CD บทที่ 549 การเดินทางครั้งใหม่
จ้าวหยู่จ้องมองหญิงวัยกลางคนที่ดูธรรมดาในสายตาของเขา เขาไม่คิดว่าเธอจะกลายเป็นผู้หมวดได้
เมื่อมองย้อนกลับไป เขาคิดว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของเขาที่จุดพักรถ มันเป็นเพียงการพยายามหยุดครอบครัวหนึ่งไม่ให้ทำการขู่กรรโชกสำเร็จเท่านั้น
แต่เมื่อจ่าวหยู่นึกถึงรถไห่หม่าสีขาว เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หากเธอเป็นผู้หมวดของท้องที่นี้จริง ๆ ทำไมเธอถึงขับรถที่มีป้ายทะเบียนจากจังหวัดอื่นด้วยล่ะ?
“ผู้หมวดเจียว คุณมาที่นี่มีธุระรึเปล่าครับ?” หัวหน้าแผนกหนิวถามด้วยความอยากรู้ แม้ว่าเขาจะพยายามพูดให้ดูสุภาพก็ตาม
ผู้หมวดเจียวถอนหายใจยาว
“ฉันเพิ่งได้รับแจ้งว่าหัวหน้าแผนกที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานในส่วนนี้ประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ดังนั้น ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้ามารับช่วงต่อ”
จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดในทันใด เนื่องจากหัวหน้าแผนกหยางและเลขาของเขาหลิวถูกโจมตีด้วยระเบิดกลิ่นล่องหนจนหมดสติ พวกเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาทันที
“คุณมีชื่อว่าจ้าวหยู่ใช่ไหม?” ผู้หมวดเจียวหันกลับมา และยิ้มให้จ้าวหยู่ “คุณบอกว่าคุณเป็นตำรวจจากฉินซาน แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุณจะมาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์ทีมสืบสวนพิเศษของกองสืบสวนกลาง มันช่างบังเอิญจริง ๆ ด้วยศักยภาพของคุณ ฉันมั่นใจว่าผลงานของคุณจะต้องออกมายอดเยี่ยมแน่นอน”
“ถูกต้อง แถมเขายังได้อันดับหนึ่งในการสัมภาษณ์ตำแหน่งหัวหน้าทีมอีกด้วย” หัวหน้าแผนกหนิวพูดเสริมอย่างรวดเร็ว
“สุดยอดมาก” หัวหน้าแผนกเจียวตอบกลับอย่างยินดี “แต่ฉันไม่แปลกใจหรอกนะ เพราะฉันได้เห็นความสามารถของคุณด้วยตาตัวเองมาแล้ว และก็ขอบคุณคุณมากที่ช่วยฉันในตอนนั้น”
“ทางนี้ก็เช่นกันครับ” จ้าวหยู่กล่าว “แต่จริง ๆ แล้ว ผมก็แค่แสร้งทำให้ดูเป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นครับ ยังมีหลายเรื่องที่ผมต้องเรื่องเรียนรู้อีกครับ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ สิ่งที่คุณทำมันเต็มเปี่ยมด้วยความกล้าหาญ แถมยังทำด้วยนามของความถูกต้อง นี่มันคุณสมบัติที่ไม่มีสามารถเลียนแบบได้ง่าย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งกองตำรวจของเรากำลังมองหา” ผู้หมวดเจียวกล่าวชมอย่างจริงใจ “อย่ากังวลไปเลย หากคุณมีปัญหาใด ๆ ในกองสืบสวนกลางในอนาคต ให้มาหาฉันได้เลย อย่างน้อย ๆ ฉันน่าจะช่วยคุณได้”
จ้าวหยู่รีบโค้งคำนับพร้อมกระสานมือเพื่อขอบคุณเธอ
หลังจากที่เธอจากไป หัวหน้าแผนกหนิวก็หันกลับมา และตบหลังจ้าวหยู่อย่างแรง จากนั้นก็อุทานด้วยความประหลาดใจ
“จ้าวหยู่ เธอเจ๋งไม่เบาเลยนะ เธอรู้จักกับผู้หมวดด้วยเหรอ? ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนหน้านี้ล่ะ? ถ้าฉันรู้ว่าเธอมีเส้นสายมากขนาดนี้ ฉันคงไม่วิ่งเต้นให้เธอขนาดนี้หรอก ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“อันที่จริง นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เจอกับเธอน่ะครับ” จ้าวหยู่ตอบอย่างตรงไปตรงมา “แถมผมเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นใครด้วยซ้ำ”
“เป็นไงล่ะ หนุ่มน้อย” หวู่ซิ่วหมินยิ้มให้เจิ้งเค่อ “การวิเคราะห์ของพี่สาวคนนี้แม่นยำพอใช่ไหม? อย่างที่ฉันพูดไว้ หัวหน้าทีมของเรามีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง”
“น่าทึ่งมาก!” หรันเต๋าเกาหัวแล้วพูด “ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันได้ติดตามถูกคนแล้ว!”
ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้นั้นอยู่ตรงหน้าพวกเขา และจ้าวหยู่ก็ไม่สามารถโต้แย้งในเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเท่านั้น เขาได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากหัวหน้าแผนกหนิว
ปรากฏว่าผู้หมวดเจียวเป็นรองหัวหน้าของกองสืบสวนกลาง เธอเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ เนื่องจากเธออาศัยอยู่ที่จังหวัดอื่น เธอจึงขับรถที่มีป้ายทะเบียนของจังหวัดนั้น
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวหน้าแผนกหยางดูจะซับซ้อนมาก” หัวหน้าแผนกหนิวกล่าว จากนั้นจึงถามเฉินจัว “เขาหมดสติไปได้อย่างไร และในห้องน้ำด้วย?”
“ใช่ครับ แถมเลขาของเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย” เฉินจัวเสริม “ถ้าเขาอยู่คนเดียว บางทีอาจอธิบายได้ว่าเขาเป็นโรคความดันโลหิตสูง หัวใจวาย หรืออะไรทำนองนั้น แต่ทั้งสองคนเป็นลมหมดสติ มันจะต้องมีสาเหตุอื่น หรือว่า… มันอาจจะมีก๊าซมีเทนอยู่ในห้องน้ำก็ได้ครับ”
“เฮือก!” หรันเต๋าจับหน้าอกตัวเองอย่างหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด “สมแล้วที่ที่นี่เป็นกองสืบสวนกลาง แม้แต่ในห้องน้ำก็ยังมีกับดักด้วย โชคดีที่ฉันไม่เจออะไร…”
สิ่งที่หรันเต๋าพูดมา มันไม่ต่างจากเสียงนกเสียงกาสำหรับหัวหน้าแผนกหนิวกับเฉินจัว
จากนั้น จ้าวหยู่ก็พยายามถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวหน้าแผนกหยาง เขารู้สึกว่าหัวหน้าแผนกหยางพยายามกีดกันเขาออกไป แต่เหตุผลที่เขาทำเช่นนั้น มันไม่น่าจะเป็นเพียงแค่ให้โอกาสนักสืบแก่ ๆ เหล่านั้นเท่านั้น
เมื่อคิดดูอีกที จ้าวหยู่ก็เริ่มได้กลิ่นของแผนการบางอย่าง เขารู้สึกว่าดูเหมือนจะมีบางอย่างที่เป็นความลับเกี่ยวกับหัวหน้าแผนกหยาง
แน่นอนว่าหัวหน้าแผนกหนิวไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นจ้าวหยู่จึงรู้สึกว่าเขาควรหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวหน้าแผนกหยาง เมื่อเขามีโอกาสในอนาคต
หลังจากจัดตั้งทีมแล้ว ผู้บริหารระดับสูงจากแต่ละแผนกก็มาถึง และการประชุมเปิดตัวของทีมสืบสวนพิเศษก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ในตอนแรก จ้าวหยู่คิดที่จะรายงานการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของเขาในระหว่างการสัมภาษณ์ให้ผู้หวดเจียวรับทราบ เนื่องจากมีการบันทึกวิดีโอในระหว่างการสัมภาษณ์ แต่หากจ้าวหยู่เลือกที่จะพูดออกไป มันจะต้องสร้างความปั่นป่วนมากพออย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ผู้คุมสอบทั้งสามคนเดือดร้อน
แต่ในวินาทีสุดท้าย เขาก็เปลี่ยนใจ เพราะผู้อยู่เบื้องหลังจริง ๆ ก็คือหัวหน้าแผนกหยาง
แต่หากเขายื่นเรื่องร้องเรียนตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้ตำแหน่งของหัวหน้าแผนกสั่นคลอนเท่านั้น แต่ยังเปิดเผยตัวตนของเขาอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าผู้คุมสอบทั้งสามคนจะถูกคนร้ายคนนี้ยุยง แต่พวกเขาก็ตระหนักถึงจิตสำนึกของตนเองในช่วงเวลาสุดท้าย และมอบตำแหน่งอันดับหนึ่งให้กับเขา อย่างน้อย ๆ มันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีจิตสำนึกทางศีลธรรมอยู่บ้าง
เนื่องจากเขาสามารถเข้าร่วมทีมสืบสวนพิเศษได้ตามต้องการ หนี้แค้นเหล่านั้นจึงสามารถชำระได้ในภายหลัง
จ้าวหยู่ยูคิดว่าอีกไม่นานที่กองสืบสวนกลางทั้งหมดจะรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับผู้หมวดเจียว ถึงแม้ว่า หัวหน้าแผนกหยางจะตื่นขึ้นหลังจากนี้ เขาก็คงไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมชั่วร้ายใด ๆ กับเขาอย่างแน่นอน
ไม่นาน การประชุมก็เริ่มขึ้น แม้ว่าการประชุมจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ก็เป็นเพียงพิธีการเท่านั้น หลังจากนั้น พวกเขาก็ทำการกล่าวต้อนรับ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดตั้งทีมสืบสวนพิเศษ ตามด้วยคำปราศรัยจากผู้บังคับบัญชา และอื่น ๆ อีกมากมาย...
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด และผู้บริหารระดับสูงทุกคนออกไปแล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดของการประชุมก็มาถึง ตอนนี้ถึงเวลามอบหมายคดีต่าง ๆ แล้ว
ในบรรดาทีมทั้งห้า มีเพียงทีมของจ้าวหยู่เท่านั้นที่รับผิดชอบในการสืบสวนคดีแช่แข็ง จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด มันก็ต้องมีภารกิจในการคลี่คลายคดีที่ยังตกค้างอยู่ โดยเฉพาะคดีที่ตกค้างตั้งแต่สมัยก่อน ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายที่สุด
เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไป พยานหลักฐานต่าง ๆ มักจะหายไปหรือใช้การไม่ได้ ดังนั้น ความยากลำบากที่เกิดขึ้นในการคลี่คลายคดีแช่แข็งจึงมากมายจนไม่อาจวัดได้
หากมองย้อนกลับไปที่ประวัติศาสตร์ของทีมสืบสวนพิเศษ จะพบว่าแทบจะไม่มีบันทึกใด ๆ เลยที่บันทึกถึงการคลี่คลายคดีแช่แข็ง แม้แต่คดีเดียว
เนื่องจากอัตราความสำเร็จอันน้อยนิด เจ้าหน้าที่ในกองสืบสวนกลางจึงเรียกทีมที่รับผิดชอบคดีแช่แข็งว่า หน่วยกล้าตาย พวกเขาต่างมองว่าปลายทางสุดท้ายของทีมนี้จะเป็นเช่นไร
ภายหลังจากการจัดตั้งทีมแล้ว พวกเขาจะได้รับเวลาประมาณหนึ่งปีเพื่อทำการสืบสวนคดีต่าง ๆ หากพวกเขาไม่มีผลงานใด ๆ เลย ทีมนั้นก็จะถูกไล่ออก ด้วยเหตุนี้ มันจึงกลายเป็นชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ของทีมคดีแช่แข็ง
ดังนั้น สำหรับจ้าวหยู่ ผู้เป็นหัวหน้าทีมคดีแช่แข็ง เขาจึงรู้สึกเครียดกับตำแหน่งที่มาพร้อมกับความท้าทายมากมาย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากไม่แพ้กัน
เพราะด้วยตำแหน่งนี้ เขาจึงสามารถสืบสวนคดีแช่แข็งของทั่วทั้งประเทศได้อย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่าเป้าหมายอย่างแรกของเขาก็คือคดีในสมุดปกเหลือง
เขายังคงจำได้อย่างชัดเจนว่าผู้กองจินได้ทุ่มเทเวลา และความพยายามอย่างมากในการตามหาผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา เขายังจำได้ด้วยว่าเมื่อเหมี่ยวอิงเห็นคดีต่าง ๆ ในสมุดบันทึก ความตื่นเต้นอย่างล้นหลามก็ฉายชัดในดวงตาของเธอ เธอต้องการที่จะขุดคุ้ยความจริงร่วมกับเขาไปจนสุดทาง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนไป แม้สิ่งของจะยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ตัวเขากลับต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีเธออยู่เคียงข้างอีกต่อไป
แต่ถึงอย่างนั้น จ้าวหยู่ก็ไม่ย่อท้อ และก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว เพื่อเริ่มต้นเดินทางครั้งใหม่ด้วยตัวเขาเอง
‘เหมี่ยวอิง ไม่ต้องกังวลนะ...’
จ้าวหยู่พูดกับตัวเอง
‘ไม่ว่าอนาคตจะยากลำบากเพียงใด ฉันจะค้นหาความจริงมาให้ได้ ฉันจะจดจำคำพูดของคุณไว้ขึ้นใจ และจะเป็นเชอร์ล็อค โฮล์มส์ตามที่คุณต้องการ!’