ตอนที่แล้วบทที่ 160 นิกายอู๋เต้าก่อตั้งบนสนามรบยุคโบราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 162 ถันไถลั่วเสวียปะทะอ๋าวหยู?

บทที่ 161 ครั้งสุดท้าย!


หลายวันต่อมา...

ณ บริเวณนอกภูเขาหมอกสวรรค์ แคว้นตงโจว

ลมพัดกระหน่ำ เมฆดำทะมึนปกคลุมท้องฟ้า บรรยากาศชวนให้รู้สึกว่าพายุกำลังจะมาเยือน

ทันใดนั้น มังกรสีเทาขนาดมหึมายาวหนึ่งพันจั้งก็ปรากฏกายออกมาจากกลุ่มเมฆดำ

"อู้ฮู!!!"

เสียงคำรามแปลกๆ ดังออกมาจากปากมังกร สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า

สัตว์น้อยใหญ่ในป่าเขาต่างพากันงุนงงเมื่อได้ยินเสียงนี้ "นี่มันเสียงของสัตว์อะไรกัน?" ความทรงจำที่ถูกส่งต่อในสายเลือดของพวกมันไม่อาจให้คำตอบได้

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สัตว์ทั้งหลายจึงโผล่หัวออกมาจากป่าเพื่อมองดูท้องฟ้า เมื่อเห็นมังกรยักษ์สีเทาบนนั้น พวกมันก็ตกตะลึง หมอบราบกับพื้นด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าขยับเขยื้อน

...

บนท้องฟ้า

จางฮั่นยืนอยู่บนหัวมังกร เสื้อคลุมปลิวไสวตามแรงลม เขาก้มมองลงไปยังภูเขาหมอกสวรรค์ที่ถูกเมฆหมอกปกคลุมจนมองไม่เห็นรูปร่าง

"พี่ใหญ่จาง ถึงหรือยังขอรับ? ข้ารู้สึกอึดอัดนิดหน่อยที่ถูกขี่อยู่แบบนี้" มังกรเอ่ยปากถามด้วยภาษามนุษย์

"ถึงแล้วๆ อย่าเพิ่งร้อนใจสิ เจ้าเป็นคนนอก อาจจะมองไม่เห็นภูเขาลูกใหญ่ข้างล่างนี่หรอก มันถูกเมฆหมอกบดบังอยู่น่ะ" จางฮั่นตบหัวมังกรเบาๆ พลางตอบ

"ข้างหน้ามีภูเขาใหญ่งั้นเหรอ? ข้าใช้จิตสัมผัสก็ยังมองไม่เห็นเลย จริงๆ น่ะเหรอ?" อ๋าวหยูถามอีกครั้ง

"มีค่ายกลปกคลุดอยู่ เจ้ามองไม่เห็นก็ไม่แปลก เอาละ ข้าจะติดต่อค่ายกลเพื่อเข้าไปแล้วนะ เจ้าระวังหางหน่อย อย่าทำให้อาจารย์ของข้าไม่พอใจล่ะ ถ้าท่านอารมณ์เสีย ตบเจ้าตายซะ เจ้าร้องไห้ก็ไม่มีประโยชน์ แม้แต่ราชามังกรก็ช่วยเจ้าแก้แค้นไม่ได้หรอก" จางฮั่นขู่เสียงเข้ม

ได้ยินดังนั้น อ๋าวหยูก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

เขาได้ยินชื่อเสียงของประมุขนิกายเร้นลับผู้นี้มานานแล้ว แม้แต่พ่อของเขายังต้องยอมแพ้ ถ้าเขาซึ่งเป็นแค่เด็กรุ่นหลังทำให้ท่านไม่พอใจเข้า... คิดแล้วก็ไม่กล้าจินตนาการต่อ

ในขณะที่อ๋าวหยูกำลังตื่นเต้น จางฮั่นก็ไม่สนใจไยดีเจ้ามังกรตัวนี้ เขาร่ายคาถาด้วยมือ

ไม่นาน เมฆหมอกที่ปกคลุมภูเขาหมอกสวรรค์ก็เริ่มสลายตัว เผยให้เห็นภูเขาที่ซ่อนอยู่ภายใน

จางฮั่นไม่รีรอ สั่งให้อ๋าวหยูย่อตัวลงแล้วขี่มังกรมุ่งหน้าเข้าสู่นิกาย

อ๋าวหยูบินได้เร็วมาก พริบตาเดียวก็ผ่านป่าเขาเข้าสู่นิกายอู๋เต้า

เมื่อมาถึงลานกว้างหน้าตำหนักใหญ่

จางฮั่นคิดจะให้อ๋าวหยูแปลงร่างเป็นมนุษย์ก่อน เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาเกินไป

แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก

เขาก็เห็นชูหยวนยืนอยู่บนลานกว้างหน้าตำหนักเสียแล้ว

อา... อาจารย์?!

จางฮั่นรู้สึกตกใจ

ที่เขาขี่มังกรมา ส่วนหนึ่งก็อยากอวดบารมีต่อหน้าน้องๆ ในนิกาย

แต่การเจอหน้าอาจารย์แบบนี้มันไม่สนุกเลย

หวังว่าอาจารย์จะไม่คิดว่าเขาหยิ่งผยองนะ?!

ในช่วงเวลาสำคัญที่กำลังจะสืบทอดตำแหน่งประมุขแบบนี้ ขออย่าให้มีเรื่องแบบนี้เลย...

สิ่งที่จางฮั่นไม่รู้ก็คือ

เขาตกใจมาก

แต่ชูหยวนที่อยู่ตรงข้ามยิ่งตกใจกว่า

เมื่อเห็นมังกรสีเทาตัวมหึมานั่น

ใจของเขาก็ร้องโวยวายขึ้นมา

คนทั้งคนถึงกับช็อกไปเลย

ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าเรียบเฉย นั่นเป็นเพราะตกใจจนแข็งทื่อไปแล้ว

มังกร... ตัวใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?!

แล้วศิษย์ของเขา จางฮั่น ยังขี่อยู่บนหลังด้วย??

อัศวินมังกร???

"ศิษย์จางฮั่น คารวะอาจารย์!"

จางฮั่นที่อยู่บนหลังมังกรไม่กล้าชักช้า รีบกระโดดลงมาคำนับทันที ในใจรู้สึกกระวนกระวาย

ส่วนอ๋าวหยูก็ฉลาดเฉลียว พอได้ยินจางฮั่นเรียกคนตรงหน้าว่าอาจารย์ ก็รู้ทันทีว่าคนผู้นี้คือใคร

ประมุขนิกายเร้นลับ!

อ๋าวหยูรู้แล้วว่าชูหยวนคือใคร จึงรีบแปลงร่างเป็นมนุษย์ คุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ กลัวว่าจะโดนตี

"อืม... นี่คือ?"

ชูหยวนพยายามกดความตกใจและหวาดกลัวเอาไว้ ถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างแนบเนียน กลัวว่าจะถูกมังกรที่เพิ่งแปลงร่างเป็นมนุษย์กลืนกิน

"กราบเรียนอาจารย์ นี่คือบุตรคนที่เก้าสิบเจ็ดของราชามังกรแห่งแคว้นหยุนโจว ตอนนี้เป็นสัตว์พาหนะของศิษย์ขอรับ อ่า... อาจารย์ขอรับ นิกายของเราอนุญาตให้นำสัตว์พาหนะเข้ามาได้ใช่ไหมขอรับ?"

จางฮั่นถามอย่างระมัดระวัง

ได้ยินคำพูดนี้

ชูหยวนรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดเข้าที่ใจ

สัตว์พาหนะ?!

มังกรตัวนี้เป็นสัตว์พาหนะของเจ้า?

สิ่งมีชีวิตที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึง กลับเป็นสัตว์พาหนะของเจ้า?!

เพิ่งไม่เจอกันไม่นาน

ศิษย์จอมเจ้าเล่ห์คนนี้เติบโตถึงขั้นนี้แล้วเหรอ?

ชูหยวนรู้สึกมึนงง เขาคิดว่าจำเป็นต้องกลับไปสงบสติอารมณ์สักหน่อย

"ได้... แต่ว่า อืม ไม่มีอะไร อีกห้าเดือนต้องเข้าร่วมการประลองหมื่นนิกาย เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน เอาล่ะ อาจารย์ยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะ"

ชูหยวนกลืนน้ำลาย พูดจบประโยคนี้

แล้วก็หันหลังจากไปทันที

ราวกับกลัวว่าถ้าอยู่ต่อไป จะถูกมังกรตัวนี้โจมตี

ชูหยวนรีบจากไปอย่างรวดเร็ว หลบเข้าไปในตำหนักประมุข

จางฮั่นกับอ๋าวหยูที่ยืนอยู่ตรงนั้นเห็นดังนั้น ต่างก็ถอนหายใจโล่งอก

"เรียบร้อย อาจารย์บอกว่าไม่มีปัญหา ก็แปลว่าไม่มีปัญหาแน่นอน ด้วยสถานะสัตว์พาหนะของศิษย์ เจ้าก็สามารถอยู่ในนิกายอู๋เต้าได้แล้ว"

จางฮั่นรู้สึกผ่อนคลายทั้งตัวในทันที

เมื่อกี้เขากลัวจริงๆ ว่าอาจารย์จะบอกว่าไม่อนุญาตให้สัตว์พาหนะเข้ามาในนิกาย

"ตกใจแทบตาย โดนท่านจ้องมอง ข้าถึงกับรู้สึกว่าจะถูกท่านกลืนกินเสียอีก เห้อ... พี่ใหญ่จาง ขอบคุณมากนะที่ให้สถานะสัตว์พาหนะของศิษย์แกข้า" อ๋าวหยูถอนหายใจยาว กล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร" จางฮั่นได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างลึกลับ

เจ้าแน่ใจเหรอว่านี่แค่สถานะเฉยๆ?

ไม่ใช่ ไม่ใช่หรอก

อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าข้าให้สถานะสัตว์พาหนะของศิษย์แก่เจ้า แค่เพื่อให้เจ้าเข้านิกายอู๋เต้าได้น่ะ

"เออ... อ๋าวหยู ข้าตั้งใจจะไปพบน้องสาวร่วมนิกาย เจ้าจะไปด้วยกันไหม?" จางฮั่นเอ่ยปากขึ้นอย่างกะทันหัน

"พี่ใหญ่จาง พี่จะไปเจอน้องสาวร่วมนิกาย แล้วข้าไปด้วยทำ..."

อ๋าวหยูพูดยังไม่ทันจบก็หยุดชะงัก

ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นทันที

คงไม่ใช่...

จะขี่เขาอีกใช่ไหม?

"อืม เป็นอย่างนี้นะ อ๋าวหยู ข้าอยากแสดงความสง่างามของพี่ชายต่อหน้าน้องสาวร่วมนิกาย ดังนั้นต้องรบกวนเจ้าหน่อย แปลงร่างเป็นมังกรอีกทีนะ" จางฮั่นกระแอมสองสามที พูดขึ้น

"ไม่! พี่ใหญ่จาง พี่ทำเกินไปแล้ว! ตกลงกันไว้แค่ครั้งเดียวไม่ใช่เหรอ!" อ๋าวหยูถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

"อืม ก็ช่วยไม่ได้นี่นา อ๋าวหยู มา เชื่อฟังหน่อย แปลงร่างเป็นมังกรซะ ครั้งนี้รับรองว่าเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ข้าแค่อยากสร้างความน่าเกรงขามในฐานะพี่ชาย การขี่บนตัวเจ้า ดูมีบารมีกว่า เจ้าเข้าใจไหม?" จางฮั่นพูดเกลี้ยกล่อม

"ไม่ได้! มังกรไม่มีทางยอมให้ใครขี่เด็ดขาด!" อ๋าวหยูยืนกรานอย่างแน่วแน่

"แค่ครั้งสุดท้าย!! จริงๆ นะ แค่ครั้งสุดท้ายเท่านั้น!" จางฮั่นรีบพูดขึ้น

"ไม่ได้..."

"ครั้งสุดท้าย!! แค่ครั้งสุดท้ายยังไม่ได้เหรอ?"

"นี่... พี่ใหญ่จาง มันจริงๆ ไม่ได้นะ"

"ครั้งสุดท้าย!"

"จริงๆ นะ ครั้งสุดท้าย?"

"จริง จริงยิ่งกว่าไข่มุกเสียอีก!"

เผชิญหน้ากับน้ำเสียงกดดันของจางฮั่น

อ๋าวหยูก็ต้องยอมจำนน

แปลงร่างกลับเป็นมังกรสีเทาอีกครั้ง ยอมให้จางฮั่นขึ้นขี่...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด