บทที่ 62 ข้ามีธุระสำคัญมาก!
พวกศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ต่างหลั่งไหลเข้ามารวดเร็วและจากไปอย่างเร็ว ไม่มีหยุดพักเลย เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ศิษย์นับหมื่นก็หายไปจากหอภารกิจ ทิ้งไว้เพียงบอร์ดภารกิจที่เริ่มโล่งที่แสดงว่าภารกิจถูกกวาดไปกว่าครึ่ง
“ข้า... ข้าว่าพวกมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ภารกิจหายเกลี้ยงอีกแล้ว!”
“นี่พวกมันเป็นโจรหรือไงกัน?”
เมื่อเห็นว่าภารกิจระดับต่ำถูกกวาดไปหมด เหลือเพียงภารกิจระดับสี่และห้าดาวที่ยากลำบาก ศิษย์จากยอดเขาอื่นๆถึงกับเดือกร้อน เพราะพวกเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เมื่อทนไม่ไหวแล้ว
เหมือนกับฝูงตั๊กแตนที่มากวาดกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
ฉีซงที่เฝ้ามองเหตุการณ์จากในเงามืด กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์จะกวาดภารกิจไปหมดอีกครั้งรึเปล่า?
แต่ผู้อาวุโสสามกลับยังนิ่งเฉย เขากล่าวอย่างใจเย็นว่า
“ไม่ต้องกังวล ข้ามีแผนรองรับไว้แล้ว”
ไม่ช้าบอร์ดภารกิจก็แสดงภารกิจระดับต่ำชุดใหม่ขึ้นมา ทำให้ศิษย์จากยอดเขาอื่นๆ กลับมาสงบลงอีกครั้ง
“พวกศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มาเป็นกลุ่มใหญ่ เรื่องแบบนี้ก็เป็นธรรมดา ศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป”
คำพูดนี้ช่วยปลอบฉีซงได้เล็กน้อย เขาผ่อนคลายขึ้นและกล่าวว่า
“อืม ขอบใจเจ้ามาก”
“ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ทำตามกฎ หอภารกิจก็จะไม่เป็นอะไร”
“ก็ดี”
เมื่อเห็นว่าเรื่องจบแล้ว ฉีซงก็ออกจากหอภารกิจไป ในใจเขาภาวนาเงียบๆขอให้ความกังวลของตนเป็นเพียงแค่ความคิดมากเกินไปเท่านั้น
ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับภารกิจ ต่างทยอยมาถึงสนามม้าของนิกายเต๋าอี้ ที่นี่เลี้ยงม้าทั้งหมดของนิกาย แน่นอนว่าม้าเหล่านี้ไม่ใช่ม้าธรรมดา ม้าอสูรระดับต่ำสุดยังเป็นม้าครึ่งอสูร ส่วนม้าอสูรระดับสูงบางตัวยังเป็นม้าอสูรขั้นเซียนอีกด้วย
ศิษย์แต่ละคนต่างเลือกม้าที่เหมาะสมกับตัวเองตามระดับของพวกเขาเอง
เมื่อมีศิษย์จำนวนมากเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ผู้ดูแลสนามม้าถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ
“พวกเจ้า...ทำอะไรกัน?”
“ข้ามาเช่าม้า ขอเป็นม้ามังกรดำสักตัวเถิด”
“ข้าเอาม้ามังกรเช่นกัน”
“ที่นี่ก็ขอเป็นม้ามังกร”
“ข้าด้วย”
“ขอเป็นม้าสายลม”
“ข้าขอเป็นม้าสายฟ้า”
ศิษย์นับไม่ถ้วนต่างคนต่างขอเช่าม้า ทำให้ม้าอสูรระดับต่ำในสนามม้าหายไปกว่าครึ่ง ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ เหลือเพียงม้าอสูรระดับสูงเท่านั้น
“สหายทั้งหลาย อย่าลืมเป้าหมายของพวกเราต้องรีบทำให้ไว”
“วางใจเถิด ศิษย์พี่”
“เช่นนั้น พบกันที่นิกาย”
“ตกลง”
ที่ทางเข้าสนามม้า กลุ่มศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ขี่ม้าอสูรออกมา ทยอยโบกมืออำลากัน จากนั้นก็แยกย้ายกันออกจากนิกายไปยังทิศทางต่างๆ อย่างรวดเร็ว
ผู้ดูแลสนามม้าที่เห็นทุกอย่างเต็มตา ยังคงสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น “วันนี้มีศิษย์มากมายออกนอกนิกายเช่นนี้ได้อย่างไร?”
สนามม้าของนิกายเต๋าอี้ มีม้าอสูรไว้ให้ศิษย์ใช้สำหรับเดินทางไปนอกนิกาย ม้าอสูรเหล่านี้มีความเร็วสูงมาก แต่การเช่าม้านั้นต้องใช้แต้มสะสมของนิกายและราคาก็แตกต่างกันไปตามระดับของม้าอสูร
ม้าอสูรระดับต่ำยังพอไหว แต่สำหรับม้าอสูรระดับสูง ไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาจะสามารถเช่าได้ แม้จะมีแต้มสะสมก็ตาม เพราะส่วนใหญ่ศิษย์จะเก็บแต้มไว้แลกยาเม็ดหรือวิชามากกว่า
ไม่นานนักศิษย์จากยอดเขาอื่นๆก็ทยอยมาที่สนามม้าเช่นกัน บ้างก็มีธุระต้องออกนอกนิกาย บ้างก็ไปรับภารกิจ บ้างก็ไปทำธุระอื่น ๆ
แต่เมื่อพวกเขามาถึงสนามม้า ก็ถึงกับตะลึงเมื่อพบว่า ม้าอสูรระดับต่ำในสนามม้าเหลือเพียงไม่กี่ตัว
“เฮ้ย สนามม้านี่ถูกปล้นไปหรือไง?”
ก่อนหน้านี้ ม้าที่เคยมีอยู่เต็มสนาม ตอนนี้หายไปครึ่งหนึ่ง ทำเอาพวกเขาตกตะลึง แต่หลังจากความตกใจ พวกเขาก็ต้องจำใจเช่าม้าที่เหลืออยู่ แล้วออกนอกนิกายไปตามทางของพวกเขา
กลุ่มศิษย์ที่มาถึงสนามม้าภายหลังต่างก็ต้องตกตะลึงเช่นกันและเมื่อเวลาผ่านไป ม้าอสูรในสนามก็ยิ่งลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุด ม้าอสูรระดับต่ำก็หมดไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อศิษย์ชุดใหม่มาถึงและเห็นว่าบริเวณม้าอสูรระดับต่ำมีแต่ลานที่ว่างเปล่า พวกเขาตะโกนด้วยความตกใจ
“โห! ม้าหายไปไหนหมดเนี่ย?”
พวกเขารู้สึกหมดหนทาง เมื่อรับภารกิจมาแล้วแต่ม้าอสูรกลับไม่มีเหมือนเจอเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
เมื่อถามผู้ดูแลสนามม้าก็ได้รับคำตอบว่า ม้าอสูรระดับต่ำทั้งหมดถูกเช่าไปหมดแล้ว เหลือเพียงม้าอสูรระดับสูงเท่านั้น
แต่เมื่อถามราคาม้าอสูรพวกศิษย์ต่างหน้าเสียเพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ ม้าอสูรระดับสูงมีราคาแพงเกินไป
พวกเขาเป็นเพียงศิษย์ภายนอกชนชั้นธรรมดาต่อให้มีแต้มสะสมเพียงพอ ก็ไม่สามารถควบคุมม้าอสูรระดับสูงได้
เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของศิษย์เหล่านั้น ผู้ดูแลสนามม้าก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า
“บางทีพวกเจ้าคงต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้ บางทีอาจมีศิษย์คืนม้าอสูรระดับต่ำแล้วพวกเจ้าก็จะได้เช่า”
“ก็คงต้องรอไปก่อน”
พวกศิษย์ถอนหายใจอย่างหมดหวัง ากนั้นจึงกลับไปยังนิกายเสียเวลาไปเปล่าๆหนึ่งวันเต็มๆทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นก็ยังมีศิษย์กลุ่มอื่นๆมาที่สนามม้า แต่แทบทุกคนต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง ไม่มีม้าอสูรเหลือให้เช่าแล้วและแน่นอนว่าคงไม่มีใครบ้าวิ่งออกไปทำภารกิจด้วยเท้าเปล่า
ยกเว้นศิษย์บางคนที่มีสัตว์อสูรเป็นของตัวเอง พวกเขาก็ต้องหันหลังกลับและรอให้มีม้าอสูรมาก่อนค่อยออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
เหตุการณ์ที่สนามม้าไม่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ทุกคนคิดว่าคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
สำหรับยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มื้อเย็นวันนี้กลับมีศิษย์มาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนที่เคยพลาดได้กินอาหารจากโรงครัวของนิกายในที่สุดก็ได้ลิ้มรสอาหารที่พวกเขาฝันถึงและมีความสุขกันถ้วนหน้า
แต่หลังจากมื้อเย็นศิษย์หลายคนก็รีบไปที่ยอดเขาหลักเพื่อรับภารกิจ
อาหารมื้อนี้อร่อยมากพวกเขาไม่อยากพลาดในมื้อต่อๆไป จึงตั้งใจมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนอย่างเต็มที่
ค่ำคืนนี้ยอดเขาหลักก็ยังมีศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มารับภารกิจอีกหลายร้อยคน ถึงแม้จะน้อยลงมาก แต่ก็ยังทำให้ผู้ดูแลหอภารกิจรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
โชคดีที่ศิษย์เหล่านี้ทำตามกฎ ทุกคนรับภารกิจเพียงสามงานเท่านั้น ไม่มีใครเกินเลย
แต่ปัญหาหนึ่งคือเมื่อพวกเขาไปถึงสนามม้า กลับพบว่าไม่มีม้าอสูรระดับต่ำเหลืออยู่เลย
เมื่อเจอปัญหา ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ปรึกษากันและตัดสินใจไปเช่าม้าจากเมืองซานหยวนแทน
ค่ำคืนนี้ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์เงียบสงบผิดปกติ ศิษย์กว่าแปดในสิบส่วนได้ออกไปทำภารกิจ
ความเงียบสงบนี้ทำให้หลายคนรู้สึกไม่คุ้นเคย
ในขณะที่อยู่นอกนิกายศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์หลายคนยังคงมุ่งหน้าไปยังจุดหมายในความมืด ขี่ม้าอสูรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
พวกเขาเดินทางอย่างรวดเร็วไปยังสถานที่ทำภารกิจ แม้จะดึกดื่นแต่ศิษย์ผู้นี้ก็ไม่หยุดพัก เมื่อมาถึงบ้านของขุนนางท้องถิ่นในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง
“ข้าคือศิษย์ของนิกายเต๋าอี้ บอกข้ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ขุนนางที่กำลังนอนหลับอยู่รีบลุกขึ้นมาต้อนรับศิษย์นิกายด้วยความเคารพ แม้จะเห็นท่าทางเร่งรีบของอีกฝ่าย ก็ยังคงสงสัยและถามขึ้นอย่างสุภาพ
“ท่านเซียน มันดึกมากแล้ว จะดีกว่าถ้าเราค่อยว่าพูดคุยกันพรุ่งนี้...”
“ไม่ได้ ข้ามีธุระสำคัญต้องไปต่อ เจ้าเล่าเรื่องมาเถิด”
แม้ขุนนางจะรู้สึกงงงวย แต่ก็ยังบรรยายสถานการณ์ของวิญญาณชั่วร้ายในเมืองให้ศิษย์ฟังอย่างละเอียด
หลังจากรับข้อมูล ศิษย์ผู้นี้คิดไอเดียขึ้นได้ในการดึงดูดวิญญาณชั่วร้ายออกมาและเริ่มสั่งการให้ขุนนางจัดเตรียมคนให้
ไม่มีการหยุดพักแม้แต่น้อย วิญญาณชั่วร้ายถูกล่อออกมาและถูกกำจัดอย่างสำเร็จ
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ศิษย์ก็กลับมาขี่ม้าอีกครั้ง มองดูเวลาแล้วพึมพำเบาๆ ว่า
“เวลาคงพอให้ทานอาหารเช้าได้”
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันศิษย์คนนี้ได้ทำภารกิจที่รับมาเสร็จทั้งหมดสามงานและเมื่อมองเห็นท่าทีสับสนของขุนนางและคนอื่นๆเขาก็หายไปในความมืดในคืนนั้นและออกเดินทางกลับไปยังนิกายเต๋าอี้
ตั้งแต่เข้าเมืองจนถึงการกำจัดวิญญาณชั่วร้าย ใช้เวลาไม่ถึงเวลานั่งดื่มชา(ประมาณ10-15นาที)เลย