บทที่ 166 ข้าอู๋เยว่เกลียดพวกประจบสอพลอ!
ณ ดินแดนจงโจว
ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆหมอก
ภายในสำนักงานใหญ่สหพันธ์ผู้ฝึกตนแห่งจงโจว
ณ ตำหนักประชุม
ขณะนี้ ผู้อาวุโสหลายท่านนั่งสงบนิ่งอยู่ในตำหนัก สีหน้าเคร่งขรึม
บรรยากาศในตำหนักดูตึงเครียดเล็กน้อย
ตรงกลางตำหนัก ชายชราสองคนยืนอยู่อย่างเก้อเขิน
ชายชราทั้งสองคือเฒ่ากู่และเฒ่าเฉิน
เฒ่ากู่และเฒ่าเฉินถูกผู้อาวุโสหลายคนจ้องมอง พวกเขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว ยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าแปลกประหลาด ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ทันใดนั้น
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ก็เอ่ยปากทำลายความเงียบ
"เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนพูดมาสิ เรื่องนิกายเร้นลับแห่งตงโจวนั่นเป็นอย่างไรกันแน่ ได้ก็บอกว่าได้ ไม่ได้ก็บอกว่าไม่ได้ อย่ามัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่เลย" ผู้อาวุโสท่านนั้นกล่าวอย่างหงุดหงิด
"ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องรอให้ประมุขสหพันธ์มาถึงก่อนถึงจะพูดได้"
"ใช่แล้ว ตอนนั้นประมุขสหพันธ์สั่งพวกเราไว้ว่า ข่าวเกี่ยวกับนิกายเร้นลับแห่งตงโจว จะต้องมีเขาอยู่ด้วยถึงจะพูดได้"
เฒ่ากู่และเฒ่าเฉินส่ายหน้า ยืนกรานไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมา
บรรดาผู้อาวุโสก็ได้แต่จนปัญญา ได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้น กลับมาเงียบกริบอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปราวหนึ่งธูป
ร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาจากนอกตำหนัก
เป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีดำ
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้
บรรดาผู้อาวุโสรวมทั้งเฒ่ากู่และเฒ่าเฉินต่างพากันคำนับ "คารวะท่านประมุข"
ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือ อู๋เยว่ ประมุขแห่งสหพันธ์ผู้ฝึกตนนั่นเอง!
"ทุกคนไม่ต้องมากพิธีหรอก" อู๋เยว่กล่าวเสียงเรียบ "เป็นอย่างไร เรื่องนิกายเร้นลับแห่งตงโจวจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ"
พอได้ยินคำถามนี้
บรรดาผู้อาวุโสก็พากันระบายความอัดอั้นตันใจออกมาทันที
"ท่านประมุข ท่านไม่รู้หรอก คนสองคนนี้ นอกจากตำแหน่งจะต่ำต้อยแล้ว ยังดื้อรั้นเอาแต่ใจ ไม่ยอมเปิดเผยข่าวสารออกมาเลย"
"ใช่แล้ว ท่านประมุข คนสองคนนี้เป็นแค่ผู้จัดการ แต่กลับกล้าขัดคำสั่งพวกเรา สมควรถูกลงโทษ..."
"ให้พวกเขาเล่าเรื่องนิกายเร้นลับก่อนเถอะ นี่มันเรื่องใหญ่นะ"
บรรดาผู้อาวุโสต่างพากันเอ่ยปาก
อู๋เยว่ฟังอย่างเงียบๆ แล้วจึงหันไปมองเฒ่ากู่และเฒ่าเฉิน
เขาครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปาก
"เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตำหนิคนสองคนนี้"
"ข้าเป็นคนสั่งให้พวกเขาทำแบบนี้เอง เอาล่ะ พวกเจ้าสองคน บอกมาสิ นิกายเร้นลับแห่งตงโจว ยินดีเข้าร่วมการประลองใหญ่หมื่นนิกายหรือไม่"
อู๋เยว่ก้มหน้าถามอย่างสงบ
แม้เขาจะเป็นฝ่ายถาม แต่ก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
เขาคิดว่า นิกายเร้นลับคงไม่สนใจพวกตนแน่ๆ
ถามไปก็แค่อยากได้คำตอบเท่านั้น
บรรดาผู้อาวุโสก็คิดเช่นเดียวกัน
ต้องรู้ว่าจากข่าวที่พวกเขาได้รับมา นิกายเร้นลับแห่งตงโจวนี้เป็นอย่างไร?
สืบทอดมาสามล้านปี!!!
นิกายที่มีรากฐานแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จะสนใจการประลองใหญ่หมื่นนิกายของพวกเขาด้วยหรือ?
ฮึ ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี
ทั้งอู๋เยว่และบรรดาผู้อาวุโส ต่างมีความคิดเห็นตรงกันในประเด็นนี้
แต่ในวินาถัดมา คำพูดของเฒ่ากู่และเฒ่าเฉินก็ทำให้พวกเขาต้องหน้าหงายในพริบตา
"ท่าน...ท่านประมุข นิกายเร้นลับแห่งตงโจวรับคำเชิญแล้ว ศิษย์ของพวกเขาบอกว่าจะมาเข้าร่วมการประลองใหญ่หมื่นนิกายขอรับ!" เฒ่าเฉินประสานมือตอบ
โครม!!!
พอคำพูดนี้หลุดออกมา
บรรดาผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ต่างลุกพรวดขึ้นยืน เบิกตาโพลงมองเฒ่าเฉินและเฒ่ากู่
อู๋เยว่ก็นั่งตัวตรง ตาเบิกกว้าง
"เจ้าพูดจริงหรือ นิกายเร้นลับแห่งตงโจวยินดีเข้าร่วมการประลองใหญ่หมื่นนิกายจริงๆ น่ะหรือ?!" อู๋เยว่ถามอย่างตกตะลึง
"ขอรับ ท่านประมุข นิกายอู๋เต้าแห่งตงโจวรับคำเชิญแล้ว พวกเขาจะมาเข้าร่วม" เฒ่าเฉินตอบ
"นิกายเร้นลับแห่งตงโจวที่สืบทอดมาสามล้านปี ยินดีมาเข้าร่วมการประลองใหญ่หมื่นนิกายจริงๆ หรือ?!" อู๋เยว่ยังคงไม่อยากเชื่อ จึงถามซ้ำอีกครั้ง
"ท่านประมุข นี่เป็นความจริงแท้แน่นอน นิกายเร้นลับยืนยันว่าจะมาเข้าร่วมจริงๆ ขอรับ" เฒ่าเฉินจนปัญญา จึงได้แต่พูดซ้ำอีกครั้ง
ฮืด...
บรรดาผู้อาวุโสในตำหนักที่ได้ยินข่าวนี้ ต่างหายใจแรงขึ้นหลายส่วน
"นิกายเร้นลับผู้ยิ่งใหญ่ สืบทอดมาสามล้านปี จะมาเข้าร่วมการประลองใหญ่หมื่นนิกายระดับต่ำของพวกเราเนี่ยนะ?"
"แค่ก... เอ่อ... การประลองใหญ่หมื่นนิกายในยุคนี้ก็ถือเป็นงานใหญ่ที่สุดแล้วนะ อีกอย่าง ท่านประมุขก็อยู่ตรงนี้ เจ้าอย่าพูดจาน่าเกลียดแบบนั้นสิ..."
"เร็วๆ เข้า ต้องเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป! มีข่าวว่านิกายเร้นลับแห่งตงโจวจะเข้าร่วม ต้องล่อให้พวกนิกายเร้นลับในจงโจวออกมาแน่ๆ ถึงตอนนั้นให้นิกายเร้นลับสู้กับนิกายเร้นลับเลย! ดูซิว่าใครจะเหนือกว่ากัน!"
บรรดาผู้อาวุโสต่างพูดกันคนละไม้คนละมือ ทำให้ตำหนักประชุมคึกคักขึ้นในพริบตา
บางคนก็คิดไปไกลถึงขั้นว่าจะใช้ข่าวนี้สร้างผลประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
เผยแพร่ข่าวนี้ออกไป
พวกนิกายเร้นลับในจงโจวต้องสนใจข่าวนี้แน่ และจะเข้าร่วมหรือจับตาดูการประลองใหญ่หมื่นนิกาย
มีตัวล่อแบบนี้ อิทธิพลของการประลองใหญ่หมื่นนิกายจะยิ่งขยายวงกว้างขึ้นไปอีก
อู๋เยว่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กลับคิดไปอีกแง่มุมหนึ่ง เขาลุกขึ้นยืน หันหน้าไปทางบรรดาผู้อาวุโส สีหน้าเคร่งขรึม
บรรดาผู้อาวุโสเห็นสีหน้าของอู๋เยว่ ก็หยุดพูดคุยและหันไปมองเขา
อู๋เยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"การที่นิกายเร้นลับจะเข้าร่วมการประลองใหญ่หมื่นนิกายนั้นเป็นเรื่องดีแน่ แต่ก่อนอื่น ข้าขอพูดตรงๆข้าไม่อยากเห็นพวกเจ้าทำอะไรล่วงเกินเมื่อคนของนิกายเร้นลับมาถึง"
"อย่างเช่นพฤติกรรมประจบประแจงต่างๆ ข้าไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด"
"พวกเจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดชังและรังเกียจพฤติกรรมเลียแข้งเลียขาเป็นที่สุด! ดังนั้นข้าไม่อยากเห็นพวกเจ้าทำอะไรแบบนั้น เข้าใจไหม?"
อู๋เยว่กำชับบรรดาผู้อาวุโสทีละคำ
แน่นอนว่าบรรดาผู้อาวุโสเหล่านั้นไม่กล้าพูดอะไร ต่างพยักหน้ารับทราบ
อู๋เยว่เห็นดังนั้นก็ยิ้มพอใจ ไม่พูดอะไรอีก
"เอาล่ะ ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย เมื่อพวกท่านรู้แล้ว ก็ขอเชิญกลับไปได้ อ้อ... เฒ่ากู่ เฒ่าเฉิน พวกท่านอยู่ก่อน"
อู๋เยว่โบกมือพลางกล่าว
บรรดาผู้อาวุโสมองหน้ากันไปมา ต่างประสานมือคำนับอู๋เยว่ แล้วเดินออกไปอย่างว่าง่าย...