บทที่ 163 เอาสิ่งที่เจ้ามีออกมา!
ณ หน้าหอคอยอาวุธวิเศษ นิกายอู๋เต้า
จางฮั่นจ้องมองหอคอยเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งวิถี ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
"นิกายอู๋เต้าก็ยังคงเป็นนิกายอู๋เต้าอยู่วันยังค่ำ..."
"ยิ่งมีวรยุทธ์สูงขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าทุกตำหนักในนิกายอู๋เต้าล้วนลึกลับเหลือคาดและมหัศจรรย์เกินบรรยาย"
"แต่ไม่รู้ว่าในตำหนักที่ปิดตายเหล่านั้นมีอะไรอยู่บ้างนะ"
จางฮั่นยืนอยู่ตรงนั้น มองสำรวจตำหนักที่ปิดสนิทด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่เขาก็ไม่คิดจะแอบเล็ดลอดเข้าไปดู
ตอนนี้เขาอาจจะใกล้จะได้สืบทอดตำแหน่งประมุขแล้ว
ถ้าเกิดไปทำอะไรบ้าๆ แล้วทำให้ตำแหน่งประมุขหลุดมือไป เขาคงได้แต่ร้องไห้น้ำตาเช็ดไม่ทัน
ทนอดใจอีกสักพัก
เมื่ออาจารย์มอบตำแหน่งประมุขให้เขา แน่นอนว่าจะต้องอธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง
ตอนนั้นไม่ว่านิกายอู๋เต้าจะมีสมบัติล้ำค่าอะไร ก็ต้องถ่ายทอดให้เขาอย่างแจ่มแจ้งอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
จางฮั่นคิดในใจ
พยักหน้าอย่างมั่นใจ แล้วก้าวเข้าไปในหอคอยอาวุธวิเศษ
เมื่อเข้าไปในหอคอย
สิ่งแรกที่เห็นคือแท่นหินเรียงรายสองข้าง บนนั้นวางอาวุธวิเศษมากมาย
"เพื่อนเก่าทั้งหลาย ออกมากันเถอะ ข้ากลับมาแล้ว" จางฮั่นเอ่ยปากอย่างใจเย็น
ก่อนที่เขาจะตามอาจารย์ลงจากเขา เขาก็มาที่หอคอยอาวุธวิเศษบ่อยๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับอาวุธเหล่านี้
แม้จะไม่เคยได้รับการยอมรับจากอาวุธวิเศษสักชิ้น แต่ก็มาบ่อยจนคุ้นเคยกันดี
อืม แน่นอนว่า
เป็นแค่ความรู้สึกของเขาฝ่ายเดียว
พวกอาวุธวิเศษคงไม่คิดแบบนั้นหรอก
หลังจากพูดจบ
จางฮั่นกวาดตามองไปรอบๆ พบว่าไม่มีอาวุธวิเศษชิ้นไหนสนใจเขาเลย
เขาก็ชินแล้ว รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
"เฮ้ เฮ้ เฮ้ ให้หน้าหน่อยสิ ส่งเสียงอะไรมาบ้าง ข้าก็รู้ว่าพวกเจ้ามีจิตวิญญาณกันทั้งนั้น" จางฮั่นเอ่ยปากอีกครั้ง
ขณะที่พูดจบ
สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ขวานบนแท่นหินสุดท้ายอย่างแม่นยำ เขาโบกมือสร้างค่ายกลปิดกั้นเสียงรอบแท่นหินนั้น
ทันทีที่เขาสร้างค่ายกลเสร็จ
ขวานนั้นก็เปล่งแสงวาบขึ้นมา ดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง...
"เจ้าไม่ต้องพูดหรอก ข้ารู้ว่าไม่มีคำดีๆ ออกมาจากปากเจ้าหรอก"
จางฮั่นยิ้มพลางพูด หลังจากสร้างค่ายกลเสร็จ
ขวาน "..."
เจ้าเป็นพยาธิไส้เดือนในท้องข้าหรือไง??
รู้จักข้าดีขนาดนี้เชียว??
จางฮั่นไม่สนใจขวานนั่น หันไปมองอาวุธวิเศษบนแท่นหินอื่นๆ แล้วค้อมกายคำนับ
"ทุกท่าน ออกมาคุยกันหน่อยเถอะ อย่าทำเฉยชาอีกเลย" จางฮั่นเร่งเร้า
วูบ...
คราวนี้อาวุธวิเศษที่ดูหม่นหมองบนแท่นหินไม่ได้เงียบอีกต่อไป ต่างเปล่งแสงจ้า
แสงสว่างรวมตัวกัน ปกคลุมทั่วทั้งหอคอยอาวุธวิเศษ
ยกเว้นอาวุธวิเศษไม่กี่ชิ้นที่ยังคงเงียบ
อาวุธวิเศษส่วนใหญ่ต่างส่งเสียงพูด
"ไอ้หนู เยี่ยมมาก ที่เจ้าปิดกั้นเสียงของไอ้ขวานนั่น ข้าก็อยากคุยกับเจ้าดีๆ สักหน่อย"
"ไม่ได้เจอกันนาน นึกว่าเจ้าตายไปแล้วเสียอีก"
"เจ้าบอกให้พวกเราเลิกทำเฉย? คนที่ควรเลิกทำเฉยคือเจ้าต่างหาก ในพวกเราไม่มีใครยอมรับเจ้าเป็นเจ้านาย เจ้าไม่ต้องทำเฉย รีบๆ ออกไปได้แล้ว"
อาวุธวิเศษต่างส่งเสียง บางชิ้นทักทายจางฮั่นอย่างเป็นมิตร บางชิ้นก็ด่าทันที
สำหรับชิ้นที่ทักทายอย่างเป็นมิตร จางฮั่นก็ตอบกลับไปทีละชิ้น
ส่วนชิ้นที่ด่า จางฮั่นก็เมินเฉย
หลังจากทักทายกันพักหนึ่ง
จางฮั่นก็พูดถึงจุดประสงค์ของตนอีกครั้ง
"เอาละ ทุกท่าน เรื่องอื่นๆ ข้าก็ไม่พูดอะไรมากแล้ว อีกห้าเดือนข้าต้องไปแคว้นจงโจว เข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ครั้งหนึ่ง การแข่งขันครั้งนี้สำคัญมาก"
"ข้าหวังว่าจะได้รับการยอมรับจากท่านใดท่านหนึ่ง เพราะการมีของวิเศษ ช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้มหาศาล"
จางฮั่นพูดอย่างจริงจัง
สายตาของเขาจับจ้องไปที่อาวุธวิเศษมากมายเหล่านั้น
เมื่อเสียงของเขาเงียบลง
การสนทนาระหว่างอาวุธวิเศษก็จบลงด้วย
หอคอยพลันเงียบงันลงทันที
ในชั่วขณะต่อมา
แสงสว่างทั้งหมดก็จางหายไป
อาวุธวิเศษทั้งหมดกลับสู่สภาพหม่นหมองเช่นเดิม
ราวกับว่าบรรยากาศคึกคักเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
จางฮั่นถึงกับอึ้งไปทันที
ไม่จริงน่า
แม้ว่าพวกเจ้าคงไม่ยอมรับข้า แต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดนี้นี่นา?
จางฮั่นกระตุกมุมปาก ไม่รู้จะพูดอะไรดี
"เฮ้ พวกเจ้าอย่าแกล้งตายสิ การแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับข้ามากจริงๆ นะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ใครสักคนให้ข้าเช่าตัวสักสองสามเดือนไม่ได้หรือ? หลังจากนั้นข้าจะคืนกลับมา"
จางฮั่นลองต่อรอง
อาวุธวิเศษ "?"
นี่ยังเช่าตัวเองออกไปได้ด้วย เช่าแล้วเอามาคืน?
เจ้าหนูนี่ช่างเป็นอัจฉริยะจริงๆ
"ไปให้พ้น นอกจากพวกเราจะยอมรับเจ้า ไม่งั้นเจ้าก็ไม่มีทางควบคุมพวกเราได้หรอก อีกอย่าง เจ้าก็อย่าคิดให้ข้ายอมรับเลย ข้าถนัดการฆ่าระยะประชิด เจ้าเล่นแต่ค่ายกล อย่ามาเรียกข้าเลย"
อาวุธวิเศษประเภทดาบชิ้นหนึ่งเอ่ยปากอย่างเบื่อหน่าย
"พอเถอะๆ พูดมาเถอะ เจ้าหนูจาง บอกความสามารถของเจ้ามาให้หมด ให้เป็นทางการหน่อย ถ้ามีอาวุธที่เหมาะกับเจ้าจริงๆ พวกเราก็ต้องเลือกอยู่แล้ว เหมือนกับตอนน้ำเต้ากระบี่อนันต์นั่นแหละ"
อาวุธวิเศษอีกชิ้นหนึ่งเอ่ยปาก
ได้ยินคำพูดนั้น
จางฮั่นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป
เขานั่งขัดสมาธิลงกลางทางเดินในหอคอยอาวุธวิเศษทันที
บริเวณหัวใจของเขาเปล่งแสงสีฟ้าสดใส
อักขระโบราณมากมายรวมตัวกัน ล้อมรอบร่างกายเขา
จากนั้นอักขระเหล่านี้ก็กลายเป็นลวดลายค่ายกล
ลวดลายค่ายกลแต่ละเส้นอาศัยพลังของแผ่นดินกลายเป็นค่ายกลหนึ่งชุด
ในชั่วพริบตา ค่ายกลนับสิบชุดก่อตัวขึ้นพร้อมกัน ล้วนเป็นค่ายกลขนาดเล็ก
แต่ก็เพียงพอที่จะแสดงความสามารถของจางฮั่น
การควบคุมค่ายกลนับสิบชุดพร้อมกัน และทำให้ค่ายกลสำเร็จในพริบตา!
ยังสามารถอาศัยพลังของฟ้าดิน โดยไม่ต้องใช้วัสดุในการสร้างค่ายกล!
อาวุธวิเศษมากมายในหอคอยเมื่อเห็นภาพนี้ ก็เปล่งแสงขึ้นอีกครั้ง ราวกับกำลังสนทนากันอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่ง
บนแท่นหินแถวหน้า มีอาวุธวิเศษรูปทรงคล้ายท่อยาว ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่ ดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้ว พุ่งขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศ...