ตอนที่แล้วตอนที่ 18 ดอกทองร่วงหล่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20  ผมเข้าใจแล้ว แต่คุณอย่ามาอ้วกใส่ผมนะ  

ตอนที่ 19 ทะลวงช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ด  


ตอนที่ 19 ทะลวงช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่เจ็ด

ที่โรงแรมห่าวไท่

เมื่อฉู่เสวียนกลับมาถึงที่นี่ ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว เขาหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถังและเนื้อวัวกระป๋องมาสองกระป๋องแล้วเริ่มทานอาหารเย็นด้วยความหิวโหย

แต่เมื่อเขตแดนของผู้บำเพ็ญเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน พวกเขาก็จะสามารถอยู่ได้โดยปราศจากอาหารเหล่านี้ ก่อนที่จะกินเมฆและดื่มน้ำค้างเป็นอาหาร

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฉู่เสวียนก็ยังบ่มเพาะไม่ถึงช่วงสร้างรากฐาน นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้สัมผัสกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมานานกว่า 20 ปีแล้ว จึงทำให้เขาคิดถึงรสชาติและกลิ่นหอมเย้ายวนของมันเป็นพิเศษ!

ในโกดังเล็กๆ ของจ้าวหง มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากมาย รวมถึงช็อคโกแลตและบิสกิตหลากหลายชนิด ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้ง่ายมาก แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับฉู่เสวียนที่จะกินไปได้หลายเดือนแล้ว

ส่วนในอ่างกลั่นศพหยินหลายอ่างตอนนี้ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร  ฉู่เสวียนจึงให้เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าพาหมาป่าวิญญาณสองตัวออกไปล่าสัตว์ และให้นำซอมบี้ที่ร่างกายแข็งแกร่งกลับมาด้วยสักสองสามตัว  ใช้เป็นเตาหลอมสำหรับปลูกพืชวิญญาณ

อย่างไรก็ตาม เขายังกำชับให้เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าพุ่งเป้าไปที่ซอมบี้เป็นหลัก ห้ามจับมนุษย์ที่ยังมีชีวิตเป็นอันขาดเพราะถึงอย่างไรเสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าคือพลทหารศพที่เขากลั่นขึ้นมา หากทั้งสองฆ่ามนุษย์ผู้บริสุทธิ์ ผลกรรมก็จะตกมาที่เขา เขาไม่อยากให้ผลบุญที่ได้มาทั้งหมดหายไปในพริบตา

หลังจากที่สั่งการเสร็จแล้ว เสี่ยวหู่และเสี่ยวเป้าก็คำรามออกมาพร้อมกันแสดงว่าพวกเขาเข้าใจ

ทว่าต้าหวงและเอ้อหวงที่อยู่ข้างๆ กลับไม่ตอบรับสักคำ เสี่ยวหู่จึงเข้าไปเตะพวกมันจนกระเด็นออกไปไกล

หมาป่าขวิญญาณสองตัวส่งเสียงครวญครางออกมาและพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่ทั้งสี่จากไปแล้ว ฉู่เสวียนก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มดูดซับลูกปัดโลหิตก้อนใหญ่ที่เขาได้มาทันที

เม็ดลูกปัดโลหิตขนาดเท่ากำปั้นลอยขึ้นมาตรงหน้าเขา จากนั้นเลือดข้างในลูกปัดก็ไหลเข้าสู่ปากและจมูกของเขา และไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาตามเทคนิคพลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิง หลังจากที่เริ่มดูซับลูกปัดเม็ดใหญ่เข้าไป พลังวิญญาณของฉู่เสวียนก็แข็งแกร่งขึ้น

สองวันต่อมา...

ทันใดนั้นการบ่มเพาะของฉู่เสวียนก็ทะลวงเขตแดน ชั่วพริบตาก็เหมือนกับปลาที่ถูกปล่อยลงสู่ทะเลและแหวกว่ายไปอย่างอิสระ

ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น  ยิ้มดีใจออกมา "เข้าสู่ช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่ 7!"

ช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่ 7 อยู่ในขั้นสุดท้ายของการกลั่นลมปราณระดับกลาง

"ในขั้นที่ 7 ของเทคนิคพลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิงนั้น จะมีคาถาใหม่เกิดขึ้นมา ฉะนั้นข้าต้องลองดู"

หากว่านับคาถาที่เขามีในตอนนี้โดยไม่รวมความสามารถในการต้านทานศัตรู ก็จะมีเพียง "ทักษะการกลั่นวิญญาณ“และ”พลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิง”

ซึ่งมันเป็นเพียงคาถาป้องกันระดับกลางของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณเท่านั้น

ศัตรูส่วนใหญ่ในดาวเคราะห์แห่งนี้ก็จะมีแค่เหล่าซอมบี้เท่านั้นที่เขาต้องรับมือด้วยมากที่สุด ดังนั้นเมื่อทะลวงเขตแดนมาอยู่ในขั้นที่ 7  ของทักษะพลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิงได้แล้ว เขาก็ได้คาถาระดับสูงที่ทรงพลังขึ้นมา

ฉู่เสวียนลุกขึ้นยืนทันทีและรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดของเขาออกมา

เปลวไฟสีเขียวที่น่าสยดสยองค่อยๆ ไหลมารวมตัวกันบนฝ่ามือของเขา

เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง เปลวไฟสีเขียวก็ขยายไปจนถึงขีดจำกัด ฉู่เสวียนจึงได้ระเบิดมันออกไปทันที

ปัง

จู่ๆ ผนังก็ถูกระเบิดออกจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ เศษซากระเบิดกระเด็นไปทุกที่ แต่น่าแปลกที่เปลวไฟสีเขียวยังคงลุกไหม้อยู่รอบๆ หลุมนั้น และค่อยๆ ดับลงไปหลังจากผ่านไปนานกว่าสิบนาที

ฉู่เสวียนเลิกคิ้ว มันเป็นคาถาระดับสูงของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณและมีพลังมาก คาถานี้เรียกว่า "กระสุนเพลิงนรก"

ผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณของนิกายอู๋จี๋จะมีเทคนิคทั้งหมดสี่เทคนิค โดยในนั้นมีคาถาโจมตีระดับสูงอยู่เก้าคาถา แต่คาถากระสุนเพลิงนรกนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคาถาโจมตีที่ทรงพลังที่สุด แน่นอนว่าก็มีข้อบกพร่องที่ร้ายแรงเช่นกัน นั่นก็คือใช้เวลาในการรวบรวมนานเกินไป  และต้องใช้พลังวิญญาณเป็นจำนวนมาก

ด้วยพลังวิญญาณในปัจจุบันของฉู่เสวียนเขาสามารถปลดปล่อยมันได้มากที่สุดเพียงสามครั้งเท่านั้น ขณะที่รวบรวมพลัง ก็อาจจะถูกโจมตีได้ง่าย และมันจะสูญเปล่าไปเลยถ้าหากการโจมตีของคาถานี้ไม่โดนศัตรู และเจ้าตัวก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ฉู่เสวียนไม่ได้กังวลว่าจะไม่สามารถโจมตีได้ ด้วยพลทหารศพจำนวนมากภายใต้การบังคับบัญชาของเขา เขาจึงสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแม้แต่เส้นลวดโลหิตก็ยังมีเทคนิคโลหิตผูกมัด ซึ่งทำให้ควบคุมศัตรูได้อย่างง่ายดาย

“ไม่เลว ไม่เลว ข้าควรฝึกฝนวิชากระสุนเพลิงนรกนี้ให้มากขึ้นในอนาคตเพื่อที่จะได้เชี่ยวชาญกว่านี้”

ฉู่เสวียนกำลังจะปล่อยกระสุนเพลิงนรกอีกลูกออกมา แต่เขาก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่อ่างอาบน้ำ

โห่!

ศพหยินปีนออกมาจากอ่างอาบน้ำ มันเดินเข้ามาหาฉู่เสวียนด้วยความเคารพ หลังจากนั้นไม่นาน ศพหยินตัวอื่นก็ตื่นขึ้นมาทีละตัว และเดินมาหาฉู่เสวียนราวกับสุนัขที่เชื่อฟัง

ฉู่เสวียนได้หยดเลือดของตัวเองลงในของเหลวกลั่นศพแม้ว่าจะไม่ใช่แก่นแท้ของโลหิต แต่ก็ได้เห็นได้ชัดว่าพวกมันยอมรับเขาเป็นเจ้านายแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงให้ความเคารพต่อฉู่เสวียนมาก

ฉู่เสวียนเก็บศพหยินทั้งหมดเข้าไปในหอเลี้ยงศพ และใช้ทักษะการระบุตัวตนเพื่อประเมินศพหยินแต่ละตัว

ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้เขาค่อนข้างผิดหวัง เพราะศพหยินทั้งหกศพนั้น ทั้งหมดมีคุณสมบัติระดับต่ำ และคาถาอาคมพรสวรรค์ที่ได้ติดตัวมาก็แย่ไม่ต่างกัน

ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการบิน ที่บินได้ไกลระดับหนึ่ง

เทคนิคการกระโดด ที่สามารถกระโดดได้สูงขึ้นเล็กน้อย

เทคนิคการกิน ที่เร่งการกินได้

เทคนิคในการดูดซับน้ำ  สามารถกักเก็บน้ำไว้ในกระเพาะอาหารได้

เทคนิคการทำให้บริสุทธิ์สามารถทำให้น้ำเสียบริสุทธิ์ได้

และฉู่เสวียนยังเห็นว่าศพหยินตัวหนึ่งมีเทคนิคการทำลายตนเองในระหว่างการต่อสู้  โดยการพุ่งออกไปข้างหน้าและระเบิดตัวเอง

เมื่อเห็นอย่างนั้น เขาก็ออกคำสั่งกับศพหยินตัวนั้นอย่างไม่เต็มใจ และไม่อยากที่จะเก็บผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ไว้

‘ข้าต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมน้ำยากลั่นศพ แต่กลับต้องมาใช้ความพยายามในการฝึกฝนเจ้าอีก เพียงเพื่อให้เจ้าไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาด เช่นนั้นเจ้าก็ควรพุ่งออกไปข้างหน้าและระเบิดตัวเองซะ’

……

มันนานเกินไปหรือเปล่า?

“ชายผู้นี้ยังไม่ตื่นอีกหรือ?” ฉู่เสวียนเดินมาที่หน้าอ่างอาบน้ำอีกครั้ง

อ่างนี้ คืออ่างที่แช่ศพของจ้าวหงไว้  ในตอนนี้ศพก็ได้ดูดซับน้ำยากลั่นศพไปจนเหลือเพียงชั้นน้ำยาบางๆ เท่านั้น ซึ่งศพร่างอื่นๆ ก็ทำการกลั่นออกมาเป็นศพหยินแล้ว แต่เขากลับยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย

ฉู่เสวียนไม่ได้กังวล แต่กลับตรงกันข้าม ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นและคาดหวัง เพราะนี่แสดงให้เห็นว่าศพของจ้าวหงกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อดูดซับแก่นแท้ทั้งหมดในของเหลวกลั่นศพ และมันก็ยังทำการดูดซับไม่หยุด

ฉู่เสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เตรียมของเหลวกลั่นศพอีกถังแล้วเทลงในอ่างแช่ศพของจ้าวหง

“ในอัตรานี้ ข้าเกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกสามถึงห้าวัน”

เมื่อคิดเช่นนั้น ฉู่เสวียนก็เอาเวลาว่างที่เหลือมาหาห้องที่เงียบสงบและเริ่มปรับแต่งเทคนิคกระสุนเพลิงนรกที่เขาได้มาอีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง..

บริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิง

เมื่อเทียบกับโรงแรมห่าวไท่ของแก๊งหลิงฉวนแล้ว ที่นี่ดูสะอาดและเป็นระเบียบกว่ามาก บริเวณรอบๆบริษัท ถูกร่ายล้อมไปด้วยรั้วเหล็กที่มีเลือดสีเขียวเหนียวข้นติดอยู่ มีทั้งเนื้อของซอมบี้จำนวนมาก แน่นอนว่ามันมีบทบาทสำคัญในการป้องกันซอมบี้ไม่ให้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้

ในเวลานี้ก็มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูและกำลังเปิดประตูออกอย่างช้าๆ  จากนั้นหวังยงก็ก้าวเข้ามา

ชายร่างผอมสองคนเดินเข้ามาหาเขา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "พี่หยง พี่ส่งสามคนนั้นกลับไปได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า?"

หวังหยงปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา "ฉันส่งพวกเขาไปที่กองทัพหลินเจียงเรียบร้อยแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของฉันอยู่ที่ไหน ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเขา”

ชายร่างผอมชี้ไปที่อาคารสามชั้นแล้วกระซิบว่า “ผู้จัดการกำลังทำงานอยู่ที่นั่น พี่หยงไม่ควรเข้าไปรบกวนเขาตอนนี้เลยครับ”

หวังยงขมวดคิ้ว “ไม่ ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องบอกเขาตอนนี้ ”

พูดจบเขาก็รีบเดินออกไปทันที

เมื่อเดินมาถึงชั้นล่างของอาคาร ก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางดังมาจากชั้นสาม จากนั้นก็มีชายร่างสูงใหญ่กำยำที่เฝ้าประตูอาคารมามาขวางเขาไว้  หวังหยงต้องการขึ้นไปชั้นบน แต่เขาก็ถูกหยุดเอาไว้

“ฉันขอไปพบลูกพี่ลูกน้องของฉันหน่อย!” เขาตะโกนออกมาด้วยความโมโห

ชายร่างกำยำไม่มีสีหน้าใด ๆ “ผู้จัดการออกคำสั่งว่าไม่ให้ใครหน้าไหนก็ตามเข้าพบ รวมทั้งคุณด้วย”

หวังยงกัดฟันและตะโกนออกมาสุดเสียงว่า “พี่! ฉันหวังหยง! มีเรื่องสำคัญบางอย่างจะบอกพี่!”

ไม่มีเสียงตอบรับครู่หนึ่ง แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกระแทกโต๊ะดังขึ้น

หัวสั้นโผล่ออกมานอกหน้าต่าง  แล้วพูดด้วยความโกรธว่า "ให้ตายเถอะ นายไม่รู้หรือไงว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่"

หลังจากที่สาปแช่งได้ไม่นาน เขาก็พูดว่า "ขึ้นมานี่สิ”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด