บทที่ 42 ไข่มุกทะเลสาบตะวันออกขั้นสี่
บทที่ 42 ไข่มุกทะเลสาบตะวันออกขั้นสี่
“หืม?” จ้าวซิงตั้งใจเงี่ยหูฟังเสียงลม
“มีอะไรหรือคุณชาย?” ซวีเหล่าเป้าที่เพิ่งขึ้นมาบนเรือ สะบัดน้ำที่อยู่ในหูออกมา เนื่องจากเมื่อครู่เขาดำลงน้ำแรงเกินไป
“ชู่ อย่าส่งเสียง”
ซวีเหล่าเป้าจึงหยุดนิ่งทันที สีหน้าดูจะตึงเครียดไปเล็กน้อย หรือว่าจะมีสิ่งสกปรกอยู่แถวนี้? ไม่น่าจะใช่สิ ข้าเพิ่งไปไหว้ท่านเทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกมาตอนกลางวันนะ! ข้าไหว้ด้วยความจริงใจนะ! ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงคุณนายตระกูลหวังด้วยซ้ำ!
“พายเรือไปทางนั้น” จ้าวซิงชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เริ่มใช้วิชาการมองเห็นยามค่ำคืน เพื่อขยายขอบเขตการมองเห็น
แม้จะมีน้ำในทะเลสาบขวางอยู่ แต่หากความลึกของน้ำไม่เกินสิบกว่าเมตรและไม่ขุ่นจนเกินไป จ้าวซิงก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“โอ้ โอ้!” ซวีเหล่าเป้าออกแรงพายเรือ เขาไม่กล้าถามอะไรมากอีกต่อไปแล้ว เพราะคุณชายผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มาทำอะไรเช่นนี้ เขารู้สึกว่าจ้าวซิงดูจะเชี่ยวชาญยิ่งกว่านักงมหาสมบัติในแม่น้ำเสียอีก
“วิญญาณเร่ร่อนหลีกเลี่ยงไปโดยไม่รู้ตัว สิ่งนั้นคืออะไรกันแน่? เย็น...สว่าง นี่ก็ตรงกับลักษณะของไข่มุกทะเลสาบตะวันออก แต่ถ้าไข่มุกทะเลสาบตะวันออกจะมีอานุภาพถึงขั้นทำให้วิญญาณหวาดกลัวได้ อย่างน้อยต้องเป็นขั้นสามขึ้นไป”
จ้าวซิงเพ่งสมาธิใช้วิชา การมองเห็นยามค่ำคืน มองไม่หยุด ขณะนี้เป็นช่วงใกล้ยามเหม่า พลังของทรัพย์ผีกำลังแข็งแกร่งที่สุด
หากไม่สามารถหาเจอภายในหนึ่งเค่อ (15 นาที) หลังจากนี้จะหาได้ยากมาก
ช่วงเวลาที่พลังโชคลาภแข็งแกร่ง เดินไปทางไหนก็เจอสมบัติ แต่ถ้าอ่อนแอแม้จะถือสมบัติอยู่ในมือก็ยังไม่รู้
“ถ้ายามเหม่าที่สองยังหาไม่เจอ ยามที่สามก็คงยากจะพบ” จ้าวซิงหยิบไม้ไผ่ขึ้นมาและออกแรงพายพร้อมกับซวีเหล่าเป้า พายตามทิศทางของเสียงลม
หลังจากออกแรงพายอยู่ครึ่งเค่อ จู่ ๆ ดวงตาของจ้าวซิงก็เปล่งประกาย “หยุด!”
ในตอนนี้ บริเวณก้นทะเลสาบมีแนวปะการังอยู่แห่งหนึ่ง ใต้ปะการังมีเต่าตายอยู่ตัวหนึ่ง ในปากคาบไข่มุกสีฟ้าอ่อนเอาไว้
เนื่องจากแนวปะการังไขว้กัน จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นจากอีกสามทิศทางบนผิวน้ำได้ มีเพียงทิศทางที่จ้าวซิงอยู่เท่านั้นที่สามารถมองเห็นไข่มุกเม็ดนี้
“เต่า? ที่แท้ก็หมายถึงสิ่งนี้ ข้ายังนึกว่าเป็นคำพูดไร้สาระอะไรอยู่...ซวีเหล่าเป้า เจ้าดำน้ำได้ลึกแค่ไหน?”
ซวีเหล่าเป้าตบอกตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ “ภายในสามสิบเมตรเป็นพื้นที่ที่ข้าซวีเหล่าเป้าสามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด”
จ้าวซิงพยักหน้า “ดี เจ้าจงดำน้ำลงไปตรงนี้ ลึกลงไปสิบห้าเมตร จะพบแนวปะการังขนาดสิบเมตร เมื่อไปยังทิศใต้ของปะการัง จะมีช่องไขว้ ให้ดำลงไปเฉียง ๆ อีกสามฉื่อเจ็ดชุ่น(1.23 เมตร) ก็จะเจอสมบัติ!”
“ได้เลย! คุณชายรอดูได้เลย!” ซวีเหล่าเป้าเห็นจ้าวซิงพูดอย่างมั่นใจ เขาก็ขยับตัวด้วยความตื่นเต้นและกระโดดลงน้ำทันที
จ้าวซิงเฝ้ามองอยู่บนเรืออย่างเงียบ ๆ
ซวีเหล่าเป้าไม่ได้พูดเกินจริงเลย เขาดำลงไปอย่างง่ายดาย ตามทิศทางที่จ้าวซิงชี้แนะ และพบไข่มุกสีฟ้าในปากของเต่าตายตัวนั้นอย่างง่ายดาย
จากนั้นซวีเหล่าเป้าก็ค่อย ๆ ว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ พร้อมกับแสงสีฟ้าเลือนลางที่ค่อย ๆ สั่นไหวในคลื่นน้ำ
“คุณชาย คุณชาย! มีสมบัติจริง ๆ ด้วย!” ซวีเหล่าเป้าก็ตื่นเต้นเช่นกัน
“รีบขึ้นมา” จ้าวซิงรีบพาเขาขึ้นมาบนเรือ
“ฟู่...ฟู่...” ซวีเหล่าเป้าวางไข่มุกไว้บนเรือลำน้อย แล้วสูดอากาศเข้าไป เขารู้สึกหนาวเล็กน้อยทั้ง ๆ ที่เป็นฤดูร้อน และทั้งหมดนี้ก็เพราะไข่มุกเม็ดนี้
“ไข่มุกทะเลสาบตะวันออกขั้นสี่ แถมยังเป็นไข่มุกน้ำแข็งที่หายากมาก รูปทรงแบบนี้...น่าจะเป็นขั้นสี่ระดับกลาง” จ้าวซิงหยิบไข่มุกขึ้นมาพิจารณาในมือ
ความเย็นแผ่ซ่านมาจากในมือ ราวกับว่ากำลังกุมก้อนน้ำแข็งไว้
ซวีเหล่าเป้าไม่อาจทนต่อความเย็นได้ แต่สำหรับจ้าวซิงซึ่งมีรวมพลังขั้นสามจึงไม่มีปัญหา
“ยินดีด้วยคุณชาย! ได้ไข่มุกทะเลสาบตะวันออกขั้นสามเม็ดหนึ่ง” ซวีเหล่าเป้ารีบแสดงความยินดี เขาจำไม่ได้ว่านี่คือขั้นสี่ จึงคิดว่าเป็นแค่ขั้นสาม เพราะทั้งชีวิตเขาไม่เคยเห็นไข่มุกขั้นสี่มาก่อนเลย
“ต้องขอบใจเจ้ามาก” จ้าวซิงยิ้มเล็กน้อยและเก็บไข่มุกไว้ “กลับไปแล้ว จะไม่ลืมเงินรางวัลของเจ้า”
“ขอบคุณคุณชาย” ซวีเหล่าเป้ายิ้มกว้าง ตามสัญญาแล้วเขาจะไม่ได้ส่วนแบ่งอะไร แต่ถ้านายท่านพอใจก็จะมีรางวัลให้ ซึ่งนี่ถือเป็นกำไรที่ได้มาโดยไม่ได้คาดหวัง
สำหรับนักงมหาสมบัติในแม่น้ำ การได้เงินรางวัลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะหากเป็นการหาเงินอย่างแน่นอนแบบนี้ นักงมหาสมบัติในแม่น้ำก็คงทำกันเองหมดแล้ว เรื่องนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนอยู่มาก
“เพียงไข่มุกเม็ดนี้ ก็เรียกได้ว่าร่ำรวยในพริบตาแล้ว” จ้าวซิงคิดในใจ
ไข่มุกทะเลสาบตะวันออกขั้นสี่ เป็นสมบัติที่เกิดจาก ‘การเปลี่ยนแปลงฤดู’ และมีโอกาสเกิดขึ้นเฉพาะช่วงสิบปีเท่านั้น ส่วนไข่มุกน้ำแข็งยิ่งหายาก อย่างน้อยก็น่าจะขายได้สักห้าร้อยตำลึง!
“ไข่มุกน้ำแข็งขั้นสี่มีประโยชน์ต่อผู้ฝึกยุทธ์มากที่สุด สามารถลดความเสียหายของร่างกายจากการฝึกวิชาธาตุไฟได้อย่างสูงสุด หรือจะใช้เพื่อเสริมการฝึกวิชาธาตุน้ำก็ได้ หากเจอผู้ซื้อที่ใช่ ราคาก็อาจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
เมื่อได้สมบัติ จ้าวซิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
เดิมทีได้ไข่มุกน้ำแข็งมาก็สามารถกลับได้แล้ว แต่ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว ยังเหลืออีกหนึ่งยามเหม่า จะพลาดได้อย่างไร ใครจะเกลียดเงินเยอะ ๆ กันเล่า?
ในช่วงครึ่งชั่วยามที่เหลือ อิทธิพลของพลังทรัพย์ผีเริ่มลดลง
แต่ด้วยวิชาการมองเห็นยามค่ำคืน จ้าวซิงก็ยังหาไข่มุกทะเลสาบตะวันออกขั้นหนึ่งมาได้อีกกว่าสิบเม็ด
ซวีเหล่าเป้าถึงกับนับถือจ้าวซิงจนหมดหัวใจ
ลงน้ำทุกครั้งต้องได้สมบัติ ไม่เคยผิดพลาด เจ้าว่าเจ้าเชื่อไหม?
กลับไปเล่าคงไม่มีใครเชื่อแน่!
……
เวลาผ่านไป ในยามต่อไป จ้าวซิงก็ไม่พบสิ่งดี ๆ อีก มีเพียงต่างหูฝังมรกตชิ้นหนึ่งที่ไม่รู้ว่าของภรรยาคุณชายท่านใดตกตอนนั่งเรือเล่น
“มีข้างเดียวไม่ได้เป็นคู่ น่าจะมีมูลค่าราวเจ็ดถึงแปดตำลึง”
“คงได้เวลากลับแล้ว” จ้าวซิงมองปฏิทินกำจัดเคราะห์
เวลานี้เป็นยามไห่สี่เค่อ (22.00 น.) หลังจากนี้คงไม่พบอะไรอีก โดยเฉพาะหลังยามจื่อ หากยังพยายามหาทรัพย์ผีต่อจะกลายเป็นโชคร้ายแทน
“ซวีเหล่าเป้า เรากลับกันเถอะ” จ้าวซิงตัดสินใจเก็บของ
“ได้เลย!” ซวีเหล่าเป้าเองก็พอใจเต็มที่ ผลงานในวันนี้พอให้เขาเอาไปคุยโวกับเพื่อนได้นานทีเดียว
“อ๊า—”
“มีคนตกน้ำ!”
“เรือใหญ่รีบไปช่วยเร็ว!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมา ซวีเหล่าเป้าชะงักไปแล้วหันไปถามจ้าวซิง “คุณชาย ดูเหมือนจะมีคนตกน้ำตรงนั้น”
“เห็นแล้ว แต่มีคนลงน้ำไปช่วยแล้ว เราไม่ต้องเป็นห่วง”
“จริงด้วย คนในทะเลสาบตะวันออกสิบคนเก้าคนว่ายน้ำเป็น” ซวีเหล่าเป้าเริ่มพายกลับฝั่ง
เมื่อพายผ่านคลองที่มีพุ่มหญ้าขึ้น ก็พบว่าโคมแม่น้ำลอยเข้ามา ส่องแสงสว่างไปทั่วคลองหญ้า
เห็นเพียงเรือลำเล็กจอดอยู่ตรงนั้น บนเรือมีเด็กสาวยืนอยู่ นางคือหลินไป๋เวยที่เคยพบก่อนหน้านี้นั่นเอง
เมื่อเห็นเรือลำใหญ่และโคมบัวลอยมา ใบหน้าของนางก็เผยให้เห็นถึงความลำบากใจ
โดยเฉพาะเมื่อจ้าวซิงและซวีเหล่าเป้าปรากฏตัว ก็ยิ่งทำให้นางตั้งตัวไม่ติด เพราะนางเปียกโชกไปทั้งตัว ร่างอรชรของนางเผยให้เห็นราง ๆ ในแสงโคมบัว และสิ่งที่นางกังวลที่สุดก็คือป้าของนางยังอยู่ในน้ำ
หากเรือลำใหญ่ลอยเข้ามา ถูกผู้คนรุมมองดู จะเท่ากับเป็นการเปิดเผยให้อับอายต่อหน้าธารกำนัล
“นี่มัน...” ซวีเหล่าเป้าก้มหน้าลงทันที เตรียมจะพายเรืออ้อมไป
“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น” จ้าวซิงห้ามเขาไว้ จากนั้นใช้วิชาเรียกลมครอบคลุมทั้งคลองหญ้า ปกปิดหลินไป๋เวยและหลินซานเหนียงเอาไว้
“ขอบคุณ” เสียงอันเบาราวกับเสียงยุงดังมาในสายลม
จ้าวซิงและซวีเหล่าเป้าขึ้นฝั่ง