บทที่ 1 ซานซิ่วหลัวเฉิน
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นสะเทือนทั่วทั้งฟ้าดิน ทั่วเมืองต้าหอฝางเงียบลงในทันที
ภาพความวุ่นวายของผู้คนที่เหาะไปมาทั่วท้องฟ้า บัดนี้กลับดูบางตาไปมาก
เพราะไม่มีใครกล้ารับประกันว่าการบินอยู่บนท้องฟ้าจะไม่ทำให้โชคร้ายโดนฟ้าผ่าเข้า
หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าถือเป็นการผ่านด่านฟ้าลงโทษล่วงหน้าหรือไม่
เมืองต้าหอฝางครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง มีเมืองชั้นในที่ถูกป้องกันด้วยค่ายกลสามชั้น
ค่ายกลนี้สามารถป้องกันการโจมตีของอสูรระดับสามลงมาได้
แม้ว่าอสูรระดับสามจะจู่โจมมาอย่างกะทันหัน แต่ค่ายกลก็สามารถต้านทานได้ชั่วคราว พอให้คนในเมืองตั้งตัวทัน
แน่นอนว่าการเปิดใช้ค่ายกลขนาดใหญ่ทุกวันเช่นนี้มีค่าใช้จ่ายมหาศาล ดังนั้นจึงครอบคลุมเฉพาะเมืองชั้นในเท่านั้น
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว บริเวณรอบเมืองที่เป็นที่อยู่ของเหล่าซานซิ่ว (เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรอิสระ) ซึ่งกระจายตัวจากเมืองชั้นในออกไปก็ไม่ค่อยปลอดภัยนัก
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีบ้านไม้เล็ก ๆ ที่ประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่นหนึ่งห้อง ห้องนอนหนึ่งห้อง และครัวหนึ่งห้อง ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบใกล้ลำธาร โดยห่างจากที่อยู่อาศัยของซานซิ่วคนนึงที่ใกล้ที่สุดราวสองลี้
แม้ว่าภายนอกจะเงียบสงบ แต่ในครัวกลับคึกคักอย่างมาก
“หั่นมันเทศหนึ่งจิน ใส่ไปพร้อมกับหล่อฮังก๊วยสองเหลียง โสมที่ปลูกมาแล้วหนึ่งปีสามเหลียง”
“เนื้อวัวอสูรระดับหนึ่งหนึ่งจิน หั่นเป็นเนื้อสับ อย่าให้มีเศษกระดูกปน”
“ใส่ต้นหอม ขิง ข้าวเจ้า และเมล็ดยี่หร่า”
เสียงพูดเบา ๆ เหล่านี้ออกมาจากปากของชายหนุ่มที่ถอดเสื้อเปลือยอก เขากำลังจ้องมองหม้ออย่างตั้งใจ พลางหยิบวัตถุดิบจากชั้นไม้มาผสมลงไปในหม้ออย่างชำนาญ
ทัพพีในมือของเขาก็ถูกใช้ในการคนอาหารในหม้ออย่างเชี่ยวชาญ
เมื่อเทนํ้าซุปกระดูกวัวสีขาวลงไปเต็มหม้อ หลัวเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขากำลังเกลี่ยฟืนในเตาไฟออกมาบ้างเล็กน้อย ก่อนจะนั่งเงียบ ๆ รอให้อาหารเสร็จ
หนึ่งชั่วยามต่อมา ชายหนุ่มยกฝาหม้อขึ้น พลางสูดลมหายใจลึกเมื่อมองดูสิ่งที่อยู่ในหม้อ
“ดูจากสีสันนี้ เนียนขาวสดใส เป็นของชั้นเลิศ!”
“ดมกลิ่นนี้ กลมกล่อมไม่ไหม้ กลิ่นหอมชั้นเลิศ!”
หลัวเฉินเอานิ้วจิ้มที่ทัพพีแล้วลิ้มรสเพียงนิดเดียว
“พลังปราณในเนื้อวัวอสูรระดับหนึ่งทั้งห้าจิน ถูกกระจายอย่างสม่ำเสมอในยาพิ่กู่ซ่าน(ยาอดอาหาร)ด้วยการกระตุ้นของตังกุยและโสม”
“ดี รสชาติก็ยอดเยี่ยม เป็นของชั้นเลิศ!”
หลัวเฉินเลียมือของเขาด้วยความพึงพอใจ
ตามประสบการณ์ในช่วงหลายวันมานี้ ยาพิ่กู่ซ่านหม้อนี้สามารถทำยาเม็ดอดอาหารได้ถึงห้าขวดทีเดียว
ฟังดูน่าขำ แต่ความจริงหลัวเฉินกำลังปรุงยาทิพย์!
ยาทิพย์ที่เขากำลังทำคือยาเม็ดอดอาหารซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บำเพ็ญเพียร แม้ว่าจะเป็นเวอร์ชันราคาประหยัดและเรียกได้เพียงว่ายาพิ่กู่ซ่าน แต่ก็ยังมีประโยชน์อยู่มาก
หลัวเฉินไม่รอให้ยาหายร้อน ก่อนจะเทยาออกจากหม้อและวางลงบนเขียงไม้
เขาหยิบกระบอกไม้ไผ่เหลืองขึ้นมาแล้วเทยาที่เป็นครีมหนืด ๆ ลงไป จากนั้นจึงหยดน้ำผึ้งดอกไม้นานาพรรณลงไปเล็กน้อยแล้วเริ่มกลิ้งกระบอกไม้ไผ่
ในขณะที่กลิ้งไม้ไผ่ ยาพิ่กู่ซ่านก็เริ่มกลายเป็นรูปทรงกระบอกเล็ก ๆ สีของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนด้วยการผสมของน้ำผึ้ง
หลัวเฉินทำงานอย่างรวดเร็ว จนสามารถปั้นยาครีมให้เป็นเม็ดกลม ๆ ขนาดนิ้วหัวแม่มือ
หนึ่งเม็ด สองเม็ด สามเม็ด...
เมื่อหลัวเฉินหยุดทำงาน เขาพบว่ายาเม็ดอดอาหารห้าสิบเม็ดถูกจัดเรียงอย่างเรียบร้อยบนเขียง
เมื่อมองผลงานของตัวเอง หลัวเฉินยังไม่ทันได้ดีใจ ความสนใจก็ถูกถึงไปที่แผงควบคุมที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเห็น
【ชื่อ: หลัวเฉิน】
【อายุขัย: 27/75】
【รากวิญญาณ: ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน】
【ระดับพลัง: ขั้นปราณก่อกำเนิด ชั้นที่ 3: 75/100】
【เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาชังชุนระดับเชี่ยวชาญ: 235/300】
【เวทมนตร์: คาถาชำระล้างระดับเริ่มต้น 49/100, คาถาพันธนาการระดับคล่องแคล่ว 176/200, คาถาลูกไฟระดับเชี่ยวชาญ 268/300】
【ทักษะ: นักปรุงยาขั้นที่ 1: ยาพิ่กู่ซ่านระดับปรมาจารย์ 501/1000】
【แต้มความสำเร็จ: 10 แต้ม (สามารถใช้ในการเรียนรู้เคล็ดวิชา เวทมนตร์ หรือทักษะในระดับเริ่มต้นได้)】
“ได้แต้มความสำเร็จสิบแต้มแล้ว สามารถใช้เริ่มเรียนรู้ยาเม็ดจงเหมี่ยวได้แล้ว!”
เมื่อมองแผงควบคุมที่แสดงระดับความเชี่ยวชาญนี้ หลัวเฉินรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา
เขามาอยู่ที่นี่หนึ่งปีเต็มแล้ว!
ก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงคนทำงานธรรมดาที่ออกจากบ้านแต่เช้าและกลับบ้านค่ำ พอมีเวลาว่างก็เล่นเกมมือถือแนวเซียนบำเพ็ญเพียร
เพราะไม่มีเงิน เกมเหล่านี้จึงต้องพึ่งการเล่นด้วยความอดทนมาก ๆ ค่อย ๆ สะสมแต้มเพื่ออัพเกรดเคล็ดวิชา
ใครจะรู้ว่าอยู่ ๆ ในคืนหนึ่งที่นอนไม่หลับ ขณะเล่นเกมไปอย่างเพลิดเพลิน เขากลับทะลุมิติมา!
เจ้าของร่างเดิมที่ชื่อหลัวเฉินนี้ ก็มีอายุเท่ากับเขา
เจ้าของร่างเดิมนี้เข้าป่าเขาลึกและพบเจอโชคใหญ่ในถ้ำแห่งหนึ่ง เมื่อพบซากศพของผู้บำเพ็ญเซียน จึงเริ่มเส้นทางบำเพ็ญเพียรมาเป็นเวลาสิบปี
เขาเดินตามแผนที่ ที่อยู่ในซากศพนั้นจนมาถึงเมืองต้าหอฝาง เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ของสำนักเซียนในบริเวณใกล้เคียง
แต่สิบปีก่อน เขาอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ซึ่งเกินกำหนดการคัดเลือกศิษย์ที่จำกัดไว้ที่สิบหกปี
อีกทั้งเขายังมีรากวิญญาณห้าธาตุที่สมดุล ซึ่งไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีรากวิญญาณเลย จึงไม่มีสำนักใดรับเขาเข้าไป
โดยปกติเขาควรจะกลับไปยังที่ที่เขาจากมา แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการตามหาวิถีเซียน เขาอาศัยยาเม็ดหนึ่งขวด เคล็ดวิชาชังชุน และหินวิญญาณสองสามก้อนจึงตัดสินใจปักหลักอยู่ที่เมืองต้าหอฝางนี้
ในช่วงแรก เขายากจนมากจนไม่สามารถจ่ายค่าเช่าบ้านที่ใกล้เมืองชั้นในได้ ต้องเช่าบ้านใกล้ลำธารที่อยู่รอบนอกเมืองแทน
การใช้ชีวิตในเมืองฝางนั้นไม่ง่ายเลย แม้แต่บ้านที่อยู่ในชั้นนอกสุดก็ต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละครึ่งก้อนหินวิญญาณ
แม้ว่าบ้านนี้เขาจะสร้างเอง แต่ก็ต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละครึ่งหินวิญญาณอยู่ดี
หลังจากใช้หินวิญญาณที่มีจนหมด เจ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาทำงานช่วยผู้อื่นเฝ้าร้านหรือออกล่าสัตว์ในป่า จึงสามารถเอาชีวิตรอดมาได้อย่างยากลำบาก
ในภายหลัง เขาก็รู้ว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ยั่งยืน จึงเริ่มคิดค้นสูตรยาที่ได้มาจากซากศพในถ้ำ
ยาจงเหมี่ยวดูเหมือนจะยากไปสำหรับเขา จึงเริ่มศึกษาจากยาพิ่กู่ซ่านก่อน
ต้องบอกว่าคนที่มีโชคมักจะมีบุญวาสนาบ้างไม่มากก็น้อย
หลังจากล้มเหลวหลายครั้งในช่วงแรก เจ้าของร่างเดิมก็สามารถปรุงยาพิ่กู่ซ่านได้สำเร็จ
แม้ว่าคุณภาพของยาจะไม่ดีนัก แต่สำหรับซานซิ่วที่ออกล่าสัตว์ในป่าเป็นเวลานานนับสิบวัน ยาแบบนี้ก็ยังขายได้อยู่บ้าง
ด้วยวิธีนี้ เจ้าของร่างเดิมจึงสามารถปักหลักอยู่ในเมืองต้าหอฝางได้อย่างยากลำบาก
แต่โชคร้ายมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเขาคิดว่ายาพิ่กู่ซ่านไม่เพียงพอสำหรับการฝึกฝนอีกต่อไป เขาจึงหันไปปรุงยาตามสูตรยาที่ได้มาบางส่วน
และในครั้งแรกที่เขาลองปรุงยา หม้อก็ระเบิด!
แรงระเบิดทำให้บ้านไม้หลังนี้พังทลายลง
และในตอนนั้นเองที่หลัวเฉินทะลุมิติมาและเข้าครอบครองร่างนี้
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ในช่วงที่ทะลุมิติมา หลัวเฉินแทบอยากจะร้องไห้
ตอนนั้นฝนตกหนัก เขายืนท่ามกลางซากปรักหักพัง มีเลือดไหลอาบหน้า และมึนงงกับโลกใบนี้
แต่โชคดีที่ทุกอย่างผ่านไปแล้ว
“หนึ่งปีแล้ว ยาพิ่กู่ซ่านในที่สุดก็ถึงระดับปรมาจารย์ อย่างน้อยก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแต้มความสำเร็จสะสมได้ถึงสิบแต้มแล้ว สามารถใช้เรียนรู้ยาเม็ดจงเหมี่ยวได้!”
หลัวเฉินมีสูตรยาทั้งหมดสามสูตรอยู่ในมือ
สูตรยาระดับหนึ่งตัวแรกคือยาพิ่กู่ซ่าน สูตรยาระดับหนึ่งอีกตัวคือยาเม็ดจงเหมี่ยว และอีกสูตรคือสูตรยาระดับสองที่ไม่สมบูรณ์
สูตรยานั้นชื่อว่า หยูลู่ตัน(ยาหยาดน้ำค้างทิพย์) หากปรุงสำเร็จจะได้ยาเม็ดหยูลู่ระดับสอง ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรที่ฝึกวิชาน้ำ
ยานี้หนึ่งขวดมีราคาสูงถึงหนึ่งหินวิญญาณระดับกลาง!
ด้วยผลกำไรมหาศาลเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่เจ้าของร่างเดิมจะตื่นเต้นมาก
บางทีเขาอาจจะเชื่อมั่นในโชคของตัวเอง หรือความสำเร็จในการปรุงยาพิ่กู่ซ่านทำให้เขามั่นใจมากขึ้น หรือบางทีอาจเป็นเพราะความยากจนทำให้เขาตัดสินใจเสี่ยง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เขาก็ได้ตัดสินใจลงมืออย่างกล้าหาญ
และผลลัพธ์ก็คือ หม้อระเบิด บ้านถล่ม และคนตาย
ตอนนี้หลัวเฉินก็มาถึงจุดตัดสินใจนั้นเช่นกัน
หากอาศัยแต่ยาพิ่กู่ซ่านเพียงอย่างเดียว เขาคงแค่มีชีวิตอยู่ แต่ไม่พอที่จะฝึกฝนพลังได้
หากต้องการมีทรัพยากรในการฝึกฝน เขาจะต้องหาหนทางทำเงินเพิ่มทางอื่นนอกจากขายแค่ยาพิ่กู่ซ่าน
เป้าหมายของเขาไม่ใช่หยูลู่ตัน เพราะแต้มความสำเร็จสิบแต้มยังไม่เพียงพอที่จะเรียนรู้การปรุงยาระดับสองได้
ดังนั้นเมื่อเขาพบว่ามีฟังก์ชันแต้มความสำเร็จในแผงควบคุม เขาก็ตัดสินใจตั้งแต่นั้น
“ยาเม็ดจงเหมี่ยวต้องปรุงให้ได้!”
“หากไม่ทำ จะไม่มีทางรอด!”
“ต่อให้ต้องสละชื่อเสียงก็ยอม!”
(จบบท)