บทที่ 167 คารวะก็จบเรื่องแล้ว!
ณ ตำหนักใหญ่
หลังจากบรรดาผู้อาวุโสถอนตัวไป
เหลือเพียงเฒ่ากู่ เฒ่าเฉิน และอู๋เยว่ประมุขสหพันธ์ผู้ฝึกตน
อู๋เยว่จ้องมองสองผู้จัดการ สูดหายใจลึก
"พวกเจ้าสองคน รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงให้พวกเจ้าอยู่ต่อ?" อู๋เยว่เอ่ยปากช้าๆ
"ท่านประมุขต้องการสอบถามเรื่องนิกายเร้นลับใช่ไหมขอรับ?"
เฒ่ากู่ก้าวออกมา ตอบอย่างระมัดระวัง
"ถูกต้อง" อู๋เยว่ตอบตรงๆ
เขาต้องการรู้ข่าวเกี่ยวกับนิกายเร้นลับแห่งตงโจวให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อสะดวกต่อการ... อืม... ทำความเข้าใจนิกายเร้นลับ และป้องกันความผิดพลาดในการประลองใหญ่หมื่นนิกาย
"ท่านประมุข เกี่ยวกับนิกายอู๋เต้า พวกเรามิได้รู้ข่าวอื่นใด การเดินทางครั้งนี้ พวกเราก็ได้พบเพียงศิษย์ภายนอกของนิกายเร้นลับแห่งตงโจวเท่านั้น แต่ว่า..." เฒ่ากู่พูดอย่างลังเล
อู๋เยว่ที่ฟังอยู่ เริ่มรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่จะไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติม
เขากำลังจะโบกมือให้ทั้งสองถอยไป
แต่พอได้ยินคำว่า "แต่ว่า" ก็ชะงักไป
เจ้าพูดแค่ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ อยากโดนตีตายหรือไง?
"แต่ว่าอะไร?" แม้จะรู้สึกโกรธ แต่อู๋เยว่ก็ต้องกลั้นอารมณ์ไว้ เพื่อฟังประโยคที่เหลือ
"ท่านประมุข ก่อนจากมา ข้าได้รับก้อนหินมาก้อนหนึ่ง เป็นก้อนหินที่ข้าขอให้ศิษย์ของนิกายเร้นลับแห่งตงโจวนำมาให้" เฒ่ากู่ตอบอย่างระมัดระวัง
"ก้อนหิน? ก้อนหินจะมีประโยชน์อะไร? ต่อให้เป็นก้อนหินจากมือศิษย์นิกายเร้นลับ ก็เป็นแค่ก้อนหินธรรมดาเท่านั้น!" อู๋เยว่ส่ายหน้าพูด
"ก้อนหินนี้เป็นก้อนหินที่ศิษย์นิกายเร้นลับนำออกมาจากในนิกายเร้นลับเอง" เฒ่าเฉินที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ได้ยินดังนั้น
อู๋เยว่ก็ชะงัก
ก้อนหินจากในนิกายเร้นลับ?
ก้อนหินจากในนิกายเร้นลับงั้นหรือ??
ก้อนหินจากในนิกายเร้นลับมันจะมีอะไรพิเศษด้วยหรือ
อู๋เยว่เคยเห็นนิกายเร้นลับในจงโจวมาบ้าง ก้อนหินในนั้นก็ไม่ต่างจากข้างนอกเท่าไหร่
ถ้าจะมีอะไรแตกต่าง
ก็คงเป็นแค่พลังวิญญาณที่เข้มข้นกว่าข้างนอกเท่านั้นมั้ง
"เอามาให้ข้าดูหน่อย" อู๋เยว่ขมวดคิ้วสั่ง
เฒ่ากู่พยักหน้า รีบหยิบก้อนหินที่เต็มไปด้วยพลังปฐพีออกมาจากแหวนเก็บของ ส่งให้อู๋เยว่
อู๋เยว่รับก้อนหินมา ขมวดคิ้วพิจารณาอย่างละเอียด
"เจ้าแน่ใจหรือว่านี่เป็นก้อนหินจากนิกายเร้นลับแห่งตงโจว? ทำไมถึงเต็มไปด้วยพลังปฐพี?"
"ไม่ถูก ในก้อนหินนี้ยังมีพลังอสูรเลือดบางอย่างแฝงอยู่ด้วย"
"นี่มันอะไรกันแน่?" อู๋เยว่ถามอย่างงุนงง
"ท่านประมุข นี่... นี่เป็นความจริงแท้แน่นอน เป็นก้อนหินจากในนิกายเร้นลับแห่งตงโจว ข้าสงสัยว่า นิกายเร้นลับแห่งนี้อาจจะตั้งอยู่บนสนามรบโบราณสักแห่ง" เฒ่ากู่พูดถึงข้อสันนิษฐานของตน
"สนามรบโบราณ?" อู๋เยว่ขมวดคิ้ว
ถูกเฒ่ากู่ชี้นำความคิด เขาตัดความคิดอื่นๆ ทิ้งไป พิจารณาว่าก้อนหินนี้อาจมาจากสนามรบโบราณจริงๆ
สถานที่ที่มีพลังปฐพีมีอยู่มากมาย เช่น ใต้พื้นพิภพลึกๆ ล้วนมีพลังปฐพีแฝงอยู่
นอกจากนี้ยังมีแดนลับบางแห่ง หรือซากศพของสัตว์อสูรที่เกิดจากพื้นพิภพ ก็จะก่อให้เกิดพลังปฐพีได้เช่นกัน
แต่ในพลังปฐพีเหล่านั้น ไม่มีทางที่จะมีพลังเลือดอสูรพิเศษแบบนี้ได้
พลังเลือดอสูรที่น่าสะพรึงกลัวนี้มันคืออะไรกันแน่?
หรือว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนสนามรบโบราณจริงๆ?
ถ้าพูดว่าเป็นเลือดของผู้แข็งแกร่งในยุคโบราณที่ล้มตายแล้วไหลซึมลงดิน จนเกิดเป็นพลังเลือดอสูรแบบนี้ ก็เป็นไปได้อยู่
แต่อู๋เยว่ก็ยังสงสัย
เขาเคยอ่านตำราหลายเล่ม
ตงโจวในยุคโบราณเป็นเพียงดินแดนป่าเถื่อน ไม่เคยมีสงครามใหญ่ในยุคโบราณเกิดขึ้นที่นั่นเลย
จะมีสนามรบโบราณได้อย่างไร
"พลังอสูรเลือดบนก้อนหินนี้แปลกประหลาดจริงๆ แต่มันถูกพลังปฐพีห่อหุ้มไว้ จึงดูอายุไม่ออก"
"พวกเจ้ารออยู่ที่นี่สักครู่ ข้าจะส่งก้อนหินนี้ไปให้อดีตประมุขดู ขอให้ท่านช่วยตรวจสอบดู"
อู๋เยว่คิดครู่หนึ่ง แล้วสั่งให้เฒ่ากู่และเฒ่าเฉินรออยู่ที่นี่
จากนั้นเขาก็ใช้พลังห่อหุ้มก้อนหิน แนบข้อมูลบางอย่างไปด้วย แล้วส่งออกไปนอกตำหนัก ขอให้คนอื่นช่วยดู
เฒ่ากู่และเฒ่าเฉินแน่นอนว่าไม่กล้าแสดงความเห็น ได้แต่ยืนรออยู่ที่เดิมอย่างว่าง่าย
ผ่านไปสักพัก
ก้อนหินที่เต็มไปด้วยพลังปฐพีก็ลอยกลับมา ตกลงในมืออู๋เยว่
พร้อมกันนั้น ในหัวของอู๋เยว่ก็มีเสียงดังขึ้น
"ไม่รู้"
อู๋เยว่งงไปเลย
ไม่รู้?
อดีตประมุขเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่มานานแสนนาน ยังไม่รู้อีกหรือ?
แล้วก้อนหินนี้ มาจากสนามรบโบราณจริงหรือไม่กันแน่?
อู๋เยว่ขมวดคิ้วครุ่นคิด
ช่างเถอะ ช่างเถอะ คิดมากไปทำไม
ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่
นิกายเร้นลับแห่งตงโจวก็ยังเป็นนิกายเร้นลับอยู่วันยังค่ำ
เขาไม่จำเป็นต้องคิดมากขนาดนั้น ก็แค่คิดว่ามันเป็นก้อนหินจากสนามรบโบราณก็พอแล้ว
"ไปเถอะ พวกเจ้าสองคน สร้างแท่นบูชาขึ้นมา เอาก้อนหินนี้วางบนนั้น ให้คนเอาธูปสักการะมาบูชากันทั้งวันทั้งคืน พลังเลือดอสูรบนก้อนหินนี้ อาจเป็นของบรรพบุรุษมนุษย์ที่ตายไปในยุคโบราณก็ได้ ไหว้ซะก็จบ" อู๋เยว่โบกมือสั่ง ให้เฒ่ากู่และเฒ่าเฉินเอาก้อนหินไป
"ขอรับ ท่านประมุข" เฒ่ากู่และเฒ่าเฉินมองหน้ากัน แล้วก้าวไปรับก้อนหิน คำนับแล้วเตรียมจะจากไป
"เดี๋ยวก่อน!" อู๋เยว่นึกอะไรขึ้นมาได้
เรียกสองคนที่กำลังจะไปให้หยุด
"ท่านประมุขมีอะไรจะสั่งอีกหรือขอรับ?" สองคนหยุดฝีเท้า ถาม
อู๋เยว่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว
"พวกเจ้าสองคนพอออกไปแล้ว ช่วยแจ้งพวกเขาด้วยว่า ข้าจะแก้ไขกฎของการประลองใหญ่หมื่นนิกาย" อู๋เยว่เอ่ยปาก
"หา? แก้ไขกฎ? ตอนนี้เลยหรือ?"
"ไม่ใด้นะ ท่านประมุข พวกเราส่งจดหมายเชิญออกไปหมดแล้ว ตอนนี้จะแก้ไขกฎได้อย่างไร?" เฒ่ากู่และเฒ่าเฉินตกตะลึง
"ต้องแก้ไข แต่แก้ไขแค่ส่วนของรางวัลเท่านั้น ส่วนอื่นไม่ต้องแก้"
อู๋เยว่ตอบอย่างเด็ดขาด
"แก้ไขรางวัล? แก้ไขอย่างไรขอรับ?" เฒ่าเฉินถามอย่างสงสัย
"เปลี่ยนรางวัลทั้งหมดเป็น 'ไม่เปิดเผย'! ไม่ต้องระบุรางวัลออกมา"
อู๋เยว่ตอบ
เฒ่าเฉินและเฒ่ากู่ที่กำลังจะเดินออกไปก็ชะงักกึก
เปลี่ยนเป็นรางวัลที่ไม่เปิดเผย?
จำเป็นด้วยหรือ?
การระบุรางวัลออกมาไม่ดีกว่าหรอกหรือ?
แบบนั้นน่าจะกระตุ้นคนได้มากกว่านะ
ท่ามกลางความสงสัยของทั้งสอง
อู๋เยว่ก็ตอบอย่างเรียบเฉย
"ข้าไม่รู้ว่าศิษย์ของนิกายเร้นลับจะชนะได้อันดับที่เท่าไหร่ อีกทั้งพวกอัจฉริยะในจงโจวก็ไม่ใช่ย่อย ในเมื่อไม่รู้ว่าศิษย์ของนิกายเร้นลับแห่งตงโจวจะได้อันดับที่เท่าไหร่ ก็ไม่ควรระบุรางวัลออกมาส่งๆ"
"ถ้าเปลี่ยนรางวัลเป็นไม่เปิดเผย พอถึงเวลาก็แก้ไขได้ตามสถานการณ์ไม่ใช่หรือ?"
อู๋เยว่พูดอย่างไม่ยี่หระ
เฒ่ากู่ "......"
เฒ่าเฉิน "......"
ใครนะที่เพิ่งบอกว่าเกลียดพวกประจบประแจงเมื่อกี้?