บทที่ 64 ม้าไม่มีอีกแล้ว?
รู้สึกว่าศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มีความผิดปกติ แต่ด้วยหน้าที่ของเขา ผู้ดูแลต้องให้ศิษย์เช่าม้าอสูรตามคำร้องขอ
แต่เมื่อต้องเผชิญกับศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ ผู้ดูแลม้าก็เตือนด้วยความวิตกกังวล
“พวกเจ้าสามารถเช่าม้าอสูรได้ แต่ต้องไม่ทรมาณพวกมัน เช่น การไม่ให้น้ำดื่ม เป็นต้น”
“โอเคๆ ผู้ดูแล รีบลงทะเบียนเถอะ”
ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าอย่างเร่งรีบ พวกเขาตอนนี้มีเป้าหมายเดียวคือทำให้เสร็จให้เร็วที่สุด อาหารมื้อกลางวันคงหมดหวังแล้ว แต่ถ้าเร็วหน่อย อาหารมื้อเย็นอาจจะยังทัน
เมื่อเห็นศิษย์เร่งรีบ ผู้ดูแลรู้สึกถึงความเครียด ที่เพิ่งตรวจสอบพบว่าเมื่อวานมีม้าอสูรกว่า 300 ตัวเกิดอาการขาดน้ำและเหนื่อยล้า ซึ่งต้องใช้เวลาฟื้นฟูหลายวัน
หลังจากลงทะเบียนและจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับนิกายแล้ว ศิษย์รีบไปที่สนามม้าเพื่อเลือกม้าอสูร
แต่ว่าทันทีที่มาถึง ม้าอสูรกลับทำท่าทางถอยหลังอย่างไม่น่าเชื่อ
เหมือนกับว่ามันเจอศัตรูที่น่ากลัว มันตัวสั่นด้วยความกลัว
บางตัวไม่ยอมเคลื่อนไหวเมื่อมีศิษย์ขึ้นไปบนหลังมัน ปฏิเสธที่จะออกจากสนามม้า
“เฮ้ ผู้ดูแล ม้าเหล่านี้เป็นอะไร ทำไมมันถึงไม่ขยับเลย?”
ไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่เป็นม้าส่วนใหญ่ที่เช่าไปเมื่อวานนี้มีปัญหาแบบเดียวกัน
เมื่อผู้ดูแลมาถึง ม้าอสูรมองเขาด้วยสายตาเศร้าๆ ราวกับว่ากำลังขอความช่วยเหลือ
“เอ่อ... ดูเหมือนว่าพวกมันไม่อยากออกไปกับพวกเจ้า”
มุมปากของผู้ดูแลกระตุกอย่างรุนแรง เขารู้สึกหงุดหงิดสุดขีด “พวกเขาต้องทำอะไรมันแน่ๆ ถึงทำให้ม้าอสูรเกลียดขนาดนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ศิษย์คนนั้นไม่พอใจและมองไปที่ม้าอสูรด้วยความโกรธ
“ฟังให้ดี ข้ารีบมาก ถ้าเจ้าทำให้พลาดเวลามื้ออาหารเย็น ข้าจะอะไรกับเจ้ารู้ไหม?”
พร้อมปล่อยจิตสังหารออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกถึงความรู้สึกนี้ผู้ดูแลก็กลัวและรีบกล่าวออกมา
“พวกเจ้าจะทำอะไร? ห้ามทำร้ายม้าอสูร!”
อย่างไรก็ตามผู้ดูแลไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากศิษย์พูดจบ ม้าอสูรที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมขยับเลยกลับกระโดดออกจากสนามม้าอย่างรวดเร็วและหายไปในพริบตา
“ข้า...”
ผู้ดูแลกัดฟันสบถกับตัวเอง “เจ้ากำลังเล่นตลกกับข้าอยู่หรือเปล่า? เมื่อกี้ยังไม่ยอมเดินอยู่เลยนะ”
ถ้าหากม้าอสูรพูดได้พวกมันคงจะตอบว่า ‘นี่ไม่ใช่เรื่องของการเดินหรือไม่เดิน แต่การทำให้เด็กหนุ่มคนนี้พลาดเวลาอาหารมื้อเย็นอาจจะทำให้ข้าตายได้ จิตสังหารที่พวกเขาปล่อยออกมานั้นบอกว่าเขาจะทำจริงๆ’
สัญชาตญาณของสัตว์อสูรมีความไวกว่ามนุษย์เป็นอย่างมากในด้านการรับรู้จิตสังหาร ดังนั้นม้าอสูรรู้ว่าศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดเล่นๆแน่
หากทำให้พวกเขาเสียเวลามื้ออาหาร พวกมันอาจจะตาย ดังนั้นมันจึงเลือกที่จะฟังตามคำสั่งอย่างจริงจังดีกว่า
ศิษย์ยังคงวิ่งต่อไป โดยที่หลายคนยอมให้ม้าอสูรดื่มน้ำจากกระติกของพวกเขาขณะวิ่งเพื่อประหยัดเวลา
“ดื่มน้ำได้ แต่ต้องไม่หยุดพัก ข้าเร่งรีบมากจริงๆ”
หลังจากศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ออกไป ศิษย์จากยอดเขาอื่นๆ ก็ทยอยมาที่สนามม้า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ได้เช่าม้าอสูรเมื่อวานนี้
“ผู้ดูแล วันนี้มีม้าให้เช่าหรือไม่?”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามจากศิษย์ หลายคนมีสีหน้าหม่นหมองและพูดว่า
“ยังเหมือนเดิมไม่มีม้าเหลือเลย”
“ยังไม่มี? ทำไมล่ะ?”
“เมื่อสักครู่ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่และเช่าไปหมดแล้ว”
เมื่อได้ยินคำนี้ ศิษย์บางคนสีหน้าแย่ลงทันที ทันใดนั้นมีศิษย์คนหนึ่งเห็นม้าอสูรอีกไม่กี่ร้อยตัวที่เหลือในสนามม้า และไม่พอใจพูดว่า
“ยังมีม้าอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ม้าเหล่านี้ไม่สามารถขี่ได้ ต้องพักฟื้นอีกหลายวัน”
ตามคำบอกเล่าของผู้ดูแล ศิษย์จึงมองไปที่ม้าอสูรที่อยู่ในสภาพอิดโรยและเหนื่อยล้า
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้เนี้ย?”
ศิษย์รู้ดีว่านิกายของพวกเขาให้การดูแลม้าอสูรอย่างดี ดังนั้นไม่เคยมีปัญหาแบบนี้มาก่อน
เมื่อถูกถาม ผู้ดูแลจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดซึ่งเกี่ยวข้องกับศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
บางคนไม่สามารถควบคุมความโกรธได้ และด่าทอออกมา
“บัดซบ พวกมันคือสัตว์นรกจริง!”
“แม้แต่ม้าอสูรยังไม่เว้น”
ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากม้าอสูรระดับต่ำถูกเช่าไปหมดแล้ว ศิษย์จากยอดเขาอื่นจึงต้องหาม้าอสูรระดับสูง แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่มีคะแนนนิกายเพียงพอและพลังฝีมือไม่ถึงระดับที่จะควบคุมม้าอสูรระดับสูงได้
สุดท้ายมีบางคนเสนอให้ไปเช่าม้าที่เมืองซานหยวน
เมื่อพูดออกไปก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากหลายคน
แต่เมื่อพวกเขาไปที่เมืองซานหยวนและสอบถาม ก็พบว่าม้าที่นี่ก็หมดเช่นกัน
“ม้าหายไปไหน? พวกเจ้ามีร้านใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่มีม้าอสูรระดับต่ำเลย?”
เมื่อเห็นว่าความสับสนมีมากขึ้น เจ้าของร้านที่เมืองซานหยวนก็ไม่กล้าทำให้ศิษย์จากนิกายผิดหวัง และยิ้มอย่างเหนื่อยหน่าย
“เมื่อวานศิษย์จากนิกายของเจ้ามาที่นี่เช่าม้าอสูรเป็นจำนวนมาก ม้าอสูรระดับต่ำทั้งหมดถูกเช่าไปแล้ว ไม่เพียงแต่ที่นี่ แม้แต่ร้านอื่นในเมืองซานหยวนก็หมดแล้ว”
“เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขามาจากยอดเขาไหน?”
“ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์”
“อีกแล้วเหรอ...”
เมื่อรู้ว่าเป็นศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง คนอื่นๆ ก็รู้สึกไม่พอใจและกัดฟันแน่น มือกำหมัดแน่น รู้สึกโกรธจนตัวสั่น
ม้าที่สนามม้าในนิกายหมดแล้ว ม้าอสูรที่เมืองรอบๆก็หมดอีกและทั้งหมดนี้เป็นผลภารกิจของศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์
พวกเขากำลังทำอะไร? ศิษย์ทั้งยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ออกเดินทางพร้อมกันหมดหรือ?
ตั้งแต่การทำลายล้างพรรคพยัคฆ์ดำเริ่มต้น ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งแปลกประหลาดขึ้น
เริ่มจากการรับภารกิจที่หอภารกิจจนว่าง ตอนนี้ยังเช่าม้าอสูรระดับต่ำรอบๆ นิกายจนหมดอีก
บางคนไม่สามารถควบคุมความโกรธได้และตะโกนออกมา
“มันมากเกินไปแล้ว ข้าขอสาบานว่าจะไม่ยอมให้พวกยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ทำแบบนี้อีกต่อไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินการตะโกนนี้ เจ้าของร้านที่อยู่ข้างๆสับสนและไม่เข้าใจว่าทำไมศิษย์ร่วมนิกายเหล่านี้ถึงต้องโกรธเกลียดกันขนาดนี้
โดยที่ไม่รู้สถานการณ์ของศิษย์จากยอดเขาอื่นๆ หลังจากอาหารเช้าและพักผ่อนหนึ่งชั่วโมง เย่ฉางชิงก็ลุกขึ้นและเดินไปยังหอภารกิจหลัก
เขายังไม่ได้ทำภารกิจที่บังคับในเดือนนี้ จึงตั้งใจไปที่หอภารกิจเพื่อดู
เมื่อมาถึงหอภารกิจ เย่ฉางชิงเลือกภารกิจที่มีระดับหนึ่งดาว
“เลือกภารกิจที่ใกล้และง่ายที่สุด”
เขาคิดในใจ และเลือกภารกิจฆ่าวิญญาณร้าย
มันไม่ห่างไกลจากนิกายและความสามารถของวิญญาณร้ายก็ไม่สูงมาก เป็นแค่อสูรรูปแบบวิญญาณ ซึ่งมีพลังเพียงระดับหลอมร่างเท่านั้น
“ภารกิจนี้แหละ”
หลังจากรับภารกิจและลงทะเบียนกับผู้ดูแลที่หอภารกิจ
ผู้ดูแลคนหนึ่งมองเขาด้วยความสงสัย
“เจ้าเป็นศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”
“ใช่ขอรับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มี”
จากนั้น เย่ฉางชิงได้ยินผู้ดูแลพึมพำเบาๆ
“ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่เลือกแค่หนึ่งภารกิจนี่ ช่างแปลกจริงๆ”