ตอนที่แล้วบทที่ 61 โชคดี!ที่ไม่มีอะไรร้ายแรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 กลับมารุ่งสาง เช้าออกไปอีกครั้ง

บทที่ 62 ข้ามีธุระสำคัญมาก!


พวกศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ต่างหลั่งไหลเข้ามารวดเร็วและจากไปอย่างเร็ว ไม่มีหยุดพักเลย เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ศิษย์นับหมื่นก็หายไปจากหอภารกิจ ทิ้งไว้เพียงบอร์ดภารกิจที่เริ่มโล่งที่แสดงว่าภารกิจถูกกวาดไปกว่าครึ่ง

“ข้า... ข้าว่าพวกมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ภารกิจหายเกลี้ยงอีกแล้ว!”

“นี่พวกมันเป็นโจรหรือไงกัน?”

เมื่อเห็นว่าภารกิจระดับต่ำถูกกวาดไปหมด เหลือเพียงภารกิจระดับสี่และห้าดาวที่ยากลำบาก ศิษย์จากยอดเขาอื่นๆถึงกับเดือกร้อน เพราะพวกเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เมื่อทนไม่ไหวแล้ว

เหมือนกับฝูงตั๊กแตนที่มากวาดกินทุกอย่างที่ขวางหน้า

ฉีซงที่เฝ้ามองเหตุการณ์จากในเงามืด กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์จะกวาดภารกิจไปหมดอีกครั้งรึเปล่า?

แต่ผู้อาวุโสสามกลับยังนิ่งเฉย เขากล่าวอย่างใจเย็นว่า

“ไม่ต้องกังวล ข้ามีแผนรองรับไว้แล้ว”

ไม่ช้าบอร์ดภารกิจก็แสดงภารกิจระดับต่ำชุดใหม่ขึ้นมา ทำให้ศิษย์จากยอดเขาอื่นๆ กลับมาสงบลงอีกครั้ง

“พวกศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มาเป็นกลุ่มใหญ่ เรื่องแบบนี้ก็เป็นธรรมดา ศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป”

คำพูดนี้ช่วยปลอบฉีซงได้เล็กน้อย เขาผ่อนคลายขึ้นและกล่าวว่า

“อืม ขอบใจเจ้ามาก”

“ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ทำตามกฎ หอภารกิจก็จะไม่เป็นอะไร”

“ก็ดี”

เมื่อเห็นว่าเรื่องจบแล้ว ฉีซงก็ออกจากหอภารกิจไป ในใจเขาภาวนาเงียบๆขอให้ความกังวลของตนเป็นเพียงแค่ความคิดมากเกินไปเท่านั้น

ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับภารกิจ ต่างทยอยมาถึงสนามม้าของนิกายเต๋าอี้ ที่นี่เลี้ยงม้าทั้งหมดของนิกาย แน่นอนว่าม้าเหล่านี้ไม่ใช่ม้าธรรมดา ม้าอสูรระดับต่ำสุดยังเป็นม้าครึ่งอสูร ส่วนม้าอสูรระดับสูงบางตัวยังเป็นม้าอสูรขั้นเซียนอีกด้วย

ศิษย์แต่ละคนต่างเลือกม้าที่เหมาะสมกับตัวเองตามระดับของพวกเขาเอง

เมื่อมีศิษย์จำนวนมากเข้ามาพร้อมกัน ทำให้ผู้ดูแลสนามม้าถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ

“พวกเจ้า...ทำอะไรกัน?”

“ข้ามาเช่าม้า ขอเป็นม้ามังกรดำสักตัวเถิด”

“ข้าเอาม้ามังกรเช่นกัน”

“ที่นี่ก็ขอเป็นม้ามังกร”

“ข้าด้วย”

“ขอเป็นม้าสายลม”

“ข้าขอเป็นม้าสายฟ้า”

ศิษย์นับไม่ถ้วนต่างคนต่างขอเช่าม้า ทำให้ม้าอสูรระดับต่ำในสนามม้าหายไปกว่าครึ่ง ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ เหลือเพียงม้าอสูรระดับสูงเท่านั้น

“สหายทั้งหลาย อย่าลืมเป้าหมายของพวกเราต้องรีบทำให้ไว”

“วางใจเถิด ศิษย์พี่”

“เช่นนั้น พบกันที่นิกาย”

“ตกลง”

ที่ทางเข้าสนามม้า กลุ่มศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ขี่ม้าอสูรออกมา ทยอยโบกมืออำลากัน จากนั้นก็แยกย้ายกันออกจากนิกายไปยังทิศทางต่างๆ อย่างรวดเร็ว

ผู้ดูแลสนามม้าที่เห็นทุกอย่างเต็มตา ยังคงสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น “วันนี้มีศิษย์มากมายออกนอกนิกายเช่นนี้ได้อย่างไร?”

สนามม้าของนิกายเต๋าอี้ มีม้าอสูรไว้ให้ศิษย์ใช้สำหรับเดินทางไปนอกนิกาย ม้าอสูรเหล่านี้มีความเร็วสูงมาก แต่การเช่าม้านั้นต้องใช้แต้มสะสมของนิกายและราคาก็แตกต่างกันไปตามระดับของม้าอสูร

ม้าอสูรระดับต่ำยังพอไหว แต่สำหรับม้าอสูรระดับสูง ไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาจะสามารถเช่าได้ แม้จะมีแต้มสะสมก็ตาม เพราะส่วนใหญ่ศิษย์จะเก็บแต้มไว้แลกยาเม็ดหรือวิชามากกว่า

ไม่นานนักศิษย์จากยอดเขาอื่นๆก็ทยอยมาที่สนามม้าเช่นกัน บ้างก็มีธุระต้องออกนอกนิกาย บ้างก็ไปรับภารกิจ บ้างก็ไปทำธุระอื่น ๆ

แต่เมื่อพวกเขามาถึงสนามม้า ก็ถึงกับตะลึงเมื่อพบว่า ม้าอสูรระดับต่ำในสนามม้าเหลือเพียงไม่กี่ตัว

“เฮ้ย สนามม้านี่ถูกปล้นไปหรือไง?”

ก่อนหน้านี้ ม้าที่เคยมีอยู่เต็มสนาม ตอนนี้หายไปครึ่งหนึ่ง ทำเอาพวกเขาตกตะลึง แต่หลังจากความตกใจ พวกเขาก็ต้องจำใจเช่าม้าที่เหลืออยู่ แล้วออกนอกนิกายไปตามทางของพวกเขา

กลุ่มศิษย์ที่มาถึงสนามม้าภายหลังต่างก็ต้องตกตะลึงเช่นกันและเมื่อเวลาผ่านไป ม้าอสูรในสนามก็ยิ่งลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุด ม้าอสูรระดับต่ำก็หมดไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อศิษย์ชุดใหม่มาถึงและเห็นว่าบริเวณม้าอสูรระดับต่ำมีแต่ลานที่ว่างเปล่า พวกเขาตะโกนด้วยความตกใจ

“โห! ม้าหายไปไหนหมดเนี่ย?”

พวกเขารู้สึกหมดหนทาง เมื่อรับภารกิจมาแล้วแต่ม้าอสูรกลับไม่มีเหมือนเจอเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น

เมื่อถามผู้ดูแลสนามม้าก็ได้รับคำตอบว่า ม้าอสูรระดับต่ำทั้งหมดถูกเช่าไปหมดแล้ว เหลือเพียงม้าอสูรระดับสูงเท่านั้น

แต่เมื่อถามราคาม้าอสูรพวกศิษย์ต่างหน้าเสียเพราะพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ ม้าอสูรระดับสูงมีราคาแพงเกินไป

พวกเขาเป็นเพียงศิษย์ภายนอกชนชั้นธรรมดาต่อให้มีแต้มสะสมเพียงพอ ก็ไม่สามารถควบคุมม้าอสูรระดับสูงได้

เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของศิษย์เหล่านั้น ผู้ดูแลสนามม้าก็ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า

“บางทีพวกเจ้าคงต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้ บางทีอาจมีศิษย์คืนม้าอสูรระดับต่ำแล้วพวกเจ้าก็จะได้เช่า”

“ก็คงต้องรอไปก่อน”

พวกศิษย์ถอนหายใจอย่างหมดหวัง ากนั้นจึงกลับไปยังนิกายเสียเวลาไปเปล่าๆหนึ่งวันเต็มๆทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นก็ยังมีศิษย์กลุ่มอื่นๆมาที่สนามม้า แต่แทบทุกคนต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง ไม่มีม้าอสูรเหลือให้เช่าแล้วและแน่นอนว่าคงไม่มีใครบ้าวิ่งออกไปทำภารกิจด้วยเท้าเปล่า

ยกเว้นศิษย์บางคนที่มีสัตว์อสูรเป็นของตัวเอง พวกเขาก็ต้องหันหลังกลับและรอให้มีม้าอสูรมาก่อนค่อยออกเดินทางในวันพรุ่งนี้

เหตุการณ์ที่สนามม้าไม่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ทุกคนคิดว่าคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

สำหรับยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มื้อเย็นวันนี้กลับมีศิษย์มาน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนที่เคยพลาดได้กินอาหารจากโรงครัวของนิกายในที่สุดก็ได้ลิ้มรสอาหารที่พวกเขาฝันถึงและมีความสุขกันถ้วนหน้า

แต่หลังจากมื้อเย็นศิษย์หลายคนก็รีบไปที่ยอดเขาหลักเพื่อรับภารกิจ

อาหารมื้อนี้อร่อยมากพวกเขาไม่อยากพลาดในมื้อต่อๆไป จึงตั้งใจมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนอย่างเต็มที่

ค่ำคืนนี้ยอดเขาหลักก็ยังมีศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์มารับภารกิจอีกหลายร้อยคน ถึงแม้จะน้อยลงมาก แต่ก็ยังทำให้ผู้ดูแลหอภารกิจรู้สึกกังวลอยู่บ้าง

โชคดีที่ศิษย์เหล่านี้ทำตามกฎ ทุกคนรับภารกิจเพียงสามงานเท่านั้น ไม่มีใครเกินเลย

แต่ปัญหาหนึ่งคือเมื่อพวกเขาไปถึงสนามม้า กลับพบว่าไม่มีม้าอสูรระดับต่ำเหลืออยู่เลย

เมื่อเจอปัญหา ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ปรึกษากันและตัดสินใจไปเช่าม้าจากเมืองซานหยวนแทน

ค่ำคืนนี้ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์เงียบสงบผิดปกติ ศิษย์กว่าแปดในสิบส่วนได้ออกไปทำภารกิจ

ความเงียบสงบนี้ทำให้หลายคนรู้สึกไม่คุ้นเคย

ในขณะที่อยู่นอกนิกายศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์หลายคนยังคงมุ่งหน้าไปยังจุดหมายในความมืด ขี่ม้าอสูรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

พวกเขาเดินทางอย่างรวดเร็วไปยังสถานที่ทำภารกิจ แม้จะดึกดื่นแต่ศิษย์ผู้นี้ก็ไม่หยุดพัก เมื่อมาถึงบ้านของขุนนางท้องถิ่นในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง

“ข้าคือศิษย์ของนิกายเต๋าอี้ บอกข้ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ขุนนางที่กำลังนอนหลับอยู่รีบลุกขึ้นมาต้อนรับศิษย์นิกายด้วยความเคารพ แม้จะเห็นท่าทางเร่งรีบของอีกฝ่าย ก็ยังคงสงสัยและถามขึ้นอย่างสุภาพ

“ท่านเซียน มันดึกมากแล้ว จะดีกว่าถ้าเราค่อยว่าพูดคุยกันพรุ่งนี้...”

“ไม่ได้ ข้ามีธุระสำคัญต้องไปต่อ เจ้าเล่าเรื่องมาเถิด”

แม้ขุนนางจะรู้สึกงงงวย แต่ก็ยังบรรยายสถานการณ์ของวิญญาณชั่วร้ายในเมืองให้ศิษย์ฟังอย่างละเอียด

หลังจากรับข้อมูล ศิษย์ผู้นี้คิดไอเดียขึ้นได้ในการดึงดูดวิญญาณชั่วร้ายออกมาและเริ่มสั่งการให้ขุนนางจัดเตรียมคนให้

ไม่มีการหยุดพักแม้แต่น้อย วิญญาณชั่วร้ายถูกล่อออกมาและถูกกำจัดอย่างสำเร็จ

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ศิษย์ก็กลับมาขี่ม้าอีกครั้ง มองดูเวลาแล้วพึมพำเบาๆ ว่า

“เวลาคงพอให้ทานอาหารเช้าได้”

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันศิษย์คนนี้ได้ทำภารกิจที่รับมาเสร็จทั้งหมดสามงานและเมื่อมองเห็นท่าทีสับสนของขุนนางและคนอื่นๆเขาก็หายไปในความมืดในคืนนั้นและออกเดินทางกลับไปยังนิกายเต๋าอี้

ตั้งแต่เข้าเมืองจนถึงการกำจัดวิญญาณชั่วร้าย ใช้เวลาไม่ถึงเวลานั่งดื่มชา(ประมาณ10-15นาที)เลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด