ตอนที่ 241 วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักว่า อะไรคือพลังที่แท้จริง!
เป็นที่ร่ำลือว่าครั้งหนึ่งมีคนเพียงแค่สบถด่าหลานของเขาเพียงคำเดียว เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูของมหานักบุญจื่อหยาง คนผู้นั้นและครอบครัวของเขาก็ถูกกำจัดในคืนเดียว แถมพื้นที่ทั้งหมดของตระกูลนั้นก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน!
หลังจากนั้นมา ผู้คนต่างพยายามหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับลูกหลานของมหานักบุญจื่อหยาง แทบไม่มีใครกล้าท้าทาย
“แย่แล้ว! คนนี้เป็นหลานของมหานักบุญจื่อหยาง เรื่องนี้ยุ่งยากแล้วแน่!”
“เรื่องนี้คงแก้ยาก สำนักเกาซานโดยปกติจะไม่แสดงตัวมาก แต่หากมีใครทำให้พวกเขาโกรธ พวกเขาจะร้ายกว่าที่ใครคาดไม่ถึง ครั้งนี้ไม่รู้ว่าสำนักเกาซานจะยอมแพ้หรือไม่เมื่อเผชิญหน้ากับมหานักบุญที่ปกป้องลูกหลานตัวเองเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อมหานักบุญจื่อหยางมีตระกูลเฉาเป็นแบ็ค!”
“ก็ไม่แน่ ผู้ที่ร่วมลงมือก็ยังมีเจียงรั่วเหยานางเป็นคนของดินแดนไท่ชู มหานักบุญจื่อหยางคงไม่กล้าทำอะไรนางง่าย ๆ แถมดูเหมือนว่าเจียงรั่วเหยาจะมีความสัมพันธ์กับผู้นำยอดเขาเต๋าหยวนอย่างดี นางคงปกป้องเขาได้”
ผู้คนโดยรอบต่างพูดคุยกัน ด้วยความรู้สึกว่าทุกอย่างนับวันยิ่งน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ
"ข้าลงมือเอง เจ้ามีปัญหาอะไรหรือ?" ฮั่วหยุนเฟยยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มเล็กน้อยมองไปที่มหานักบุญจื่อหยาง
มหานักบุญจื่อหยางหันมาด้วยสายตาเย็นชาเต็มไปด้วยความอาฆาต แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เจียงรั่วเยาว์ก็ยิ้มพูดเสริมว่า “ข้าก็ร่วมลงมือด้วยนะ อยากจะบอกว่าหลานเจ้าค่อนข้างนุ่มนวล สัมผัสได้ดีทีเดียว”
"หาที่ตาย!" เมื่อได้ยินเช่นนั้น มหานักบุญจื่อหยางก็โกรธทันที เขายกมือขึ้นเตรียมที่จะลงมือโจมตีเจียงรั่วเยาว์และฮั่วหยุนเฟย
“มหานักบุญจื่อหยาง นางผู้นี้คือเจียงเซียนจื่อจากดินแดนไท่ชู ท่านควรคิดให้รอบคอบก่อน” ในตอนนั้น มีคนเตือนมหานักบุญจื่อหยาง
“คนของดินแดนไท่ชู?” มหานักบุญจื่อหยางสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบหยุดการกระทำของตน และหันมามองเจียงรั่วเยาว์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาของเขาฉายแววหลงใหล
“งดงามยิ่งนัก!” เพิ่งรู้ตัวว่าเขาโกรธจนไม่ได้สังเกต ตอนนี้เมื่อได้มองใกล้ ๆ เจียงเซียนจื่อก็งดงามจนสะกดใจเขาไปเลย
"แม้เจ้าจะเป็นคนของดินแดนไท่ชู แต่เจ้าก็ไม่ควรทำร้ายหลานข้าเช่นนี้ ข้าต้องการคำอธิบาย" มหานักบุญจื่อหยางรู้ว่าเจียงรั่วเยาว์มาจากดินแดนเไท่ชูและงดงามเช่นนี้ ทำให้เขาอ่อนท่าทีลงเล็กน้อย แต่ยังต้องการความเป็นธรรมให้หลานของตน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงรั่วเยาว์ก็โบกมือเรียกม่านแสงหนึ่งขึ้นมา ภายในฉายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมด
หลังจากที่เข้าใจเหตุการณ์แล้ว มหานักบุญจื่อหยางก็ขมวดคิ้ว มองไปที่เจียงรั่วเยาว์แล้วถามว่า “ข้าจำได้ว่าในประวัติศาสตร์โบราณไม่มีบันทึกแบบนี้ เจ้าแน่ใจหรือว่านี่คือความจริง?”
“จะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร” เจียงรั่วเยาว์ไม่สนใจจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม เพราะเรื่องลับแบบนี้มีเพียงคนในสายเลือดดินแดนไท่ชูเท่านั้นที่รู้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งมหานักบุญจื่อหยางก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนของดินแดนไท่ชู ความลับที่เจ้ารู้คงมากกว่าพวกเรา ข้าจะเชื่อเจ้าไปครั้งหนึ่ง”
“ข้าหวังว่าเจ้าไม่ได้โกหกข้า” หลังจากพูดเสร็จ มหานักบุญจื่อหยางก็หันไปมองฮั่วหยุนเฟยด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า “เจ้าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งมากหรือ?”
“ข้าดูถูกเจ้าแล้วยังไง? การที่เจ้ากล้าขับไล่หลานข้าออกไป ข้าฆ่าเจ้าก็ยังสมควรแล้ว!”
“แค่สำนักเกาซาน ซึ่งมีเพียงผู้นำยที่เป็นกึ่งจักรพรรดิ เจ้าคิดว่าจะหยิ่งผยองได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าสำนักเหย่ากวงและผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจั่นต่างหัวเราะ เพราะพวกเขารู้ดีว่า มหานักบุญจื่อหยางนั้นเป็นพวกที่อวดดื้อถือดีไม่ต่างจากหลานของตนเอง
"ฆ่าข้าหรือ?" ฮั่วหยุนเฟยยิ้มก่อนตอบ "ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว มาเลย"
เมื่อได้ยินคำของฮั่วหยุนเฟยมหานักบุญจื่อหยางก็แค่นเสียงเย็นชาและพูดว่า “เจ้าคนโง่ไร้ค่า วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้จักว่า อะไรคือพลังที่แท้จริง!”
เมื่อสิ้นคำพูดมหานักบุญจื่อหยางก็ยกมือขึ้นและพยายามจะบดขยี้ฮั่วหยุนเฟยด้วยฝ่ามือใหญ่เพียงมือเดียว
ปัง!
แต่ฮั่วหยุนเฟยเพียงแค่มองด้วยสายตาเย็นชา และฝ่ามือของมหานักบุญจื่อหยางก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ!
ในวินาทีที่แขนของมหานักบุญจื่อหยางแตกกระจายไปนั้น พลังจิตวิญญาณของเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกือบจะสลายหายไปในทันที!
"บ้าจริง! ผู้นำยอดเขาเต๋าหยวนนี้มีระดับพลังอะไรกันแน่?"
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างตกตะลึง อายุเพียง 105 ปี แต่ฮั่วหยุนเฟยสามารถทำลายการโจมตีของมหานักบุญจื่อหยางได้ด้วยสายตาเพียงสายตาเดียว นี่มันเกินกว่าที่คาดไว้มาก!
ผู้คนมากมายมองฮั่วหยุนเฟยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ไม่อาจเข้าใจได้
"ที่แท้ศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักเกาซานนั้นไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์สูงสุด ผู้นำยอดเขาเต๋าหยวนต่างหากที่เป็นตัวจริง!"
ทุกคนต่างตื่นตะลึงไปกับพรสวรรค์ของฮั่วหยุนเฟย!
มหานักบุญจื่อหยางเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ในชั่วพริบตาเมื่อครู่ เขาเกือบเชื่อว่าพลังจิตวิญญาณของตนจะสลายไป
มหานักบุญจื่อหยางรู้สึกโล่งใจที่ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ไม่เช่นนั้นคงเสียหน้าครั้งใหญ่แน่! ในขณะนี้ เมื่อมองไปที่ฮั่วหยุนเฟย เขากลับไม่มีคำใดจะพูด เพราะเมื่อครู่นี้เขาโดนตบหน้าฉาดใหญ่ เขาเคยตั้งใจให้ฮั่วหยุนเฟยรู้ว่าอะไรคือ "ความแข็งแกร่ง" แต่ความจริงกลับกลายเป็นฮั่วหยุนเฟยที่ทำให้เขารู้ว่า "ความแข็งแกร่ง" แท้จริงคืออะไร
"ฮึ! ร่างจริงของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าคงจะกดเจ้าให้สิ้นเชิง!" มหานักบุญจื่อหยางกล่าวขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือ จากนั้นมหานักบุญจื่อหยางก็จับตัวผู้อาวุโสผู้มีท่าทีสง่างามที่ดูราวกับโคลนแล้วพยายามจะหนีไป
"เรื่องนี้ยังไม่จบ ข้าจะไปหาเจ้าอีก เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าห้ามหนีเชียวล่ะ"ฮั่วหยุนเฟยกล่าวออกมา
ฮั่วหยุนเฟยมองไปยังแผ่นหลังของหานักบุญจื่อหยาง จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปจับในอากาศราวกับจะจับมหานักบุญจื่อหยาง จนทำให้ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของมหานักบุญจื่อหยางระเบิดแตกกระจายหายไปทันที!
เมื่อจิตวิญญาณของมหานักบุญจื่อหยางถูกทำลายลง ผู้อาวุโสผู้มีท่าทีสง่างามที่หมดสติอยู่ก็ตกลงสู่พื้นราวกับหมาที่ไร้ชีวิต นอนฟุบอย่างไร้เรี่ยวแรง
รอบข้างเงียบสงัดราวกับความตาย หลายคนคิดว่าคำพูดของฮั่วหยุนเฟยที่บอกว่าจะไปหา “ร่างจริง” ของมหานักบุญจื่อหยางนั้นคงจะเป็นเพียงการล้อเล่นใช่ไหม? เขายังเด็กอยู่เพียงเท่านี้ แม้จะเป็นอัจฉริยะก็คงไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของมหานักบุญจื่อหยางได้ แถมจ้มหานักบุญจื่อหยางยังอยู่ในตระกูลเฉาอีกด้วย ฮั่วหยุนเฟยจะไปถึงตระกูลเฉาเพื่อฆ่าคนได้จริงหรือ?
"ขอความกรุณาผู้ใดไปทำงานนี้ให้ที นำหมาบ้านนี้ไปฆ่าในที่ไกลๆ อย่าปล่อยให้มันอยู่ที่นี่ให้เสื่อมเสียบรรยากาศ" ฮั่วหยุนเฟยมองไปยังทิศทางของสำนักเหย่ากวง พร้อมกล่าวขึ้นเป็นนัย
“ข้ามาเอง ในฐานะเพื่อนของสำนักเกาซาน เรื่องเล็กๆ แบบนี้ ข้ายินดีช่วยเหลือเต็มที่!” มหานักบุญจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงเข้าใจทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวขึ้น ก่อนจะคว้าตัวผู้อาวุโสผู้สง่างามที่หมดสติแล้วรีบออกจากสำนักเกาซานไป
"มหานักบุญจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงถึงกับต้องมาทำหน้าที่เช่นนี้? นี่สำนักเกาซานมีเกียรติมากแค่ไหนกัน!" ผู้คนรอบข้างเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ต่างตกตะลึง ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเกาซานกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงจะต้องดีถึงขนาดไหนถึงทำให้มหานักบุญจากแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงออกหน้าเอง!
“ทุกท่าน เชิญนั่งเถิด ข้าต้องขอโทษที่ทำให้ความสนุกของท่านถูกรบกวน” ฮั่วหยุนเฟยมองไปทั่วพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวขึ้น
จากนั้นฮั่วหยุนเฟยและเจียงรั่วเหยานั่งลงที่ที่นั่งของพวกเขาอีกครั้ง
หลงไจ้เทียนมองไปที่ฮั่วหยุนเฟยพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและกล่าวขึ้นว่า “สมแล้วที่เป็นหลานของข้า ความแข็งแกร่งนี้เกินกว่าข้าจะเทียบได้แล้ว!”
“หึๆ มันเป็นเพียงวิชาลับเท่านั้นเอง ท่านตาอย่าไปเชื่อถือมากเลย สิ่งนี้ใช้งานได้ไม่กี่ครั้ง เป็นเพียงแค่หลอกลวงเท่านั้น” ฮั่วหยุนเฟยตอบกลับ
“ฮ่าๆ ท่านตาเข้าใจ” หลงไจ้เทียนหัวเราะออกมาเสียงดัง
ในขณะนั้น เจียงรั่วเหยาที่นั่งอยู่จิบสุราหนึ่งอึกก่อนจะหันไปมองชายกลางคนที่สวมชุดคลุมสีดำจากดินแดนปีศาจด้วยความสงสัยแล้วถามว่า “ดินแดนปีศาจของท่านไม่ใช่ว่ารับผิดชอบดูแลกล่องปีศาจอยู่ไม่ใช่หรือ? ทำไมท่านถึงออกมาข้างนอกได้?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของชายกลางคนในชุดคลุมสีดำก็เปลี่ยนไปทันที เขาตอบอย่างไม่สบายใจว่า “เพราะตราประทับของกล่องปีศาจเริ่มอ่อนลงแล้ว คนในเผ่าของข้าได้เติบโตจนแข็งแกร่งเกินควบคุมได้ และพวกข้าใกล้จะกดดันพวกมันไว้ไม่ไหวแล้ว!”
“แต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถติดต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์โกลาหลได้ ข้าจึงต้องออกจากดินแดนปีศาจเพื่อไปตามหาคนจากดินแดนเทพแห่งความโกลาหล”
“ระหว่างทางข้าได้ยินข่าวว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์โกลาหลกำลังจะมาที่สำนักเกาซาน ข้าจึงรีบมาที่นี่เพื่อถามถึงสาเหตุ”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โกลาหลติดต่อไม่ได้แล้วหรือ?” เจียงรั่วเหยาคิดถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งโกลาหลผู้ที่คอยตามเธออยู่ตลอดเวลา ชายคนนั้นดูเหมือนจะทำบางสิ่งสำคัญหายไปก่อนที่เธอจะจากมาเมื่อหลายปีก่อน มันทำให้เขากระวนกระวายอย่างมาก และดินแดนศักดิ์สิทธิ์โกลาหลทั้งหมดต่างช่วยเขาตามหาสิ่งนั้น