ตอนที่แล้วบทที่ 40 การมองเห็นยามค่ำคืน มองเห็นผีและเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 ไข่มุกทะเลสาบตะวันออกขั้นสี่

บทที่ 41 เก็บใยไหมจากทะเลสาบ


บทที่ 41 เก็บใยไหมจากทะเลสาบ

วิญญาณอ้วนท้วนเดินไปยังแสงสีทองอย่างมึนงง ก่อนที่ร่างจะบิดเบี้ยวและถูกดูดเข้าไปในโคมเชิญวิญญาณ

จ้าวซิงเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ขัดขวาง เพราะทรัพย์ผีนี้ดูจะอยู่ไกลเกินไป อีกทั้งหากต้องถามซอกแซกถึงที่ซ่อนของทรัพย์ ก็อาจต้องช่วยวิญญาณอ้วนตนนี้สะสางเรื่องในใจอีกด้วย

มันยุ่งยากเกินไป จ้าวซิงมาหาทรัพย์ผีก็เพื่อหวังความร่ำรวยในพริบตาเท่านั้น หากต้องอ้อมไปอ้อมมามากมาย ข้าไปปลูกผักยังจะดีกว่า

นอกจากนี้ มันยังเกี่ยวข้องกับการทดสอบของศาลเจ้า หากมองในมุมกลับกัน เขาเองก็คงไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องให้หมางใจกันเพื่อเงินเพียงเล็กน้อย

“ไม่ต้องรีบ โอกาสมีอีกมาก” จ้าวซิงไม่มองต่อ แล้วกลับไปยังร้านขายของทันที

ซวีเหล่าเป้าเห็นจ้าวซิงกลับมา ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะเขาเกรงว่าจ้าวซิงจะหายไปแล้วไปพูดเรื่องไร้สาระจนทำลายชื่อเสียงของนักงมหาสมบัติในแม่น้ำ

“คุณชายให้ข้ารออยู่ดี ๆ แล้วจู่ ๆ ก็หายวับไป”

“อ้อ ไปเห็นคนคุ้นหน้า เดินต่อเถอะ เราไปดูที่เขตทะเลสาบใต้กัน”

เป็นคำพูดส่ง ๆ อีกแล้ว ซวีเหล่าเป้าจึงไม่ถามอะไรต่อ เมื่อเห็นว่าจะได้ลงมือทำงานก็มีแรงฮึดขึ้นมา หยิบอุปกรณ์แล้วเดินตามไป

เมื่อมาถึงเขตทะเลสาบใต้ ที่นี่ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ แต่แสงส่วนใหญ่มาจากในทะเลสาบ มิใช่บนพื้นดิน

บรรยากาศก็เงียบสงบขึ้น ไม่มีเสียงจอแจมากมายเหมือนเดิม

“อ๊ะ?” ขณะเดินอยู่บนสะพานริมน้ำ ซวีเหล่าเป้าหยุดฝีเท้าลง แล้วมองไปยังทิศทางหนึ่ง

“มีอะไรหรือ?” จ้าวซิงถาม

“อ้อ เห็นคนคุ้นหน้า” ซวีเหล่าเป้าโบกมือ

“...” จ้าวซิงมองเขาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เอาเถอะ คราวนี้เป็นเจ้ามาพูดส่ง ๆ กับข้าแล้วสินะ

แต่คราวนี้จ้าวซิงกลับคิดผิดเกี่ยวกับซวีเหล่าเป้าจริง ๆ

“คุณชายอย่าเข้าใจผิด ข้าเห็นคนคุ้นหน้าจริง ๆ ท่านเห็นหญิงที่ใส่เสื้อผ้าสีขาวอยู่ตรงนั้นไหม? ใช่แล้ว เป็นผู้หญิงสองคนที่อยู่บนเรือลำน้อยนั่นน่ะ” ซวีเหล่าเป้าชี้ไปทางหนึ่ง

“เห็นแล้ว” จ้าวซิงพยักหน้า ไม่ไกลจากนั้น มีเรือลำเล็กจอดอยู่ริมฝั่ง มีหญิงสองคนนั่งอยู่บนเรือ มีแสงไฟเล็ก ๆ สองสามดวงกำลังลุกโชน ดูเหมือนว่ากำลังยุ่งอยู่กับอะไรบางอย่าง

“หลินซานเหนียงจากหัวคลองผิงสี่ เป็นคนที่มาจากที่เดียวกับข้า สามีของนางเคยทำงานนี้เหมือนกัน แต่ภายหลังเขาประสบอุบัติเหตุ นางจึงรับหน้าที่แทน กลายเป็นนักงมหาสมบัติในแม่น้ำคนใหม่”

“แต่นับตั้งแต่ที่ลูกชายของนางตั้งตัวได้ นางก็เลิกลงน้ำไปหลายปีแล้ว ไม่รู้ทำไมนางถึงกลับมาทำงานนี้อีกในวันนี้” ซวีเหล่าเป้าพูดด้วยความสงสัย

จ้าวซิงจ้องมองอย่างละเอียดด้วยวิชาการมองเห็นยามค่ำคืน  เขามองออกว่าซวีเหล่าเป้าไม่ได้โกหก หญิงวัยกลางคนคนนั้นแต่งตัวและใช้อุปกรณ์คล้ายกับซวีเหล่าเป้า

ส่วนหญิงสาววัยรุ่นคนนั้นกลับแต่งตัวสะอาดเรียบร้อย เสื้อผ้าสีขาวบนตัวมีประกายแสงจาง ๆ

“หืม? เสื้อผ้าวิชาอาคมระดับหนึ่ง?” จ้าวซิงหันไปมองซวีเหล่าเป้า “ลูกสาวนางเป็นนักทอผ้าแห่งสำนักทอผ้าใช่หรือไม่?”

ซวีเหล่าเป้าส่ายหัว “นางไม่มีลูกสาว นั่นคือหลานสาวของนาง หลินไป๋เวย ก็พอจะถือเป็นลูกสาวได้ เพราะถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ดูเหมือนจะเข้าสำนักทอผ้าแห่งเมืองกู่เฉิงด้วย”

นักทอผ้าเป็นข้าราชการสำนักทอผ้า ในราชวงศ์ต้าโจว แนวคิดค่อนข้างเปิดกว้าง หญิงสาวออกไปทำงานหรือเป็นข้าราชการก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา

อาชีพทอผ้า เป็นงานหลักในการ “ทอเสื้อผ้าวิชาอาคม” และยังเป็นหนึ่งในอาชีพวิชาอาคมที่สำคัญมากด้วย

จ้าวซิงพยักหน้าเล็กน้อย “ดูท่าว่าหลินซานเหนียงคงกลับมาทำงานนี้เพื่อหลานสาวของนาง”

ซวีเหล่าเป้าถามว่า “คุณชายรู้ได้อย่างไร?”

จ้าวซิงชี้ไปทางนั้นแล้วพูดว่า “หลินซานเหนียงไม่ได้มางมสมบัติ แต่มาเก็บใยไหมจากทะเลสาบต่างหาก”

“การทดสอบของสำนักทอผ้า ส่วนมากเกี่ยวข้องกับการทอเสื้อผ้าวิชาอาคม”

“ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูสิ้นร้อนเดือนแปด หนอนไหมตัวแรก ตัวสอง และตัวสุดท้ายก็ไม่มีให้เห็นแล้ว”

“เหลือเพียงใยไหมจากทะเลสาบเท่านั้นที่ยังหาได้ และคุณภาพดีกว่าด้วย”

เมื่อเห็นซวีเหล่าเป้าทำหน้าตื่นตะลึง จ้าวซิงจึงมีอารมณ์อธิบายต่ออีกเล็กน้อย “การทอผ้าที่ไม่ได้มีระดับโดยมากจะใช้ใยไหมนี้เป็นวัสดุ ไหมที่ขาวและเหนียวนุ่มที่สุดนั้นสามารถทอออกมาเป็นเสื้อผ้าวิชาอาคมที่เรียกว่า ‘เหอหลอ’ ได้”

“สวมใส่แล้วจะอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน ช่วยขับไล่ความหนาวชื้น และยังช่วยให้เด็กที่ร่างกายอ่อนแอมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นอีกด้วย”

“วัสดุด้อยลงมาจะทอออกมาเป็นเสื้อ ‘ช่วนอู่’ ส่วนด้อยที่สุดคือเสื้อ ‘เฟยกวง’”

“ใยไหมจากทะเลสาบทอออกมาได้ส่วนมากจะเป็นเสื้อเหอหลอ แต่เงื่อนไขการเก็บใยไหมจากทะเลสาบค่อนข้างเข้มงวด โดยทั่วไปจะหาได้เฉพาะช่วงก่อนและหลังเทศกาลปล่อยโคมแม่น้ำนี้ และต้องเป็นเวลากลางคืนเท่านั้น กลางวันหนอนไหมทะเลสาบจะหดตัวจนหาไม่เจอ”

“ดังนั้นข้าจึงบอกว่าหลินซานเหนียงกลับมาทำงานนี้เพื่อหลานสาวของนาง เพราะเรื่องนี้พวกนักงมหาสมบัติในแม่น้ำทำได้รวดเร็วกว่ามาก”

ซวีเหล่าเป้าได้ฟังก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมา “คุณชายรู้มากจริง ๆ”

จ้าวซิงยิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นคนคุ้นเคย เจ้าจะไปทักทายหน่อยไหม? ข้าไม่รีบ”

ซวีเหล่าเป้ารีบส่ายหัว “หลินซานเหนียงจะต้องถอดเสื้อผ้าเมื่อลงน้ำ หากบังเอิญไปเจอเข้า...ข้าซวีเหล่าเป้าไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก! ไม่ไป ไม่ไป”

จ้าวซิงหัวเราะเบา ๆ จึงวางใจในตัวซวีเหล่าเป้ามากขึ้น

เมื่อบนฝั่งมีศาลเจ้าคอยจัดการการทดสอบ จ้าวซิงจึงเช่าเรือลำน้อยเพื่อลงน้ำ

ตอนนี้คนที่ปล่อยโคมแม่น้ำมีน้อยมากแล้ว บนผืนน้ำยังมีเรือลำใหญ่เพียงไม่กี่ลำและเรือลำน้อยกว่าสิบลำ แสงเทียนส่องเป็นจุด ๆ เงียบสงบรอบด้าน

จ้าวซิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เงี่ยหูฟังและมองอย่างสงบ

ไม่ได้เห็นคนสักคน แต่วิญญาณเร่ร่อนกลับเห็นไม่น้อย

บางตนนอนพาดอยู่ข้างโคมแม่น้ำ บางตนว่ายไปมาอยู่ใต้ผิวน้ำ กำลังดูดซับกระดาษเหลืองและควันธูป

วิญญาณเร่ร่อนเหล่านี้ไม่ใช่คนทั้งหมด ยังมีวิญญาณของสิ่งมีชีวิตในน้ำ หรือบางทีก็เป็นสิ่งประหลาดต่าง ๆ รวมกัน

เช่น ขณะที่เรือลำน้อยของจ้าวซิงพายผ่านไปยังที่แห่งหนึ่ง เขาเห็นวิญญาณเร่ร่อนที่มีหัวเป็นปลาแต่ร่างเป็นคน

แม้จะมีชีวิตยืนยาวก็จะถูกเจ้าหน้าที่ทำการกวาดล้างอย่างสม่ำเสมอ

เขายังได้ยินอีกว่า

“เจ้าจะทำอะไร?”

“ข้าจะไปที่นั่น”

“เจ้าจะทำอะไร?”

“ข้าจะไปที่นั่น”

ที่โคมแม่น้ำขนาดใหญ่ดวงหนึ่งในระยะไม่ไกล มีวิญญาณเร่ร่อนรูปร่างประหลาดสองตัวกำลังโต้ตอบกันอย่างเป็นกลไก ซ้ำไปซ้ำมาด้วยสองประโยคนี้ ประโยคหนึ่งถามว่าจะทำอะไร อีกประโยคหนึ่งตอบว่าจะไปที่นั่น เมื่อขาดสติปัญญาไป เหลือเพียงวิญญาณ ก็จะเป็นเช่นนี้

ก็อย่างที่ว่าไป วิญญาณเร่ร่อนเหล่านี้ไม่มีพลังโจมตีแต่อย่างใด เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ส่วนใหญ่จะสลายไปภายในเจ็ดวัน

“หยุดที่นี่” จ้าวซิงชี้ไปที่จุดหนึ่ง

ซวีเหล่าเป้าจึงพายเรือไปทันที พลางมองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาเป็นประกาย “คุณชาย พื้นผิวน้ำตรงนี้ใสแจ๋ว แต่กลับมีปลาว่ายไปมามากมาย คงจะมีสมบัติล่อพวกมันอยู่ ข้าจะลงน้ำลองดู”

“อืม” วิชาการมองเห็นยามค่ำคืน ของจ้าวซิงมองเห็นก้นทะเลสาบได้ชัดเจน ด้านล่างมีไข่มุกทะเลสาบตะวันออกระดับหนึ่งชั้นเลิศอยู่สองเม็ด

ราคานั้นธรรมดา ๆ ราคาตลาดเพียงหนึ่งตำลึงเงิน หากมีรูปทรงสวยงามอาจขายได้แพงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่จะไม่เกินสองตำลึง

เพราะทะเลสาบตะวันออกมีของเช่นนี้อยู่มาก หากเป็นระดับสองหรือสามจึงจะขายได้ราคาดี

เป็นไปตามคาด ไม่นานซวีเหล่าเป้าก็โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ในมือถือไข่มุกสีใสขนาดเท่าไข่ไก่ไว้ “คุณชาย ข้าเก็บไข่มุกได้สองเม็ด!”

“ขอบใจ ขึ้นมาเร็ว” จ้าวซิงรับไข่มุกทั้งสองเม็ดมา ทั้งสองเม็ดเป็นระดับหนึ่งชั้นเลิศ นี่ก็น่าจะพอคืนทุนแล้ว

ยังไม่ทันได้ชื่นชมมากนัก จู่ ๆ ในสายลมก็มีเสียงแปลก ๆ แว่วมา

“แสง...ช่างสว่างยิ่งนัก สว่างจนแสบตา”

“เต่า...เต่า ตรงนั้น...หนาวเสียจริง หนาวจนข้าจะตายแล้ว ข้าต้องหนีไปไกลๆ”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด