไปแบบไม่ได้สนใจมากนัก
หลี่เซียนอิงไม่ได้พูดอะไรต่อ
ไม่นานนัก อาเหม่ยกับเหอหมิ่นก็มาถึง ทำให้บรรยากาศยิ่งสนุกสนานขึ้นไปอีก