ตอนที่แล้วตอนที่ 241 วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักว่า อะไรคือพลังที่แท้จริง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 243 ฮั่วหยุนเฟย ออกมารับความตาย!

ตอนที่ 242 ระฆังแห่งความโกลาหลถูกขโมยหรือไม่?


แต่สิ่งสำคัญนั้นราวกับหายไปจากโลก ไม่มีทางหาพบได้เลย จนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาจะหากันเจอหรือยัง

“มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล ทำให้พวกเขาไม่สามารถออกมาจัดการได้ ข้าอยู่พอดี หลังจากเสร็จธุระที่นี่ ข้าจะไปกับเจ้า” เจียงรั่วเหยากล่าว

ในกล่องปีศาจนั้นมีการผนึกเผ่ามารโบราณเอาไว้ หากการผนึกถูกทำลาย เผ่ามารโบราณที่น่าสะพรึงกลัวจะกลับมาสู่โลกอีกครั้งและก่อความหายนะไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อป้องกันความเสี่ยงนี้ ดินแดนปีศาจต้องรับผิดชอบดูแลกล่องปีศาจ และหากผนึกอ่อนแอลงจะต้องแจ้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลทันที เมื่อได้รับข่าวดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลจะรีบมาที่ดินแดนปีศาจและใช้ระฆังโกลาหล ซึ่งเป็นอาวุธที่ใกล้เคียงกับอาวุธของเซียนเพื่อเสริมผนึก

แต่ตอนนี้ระฆังโกลาหลถูกบุตรชายแดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลทำหายไป ทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลจึงต้องหากันวุ่นวาย ไม่มีเวลามาจัดการเรื่องอื่น

“ขอบคุณท่านนักบุญเจียง” เมื่อได้ยินคำของเจียงรั่วเหยา ชายกลางคนในชุดคลุมดำกล่าวขอบคุณ แต่ความกังวลบนใบหน้ายังไม่หายไป เจียงรั่วเหยารู้ดีว่าเขากังวลเรื่องอะไร หากจะเสริมผนึกของกล่องปีศาจนั้นจำเป็นต้องใช้อาวุธจักรพรรดิที่ใกล้เคียงกับอาวุธของเซียน ชายกลางคนในชุดคลุมดำคงกลัวว่าเธอจะไม่มีสิ่งนั้น

เธอจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง! สิ่งที่เจ้ากังวลนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย” เพราะนางมีดาบจักรพรรดิแห่งปฐม ซึ่งเป็นอาวุธจักรพรรดิที่แข็งแกร่งไม่แพ้ระฆังแห่งความโกลาหล!

“เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว” ชายกลางคนในชุดคลุมดำยิ้มออกมา ในที่สุดเขาก็โล่งใจ

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลหรือ?” เมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสอง ฮั่วหยุนเฟยก็คิดถึงระฆังโกลาหล ท่ามกลางความคิดของเขา ทั้งสองสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกันหรือไม่? ยิ่งคิด ฮั่วหยุนเฟยก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้ยินว่าระฆังโกลาหลมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล รวมถึงเรื่องราวของจักรพรรดิแห่งความโกลาหลก็เป็นปริศนา แต่ก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ว่าทั้งสองอาจมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล!

“ระบบ”

【มีอะไรหรือ?】

“ระฆังโกลาหลไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนขโมยมาใช่หรือ?” ฮั่วหยุนเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย หากระฆังโกลาหลมีความเกี่ยวข้องกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลสิ่งเดียวที่เป็นไปได้คือจักรพรรดิแห่งความโกลาหลจงใจทิ้งมันไว้ให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลเมื่อเขาก้าวขึ้นสู่เซียน!

【ไม่มีเรื่องแบบนั้น อย่าคิดมั่วๆ】

“แน่ใจ?”

【ข้ามั่นใจ ข้าไม่ใช่ระบบแบบนั้นหรอก】

เมื่อได้ยินคำมั่นของระบบ ฮั่วหยุนเฟยจึงกล่าวอย่างครึ่งเชื่อครึ่งสงสัยว่า “งั้นข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง”

“แต่หากข้าพบว่าระฆังโกลาหลนั้นถูกขโมยจริงๆ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

“เรื่องนี้ถือเป็นกรรมใหญ่ หากไม่ระวังให้ดี อาจเกิดปัญหามากมายจากระฆังโกลาหลนี้!”

【วางใจเถิด ข้าไม่ได้ขโมยมาแน่นอน ข้ารับประกันด้วยเกียรติของข้า】

【หากไม่เชื่อ เจ้าลองไปถามระฆังโกลาหลเองก็ได้】

เมื่อได้ยินคำพูดที่หนักแน่นของระบบ ฮั่วหยุนเฟยก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น

จากนั้นพิธีวิวาห์ของหลินหยางและมู่ชิงชิงก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ภายใต้การเป็นผู้ประกอบพิธีของเทียนจีเจินเหริน ทั้งสองคำนับฟ้าดิน คำนับบิดามารดา (เจ้าสำนักจางหยุนเทียน) และคำนับกันเอง จากนั้นท่ามกลางเสียงอวยพรของทุกคน ทั้งสองก็เข้าสู่ห้องหอ!

ในดินแดนกลาง ตระกูลเฉา! ในฐานะตระกูลโบราณ ตระกูลเฉามีอำนาจเกรียงไกรเทียบเท่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขามีอาวุธจักรพรรดิตระกูลที่คอยค้ำจุนชะตาของตระกูลนี้ ในดินแดนกลางที่เต็มไปด้วยยอดฝีมือ ตระกูลเฉาย่อมมีอำนาจที่ไม่มีใครกล้าจะเพิกเฉย!

แต่ในเวลานี้ ณ ที่ลึกสุดของตระกูลเฉา แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของมหาเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ระเบิดออกมาด้วยความโกรธ ตามมาด้วยเสียงคำรามที่ดังลั่น: “สำนักเกาซาน!!”

เมื่อได้ยินเสียงนี้และสัมผัสถึงแรงกดดันที่น่ากลัวในอากาศ เหล่าศิษย์ตระกูลเฉาต่างตกตะลึงและเงยหน้าขึ้นมองไปยังที่ลึกสุดของตระกูลด้วยความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านบรรพบุรุษมหานักบุญจื่อหยางเป็นอะไรไป? ทำไมถึงโกรธมากขนาดนี้?”

“เมื่อครู่ข้าได้ยินท่านตะโกนถึงสำนักเกาซาน นั่นคงเป็นสำนักหนึ่งในดินแดนตะวันออกกระมัง? หรือว่าสำนักเกาซานทำให้ท่านบรรพบุรุษโกรธ?”

“หึ ข้าคิดว่าสำนักเกาซานคงไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก!”

“ใช่ แม้สำนักเกาซานจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างช่วงนี้ พวกเขาก็ได้เผยว่ามีจ้าวสูงสุดกึ่งจักรพรรดิในสำนัก แต่พวกเขาไม่กล้าหาเรื่องตระกูลเฉาหรอก!”

ฟิ้ว! ในขณะนั้น เงาร่างหลายร่างพุ่งตรงไปยังส่วนลึกของตระกูลเฉา มุ่งหน้าสู่ตำหนักบ่มเพาะของหมานักบุญจื่อหยาง นั่นคือตระกูลเฉาหัวหน้าและผู้อาวุโสหลายคนที่มีพลังแข็งแกร่ง พวกเขาเพิ่งได้ยินข่าวการตายของผู้อาวุโสที่ไปงานวิวาร์สำนักเกาซาน จึงไม่แปลกที่มหานักบุญจื่อหยางผู้รักหลานยิ่งจะโกรธถึงเพียงนี้

เพราะนั่นคือลูกหลานคนเดียวของเขา เป็นหลานรักของเขามาก แต่ตอนนี้กลับถูกฆ่าตายอยู่ข้างนอก!

“จากคำพูดของท่านบรรพบุรุษ ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของสำนักเกาซานหรือไม่?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวถาม

“น่าจะใช่แล้ว ช่วงก่อนหน้านี้เขาบอกฉันว่าจะไปยังแดนตะวันออก บอกว่าอยากพบกับผู้คนจากดินแดนไท่ชูในตำนาน ตอนนี้เขาเกิดเรื่องแล้ว บรรพบุรุษก็เรียกชื่อสำนักเกาซานมา คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของพวกเขาแน่ๆ” หัวหน้าตระกูลเฉาเอ่ยพลางขมวดคิ้ว ความรู้สึกภายในของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ คิดว่าเซวียนจิ่วเป็นแค่พวกไร้ค่า ในฐานะผู้อาวุโสหลักของตระกูลเฉา กลับถูกพลังระดับต่ำจัดการไป แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตนเป็นคนของตระกูลเฉาอีก!

เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าตระกูล ผู้อาวุโสอีกคนพลันหน้าเปลี่ยนสีด้วยความโกรธ “ได้ยินมาว่าพักนี้สำนักเกาซานมีผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิปรากฏขึ้น ดูท่าว่าพวกเขาจะลำพองใจขึ้นมาก ถึงกล้าลงมือกับคนของตระกูลเรา!”

ทันใดนั้น บรรพบุรุษจื่อหยางเดินเข้ามา สีหน้าของเขาเย็นชา ดวงตาแดงก่ำ ทั่วร่างแผ่ความเคียดแค้นอย่างน่ากลัว ทำให้หัวหน้าตระกูลเฉาและผู้อาวุโสทั้งหลายรู้สึกราวกับตกลงไปในนรก ลมหายใจของบรรพบุรุษจื่อหยางน่าหวาดกลัวจนทำให้แทบขาดอากาศหายใจ!

“บรรพบุรุษ ท่านทราบหรือไม่ว่าใครเป็นคนฆ่าเซวียนจิ่ว?” หัวหน้าตระกูลเฉาถาม

“ฮั่วหยุนเฟยจากสำนักเกาซานในแดนตะวันออก!” บรรพบุรุษจื่อหยางกัดฟันตอบ เขาแทบอยากจะไปยังสำนักเกาซานในทันทีและฆ่าฮั่วหยุนเฟยให้ตายด้วยฝ่ามือเพียงครั้งเดียว!

เมื่อระบุตัวผู้ลงมือได้แล้ว ผู้อาวุโสหลายคนก็โกรธจัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา “แค่สำนักเกาซานจะกล้าลงมือกับคนของตระกูลเรา ฉันคิดว่าพวกเขาคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!”

หัวหน้าตระกูลเฉามองไปที่บรรพบุรุษจื่อหยางแล้วถามว่า “บรรพบุรุษ ท่านจะไปยังแดนตะวันออกด้วยตัวเองหรือไม่? จะพาผู้อาวุโสคนอื่นไปด้วยดีไหม? ได้ยินว่าที่นั่นมีผู้แข็งแกร่งจากดินแดนไท่ชูอยู่ด้วย เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝัน จะได้มีคนช่วยเหลือ!”

บรรพบุรุษจื่อหยางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไปเรียกผู้อาวุโสระดับกึ่งจักรพรรดิออกมาสักคน จำไว้ว่าต้องมีพลังแข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นจะกดดันกึ่งจักรพรรดิของสำนักเกาซานไม่ได้! ขอแค่เราจัดการกับกึ่งจักรพรรดิของพวกมันได้ สำนักเกาซานก็ไม่ต่างอะไรจากเนื้อที่รอถูกเชือดแล้ว!”

“ขอรับ!” หัวหน้าตระกูลเฉาพยักหน้ารับคำแล้วรีบวิ่งไปยังเขตศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลทันที

“สำนักเกาซาน!” บรรพบุรุษจื่อหยางจ้องมองไปทางแดนตะวันออก ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นแล้วกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น “กล้าฆ่าหลานรักของข้า ทุกคนในสำนักเกาซานจงเตรียมตัวตายกันให้หมดเถอะ!”

อีกด้านหนึ่ง

ฮั่วหยุนเฟยหันไปถามเจียงรั่วเหยา “เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับมหาจักรพรรดิแห่งความโกลาหลหรือเปล่า?”

“แน่นอนสิ มหาจักรพรรดิแห่งความโกลาหล ผู้ซึ่งอาจกลายเป็นเซียน เป็นหนึ่งในมหาจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดตลอดกาล”

“คนทั้งใต้หล้าคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของมหาจักรพรรดิแห่งความโกลาหลหรอกนะ” เจียงรั่วเหยามองฮั่วหยุนเฟยอย่างแปลกใจ เหมือนจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงถามเรื่องง่ายๆ แบบนี้

“งั้นมหาจักรพรรดิแห่งความโกลาหลมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลใช่ไหม?” ฮั่วหยุนเฟยถามต่อ

“ไม่ใช่แน่นอน” เจียงรั่วเหยาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “มหาจักรพรรดิแห่งความโกลาหลมีที่มาเป็นปริศนา แม้จะเคยติดต่อกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล แต่เขาไม่ได้มาจากที่นั่น”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮั่วหยุนเฟยก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนระฆังโกลาหลไม่ได้เป็นสิ่งที่มหาจักรพรรดิแห่งความโกลาหลมอบให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลจริงๆ และระบบก็ไม่ได้ขโมยอะไรไป

เกือบไปแล้วที่เขาจะคิดว่าโดนระบบหลอกอีกครั้ง

“แต่…” ทันใดนั้น เจียงรั่วเหยาก็เปลี่ยนสีหน้าพูดต่อว่า “ก่อนที่มหาจักรพรรดิแห่งความโกลาหลจะหายตัวไป เขาได้มอบระฆังโกลาหลให้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล”

“ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ระฆังโกลาหลเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหล พวกเขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก”

“แต่เมื่อห้าปีก่อน บุตรศักดิ์สิทธิ์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความโกลาหลแกลับทำระฆังฏกลาหลหายไป ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็ตามหาระฆังนั้นมาตลอด แต่ยังหาไม่เจอ”

ฮั่วหยุนเฟย: "......"

【ติ๊ง! ระบบกำลังเริ่มการอัปเกรดอัตโนมัติ จะทำการปิดกั้นการสนทนาทั้งหมดจากภายนอก!】

【หากมีปัญหา โปรดอดทนรอจนกว่าการอัปเกรดระบบจะเสร็จสิ้น ขอขอบคุณที่เข้าใจ】