ตอนที่แล้วบทที่ 90 เร่งความเร็ว (6)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 92 ศัตรู (2)

บทที่ 91 ศัตรู (1)


[-แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ-]

[-Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอนแต่จะราคาแพงที่สุด-]

[-หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ-]

บทที่ 91 ศัตรู (1)

ความจริงแล้ว หัวใจของคังวูจินแทบจะกระฉอกออกมาจากอกเมื่อเขาเดินมาถึงห้องวีไอพีส่วนตัว

‘บ้าเอ้ย! ในห้องนี้คงจะมีแต่ดาราชั้นนำเพียบแน่ ๆ !’

คังวูจินยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าดาราชั้นนำ เขาสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง

‘ฮึ่-’

เขาเริ่มควบคุมจิตใจตัวเอง ต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ห้องนี้คือสนามรบที่ไม่รู้จักจบสิ้น เขาต้องมีหัวใจที่แข็งแกร่งกว่าปกติหลายเท่า

ใบหน้าของคังวูจินดูเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แล้วเขาก็...

-สืก-

เปิดประตูห้องเข้าไป ฝูงชนภายในห้องต่างก็เข้าสู่สายตาของคังวูจิน

‘ว้าว- เฮ้ย นี่มันกี่คนกันเนี่ย?’

‘น่าจะเกิน 20 คนแน่ ๆ ‘ คังวูจินคิดในใจพลางเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้อง สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่เขา วูจินพยายามไม่สนใจหัวใจที่เต้นโครมคราม ก้าวเข้าไปในห้อง และทักทายทุกคนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ทันใดนั้น เสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้น

“วูจิน มานี่สิ”

รยูจองมิน เจ้าของผมหยิกแบบเบเบี้ยนั่งอยู่กลางโต๊ะ คังวูจินเกือบจะวิ่งเข้าไปกอดเขา ความดีใจมันล้นปรี่ สายตาของเขามองเห็นภาพกว้างขึ้น นักแสดงระดับท็อปนั่งล้อมรอบรยูจองมิน ว้าว มันช่างน่าทึ่ง คังวูจินอยากจะเข้าไปทักทายทุกคน แต่...

‘ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้’

คังวูจินพยายามควบคุมตัวเองแสดงออกอย่างสงบไม่แสดงความตื่นเต้น

‘ฟึบ’

เขาทำเพียงแค่โค้งคำนับเบา ๆ ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพียงคนเดินผ่านไปมา

“สวัสดีครับ ผมคังวูจิน ยินดีที่ได้รู้จัก”

‘รอดแล้ว’ คังวูจินพึมพำเบา ๆ ในใจ ขณะที่เขากำลังชมตัวเองอยู่

“ช้าไปหน่อยนะคะ คุณ คังวูจิน ถ้าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ควรจะมาถึงก่อนใครไม่ใช่เหรอคะ? ดูเหมือนจะหยิ่งไปหน่อยแล้วนะคะ”

เสียงหวาน ๆ ของนักแสดงหญิงที่นั่งข้าง ๆ ดังขึ้น คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน วูจินหันไปมองไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน เขาก็รู้ว่าใคร

‘ซอแชอึน สวยมาก ไม่สิไม่ใช่เรื่องนั้น’

ซอแชอึน นักแสดงหญิงระดับท็อป ในสื่อมวลชน เธอปรากฏตัวในภาพลักษณ์ที่อ่อนหวานและสง่างาม แต่ตอนนี้ ท่าทางที่เธอพูดกับคังวูจิน ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความร้ายกาจ วูจินจึงรู้สึกสงสัยในใจ

‘อะไรกัน ผู้หญิงคนนี้ นี่เธอตั้งใจจะหาเรื่องฉันเหรอ? หรือว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าการกดขี่?’

การกดขี่ มันมีอยู่ทุกที่แม้แต่ในบริษัทออกแบบที่คังวูจินเคยทำงาน แน่นอนว่าวงการบันเทิงยิ่งหนักหนาสาหัส คิดดูสิว่ากระทั่งคังวูจินก็รู้สึกได้ว่านักแสดงหญิงคนนี้กำลังหาเรื่องเขา

‘หรือว่าเธอเกลียดฉัน? ไม่อยากจะทะเลาะกันหรือเกลียดกันเลยแฮะ แบบไหนก็ไม่รู้สึกดีเท่าไหร่หรอก’

ซอแชอึนกับฮวาลินต่างกันลิบลับ ฝ่ายนั้นแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบ คังวูจินตัดสินใจในชั่วพริบตา

‘ถามกลับไปแบบไม่ไว้หน้า แต่ไม่รุนแรงเกินไปแล้วกัน’

นี่คือการกระทำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน

“คุณไม่ชอบผมหรือครับ?”

เขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ย่อมต้องรักษามารยาท แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่รักษามารยาท เขาก็ไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมถ่อมตน คังวูจินตอนนี้คือดาราหนุ่มที่หยิ่งทะนง ตัวเองเต็มไปด้วยความมั่นใจและความเย่อหยิ่ง ไม่สนใจสายตาคนอื่น เดินหน้าชนอย่างเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น

‘จะทำอะไรได้ล่ะ? ฉันไม่รู้หรอก ก็ฉันได้รับเลือกโดยตรงจากผู้กำกับนิ’

คังวูจินนั้น ไร้ซึ่งสายสัมพันธ์ รายชื่อคนรู้จัก หรือเส้นสายใด ๆ เขาจึงทำอะไรก็ได้อย่างไม่เกรงกลัวไม่มีใครกล้าขัด

ซอแชอึนเบิกตากว้าง ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง

“......คุณพูดอะไรนะคะ?”

เธอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินหรือ? วูจินทวนคำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“หรือว่าผมทำให้คุณไม่พอใจ?”

รยูจองมินหัวเราะเบา ๆ เพราะตนรู้จักนิสัยประหลาดของวูจินมาแล้ว

‘เหมือนเดิมเลย ชายผู้เดินตามทางของตนเอง’

คิมอีวอนที่อยู่ใกล้ ๆ คิดในใจ

‘โอ้โหพูดตรง ๆ กับซอแชอึนเลยเหรอ? ชายชาตรีจริง ๆ !’

ชอนอูชางรู้สึกชื่นชมกับความตรงไปตรงมาของวูจิน

‘บุคลิกแปลกใหม่ น่าสนใจมาก บรรยากาศเย็นชาไม่เกรงใจใคร แถมยังหน้าด้านซะด้วย ท่ามกลางคนมากมายแบบนี้ เขาไม่หวั่นไหวบ้างเลยเหรอ?’

ซอแชอึนขมวดคิ้ว เขม้นมองราวกับเจอสิ่งที่เหลือเชื่อ

“เอ่อ···คือ···คุณไม่ได้รู้สึกอะไรก็ไม่เป็นไร แต่พวกพี่ ๆ มาถึงกันหมดแล้ว คุณมาคนเดียวช้าขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูดเหรอ?”

รยูจองมินพยายามคลี่คลายบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียดขึ้น

“เฮ้ เฮ้ ซอแชอึน เลิกเถอะ”

“อะไรกัน? พี่ไม่ต้องมาห้ามฉันหรอก พี่ควรไปดุคนนั้นมากกว่า”

ในเวลานั้น

“ถ้าคุณหมายถึงเรื่องมาสาย”

คังวูจินเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย สายตาจ้องมองซอแชอึนตรง ๆ

“ผมคงเป็นคนมาถึงเร็วที่สุดแล้วล่ะ”

“อะไรนะ?”

“ผมมาถึงที่นี่ 45 นาทีก่อนแล้ว และผมไปคุยกับผู้กำกับควอนกีแท็ก ในลานจอดรถน่ะครับ ผู้กำกับก็จะมาถึงเร็ว ๆ นี้”

“······จริงเหรอ?”

“ครับ”

“งั้น คุณก็บอกตั้งแต่แรกสิ”

วูจินพูดต่อด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“คุณไม่ให้ผมอธิบายเลยนี่ครับ ผมนั่งลงปุ๊บ คุณก็เริ่มโจมตีผมปั๊บ”

ซอแชอึนกัดฟันแน่น ริมฝีปากเผลอเอ่ยออกมาเบา ๆ

‘···นี่มันอะไรกัน?’

เด็กใหม่คนนี้ไม่ยอมแพ้ ซอแชอึนถึงกับรู้สึกกดดัน ในวงการบันเทิงกว่าสิบปี เธอไม่เคยเจอใครแบบคังวูจิน บรรยากาศรอบตัวเขา หนักอึ้ง อารมณ์เย็นชา แต่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก

‘เด็กอะไรทำไมถึงมีออร่าหนักหน่วงขนาดนี้?’

ในขณะเดียวกัน คังวูจินก็จ้องมองซอแชอึน และกำลังปลอบใจตัวเองอย่างหนัก

‘การจ้องตานี่ ถ้าแพ้ก็เท่ากับพ่ายแพ้ ไอ้คอนเซ็ปต์ของฉันนี้ ชักเริ่มรู้สึกลำบากจริง ๆ แล้วแฮะ ’

ทันใดนั้น

- เอี๊ยด

ประตูห้องเปิดออก พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำ

“อ้าว มาช้าไปหน่อย คุยโทรศัพท์นานนิด โทษทีนะ”

ผู้กำกับควอนกีแท็กเดินเข้ามา ด้วยท่าทางอ่อนโยน นักแสดงทุกคนลุกขึ้นยืน

- ครืด

การต่อสู้สายตาอันดุเดือดระหว่าง ในที่สุดซอแชอึนกับคังวูจินสิ้นสุดลง แม้จะจบลงแล้ว แต่ภาพของคังวูจินก็ยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของรยูจองมิน คิมอีวอน และ ชอนอูชาง

‘ไอ้บ้าอะไรเนี่ย?’

‘บ้า ๆ บอ ๆ แต่ดูน่ารักดี’

แน่นอนว่าซอแชอึนเป็นคนที่รู้สึกแรงที่สุด

‘ฮึ่ย น่ารำคาญ ชิชะ! มีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอ?’

ส่วนคังวูจิน

‘อืม ถือว่ารักษาคอนเซ็ปต์ได้ชัดเจน ผ่าน!’

เขาชมตัวเองอย่างภาคภูมิใจ

เวลาผ่านไปไม่กี่สิบนาที

ผู้กำกับควอนกีแท็กเดินเข้ามาในห้องวีไอพี นั่นหมายความว่าทุกคนมาครบแล้ว ผู้กำกับควอนกีแท็กนั่งอยู่บนเก้าอี้หัวโต๊ะ

“เอ้า ๆ”

เขาหยุดคุยกับทีมงานและหันมาดึงดูดความสนใจของทุกคน สายตาของคนกว่า20 คน ต่างจับจ้องไปที่เขา

“ทุกคนคงจะคุ้นเคยกับบางหน้า บางหน้าอาจจะไม่คุ้นกัน แต่ตอนนี้เรานั่งเรือลำเดียวกันแล้ว ฉะนั้นขอให้เรามุ่งหน้าไปสู่การเปิดตัวภาพยนตร์โดยไม่มีปัญหาใด ๆ”

คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาดี แม้ว่าทีมงานและนักแสดงจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย แต่การเดินทางของเรือลำนี้ไปสู่การเปิดตัวภาพยนตร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย วงการบันเทิงเป็นสถานที่ที่ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ภาพยนตร์มากมายล้มเหลวในแต่ละปี อาจเพราะทั้งปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ และปัญหาใหญ่ ๆ

ผู้กำกับควอนกีแท็กชี้ไปที่นักแสดงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ก่อนอื่น นักแสดงหลักของพวกเรา ฝากเนื้อฝากตัวด้วย แล้วก็นี่คังวูจิน มีหลายคนที่ไม่เคยเห็นเขาใช่ไหม?”

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่คังวูจินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนักแสดง เขายังคงนิ่งเฉย ผู้กำกับควอนกีแท็กยิ้ม

“เอาล่ะ น้องใหม่ไฟแรงขนาดนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากหรอกนะ ถึงจะหน้าใหม่ แต่ฝีมือไม่ธรรมดาเลย เล่นดีมาก ทุกคนต้องระวังตัวไว้หน่อยล่ะ ฮ่า ๆ ๆ”

แม้จะพูดติดตลก แต่คำพูดของเขามีหนามแหลมซ่อนอยู่เรียกได้ว่าเป็นการเตือนสติเหล่านักแสดงระดับท็อป ผู้กำกับควอนกีแท็ก บุคลิกอบอุ่น แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามเป็นเสน่ห์ที่หาใครเทียบไม่ได้

“วูจิน ลองแนะนำตัวกับทุกคนหน่อยสิ”

คังวูจินลุกขึ้นยืนทำตามคำขอ น้ำเสียงเรียบเฉย

“สวัสดีครับ ผม คังวูจิน”

ทีมงานต่างงุนงง เพราะคิดว่าเขาจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ผู้กำกับควอนกีแท็กที่รู้จักนิสัยของวูจินดีจึงหัวเราะออกมา

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าหนุ่มนี่มันนิ่ง ๆ หน่อย แต่ปกติมันเป็นแบบนี้แหละ อย่าไปคิดมากกันนะ”

หลังจากการแนะนำนักแสดงชั้นนำคนอื่น ๆ และการทักทายของทีมงานเสร็จสิ้นลง บรรยากาศการสนทนาก็กลับมาอยู่ที่ผู้กำกับควอนกีแท็ก อีกครั้ง

“อืม ก่อนอื่น วูจินกับจองมินได้เปิดเผยต่อสื่อไปแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ จะค่อย ๆ เปิดเผยทีหลัง เราจะเดินหน้าไปอย่างช้า ๆ และให้มันยืดเวลาออกไป ดังนั้น นักแสดงทุกคนโปรดระมัดระวังอย่าให้ความลับรั่วไหลออกไปนะ สำหรับตารางงานเบื้องต้นนั้น เซ็ตกำลังอยู่ในช่วงการผลิต และอาจจะเริ่มอ่านบทได้ภายในเดือนหน้า······”

การอธิบายเกี่ยวกับตารางงานเบื้องต้นใช้เวลาไปประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นก็เป็นเวลาพักทานอาหารแบบอิสระ บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส ทุกคนต่างพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานใกล้ชิดและเริ่มรับประทานอาหาร

แน่นอนว่าคังวูจินก็เช่นกัน

‘โอ้! อันนี้มันอร่อยมากเลย! รสชาติหรูหราจริง ๆ ’

เขามัวแต่เพลิดเพลินกับรสชาติอาหารอย่างแท้จริง แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย ขณะนั้น ซอแชอึนที่นั่งข้าง ๆ คังวูจินก็แอบมองเขาอยู่ แววตาของเธอดูไม่ค่อยสบายใจนัก

“ฉันแค่สงสัย หลังจากเริ่มถ่ายทำแล้ว คุณคงจะไม่มาสายหรือมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับทีมงานใช่ไหม?”

การทะเลาะเบาะแว้งกับทีมงาน หมายถึงนักแสดงดัง ๆ ที่ชอบ ‘นั่งเฝ้า’ อยู่ในรถตู้ แสดงออกโดยตรงว่าตนไม่พอใจกับผู้กำกับหรือกับนักแสดงคนอื่น ๆ

แน่นอนว่าคังวูจินไม่รู้เรื่องนี้

‘ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรของเธอ หน้าตาไม่สวยเท่าฮงฮเยยอน ฉันไม่รู้หรอก อย่ามายุ่งกับฉันตอนฉันกำลังกินข้าว’

วูจินที่กำลังใช้ตะเกียบคีบกิมจิตอบเธอไปแบบขอไปที

“ไม่ครับ คุณล่ะครับ?”

“······อะไรนะคะ?”

“เปล่าครับ แค่สงสัยเฉย ๆ”

รยูจองมินเกือบจะสำลักน้ำซุปที่กำลังเคี้ยวอยู่ ชอนอูชาง กับคิมอีวอน แค่ยืนมองดูสถานการณ์อย่างไม่ใส่ใจ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ซอแชอึนมองวูจินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงง แล้วก็พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ

“เอ่อ คุณรู้จักผู้กำกับควอนหรือเปล่า? หรือว่าคุณมีเส้นสายอะไร?”

คังวูจินตอบทันที

“ไม่มีครับ”

ซอแชอึนอึ้งไป เธอมองคังวูจินราวกับว่าเขาเป็นคนบ้า รยูจองมินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแทรกขึ้นมา

“พอแล้ว กินข้าวกันเถอะ วูจินเล่าเรื่อง ‘พ่อค้ายาเสพติด’ ให้ฟังหน่อยสิ แจจุนแสดงเป็นไงมั้ง?”

ทันใดนั้น หัวข้อสนทนาบนโต๊ะนักแสดงก็เปลี่ยนไป เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง

-ครืด

คังวูจินลุกขึ้นยืนเงียบ ๆ รยูจองมินจึงถามขึ้น

“ไปไหนเหรอ?”

“ไปห้องน้ำครับ”

วูจินเดินออกจากห้องไปทันที ซอแชอึนวิ่งตามมาติด ๆ เป้าหมายของเธอคือ รยูจองมินที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ไม่จริงนะ พี่! เขาน่ะจะไม่มีเส้นสายจริง ๆ เหรอ?”

“เส้นสายอะไร?”

“ก็ลูกคนรวยอะไรแบบนั้นไง”

ชอนอูชางร่างกำยำหัวเราะเบา ๆ

“พี่สาวครับ นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่ละครนะครับ”

“แหมตายจริง! ไม่จริงน่า ตั้งแต่เล่นละครมาไม่เคยเจอแบบนี้เลย ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ เขาไม่มีเส้นสายแล้วทำไมถึงกล้าทำแบบนี้ได้?”

รยูจองมินที่ไว้ผมดัดลอนเบา ๆ เหมือนเข้าใจในระดับหนึ่ง ยกแก้วน้ำขึ้นมา

“วูจินน่ะไม่ใช่คนธรรมดาหรอก เขาไม่สนใจเรื่องการเลื่อนตำแหน่ง ไม่แปลกหรอกที่เขาจะทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง”

“อะไรนะ?”

ซอแชอึนถามกลับ รยูจองมินสบตากับเธอพลางกอดอก แล้วเริ่มเล่าถึงสิ่งที่เขาสังเกตเห็นเกี่ยวกับคังวูจิน

“ดูเหมือนเขาจะไม่จริงจังกับการแสดงเท่าไหร่เลย ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ เดี๋ยวพวกนายคงจะได้รู้กันไปเอง แต่ถึงจะทำแบบนั้น ดูผลลัพธ์ตอนนี้สิ มันจำเป็นที่เขาจะต้องมีเส้นสายหรือแบ็กอะไรอีกไหม?”

“อะไรนะ พี่จะบอกว่าเขาแสดงเป็นงานอดิเรกหรือไง?”

“ไม่รู้หรอก แต่ดูเหมือนการแสดงจะไม่ใช่ทุกอย่างของเขา วูจิน เขาเรียนต่างประเทศมา ภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นเก่งมาก อ้อ เขาบอกว่าออกแบบก็เก่งด้วยนะ?”

“······อะไรกันนั่น”

รยูจองมินปลูกฝังความเข้าใจผิดให้กับเหล่าดาราเพื่อนร่วมอาชีพ

“เอาเป็นว่าเวลาเห็นวูจิน ดูเหมือนเขาจะแสดงแบบลวก ๆ แต่จริง ๆ แล้วเราแทบต้องกัดฟันสู้กับเขา ถึงจะพอทัดเทียมได้เลยล่ะ”

เขายิ้มเยาะ เท้าคางลงพร้อมจ้องมองซอแชอึน

“วูจินมีแบ็กอยู่ แต่แบ็กของเขาคือความสามารถ”

เช้าวันรุ่งขึ้น สาย ๆ สถานีโทรทัศน์ HTBS ช่องดิจิทัล

หญิงสาวผมยาวสลวยสวมแมสก์เดินเข้ามาในล็อบบี้ที่คึกคัก ฮงฮเยยอน เธอแวะมาที่นี่ก่อนเริ่มถ่ายทำละคร "นิติจิตวิทยา" ไม่น่าแปลกใจเลยที่ดาราระดับท็อปอย่างเธอจะดึงดูดสายตาของผู้คนนับสิบ แม้แต่ช่างภาพก็ยังมาขอถ่ายรูป

แต่ที่น่าสนใจคือ...

“แดยอง นี่เป็นครั้งแรกที่นายมาสถานีโทรทัศน์ใช่ไหม?”

คิมแดยอง ชายร่างกำยำจากทีมของฮงฮเยยอน เขาเพิ่งเข้าร่วมทีมเมื่อไม่นานมานี้เพื่อฝึกฝนและเรียนรู้

“อ่า...ใช่ครับ ครั้งแรกเลย”

แม้ร่างกายจะดูใหญ่โต แต่ใบหน้าของคิมแดยองกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด หัวหน้าทีมผู้จัดการร่างผอมบางตบไหล่เขาเบา ๆ

“รีบ ๆ ทำความคุ้นเคยซะไม่ต้องกังวลมากหรอก คิดซะว่าที่นี่เป็นเหมือนบริษัทก็แล้วกัน”

“ครับเข้าใจแล้ว ฮึ แต่คนมอง...เยอะจริง ๆ นะครับ”

“หมายถึงมองฉันเหรอ?” ฮงฮเยยอนหันไปตอบ คำพูดนั้นดังขึ้นมาจากริมฝีปากของเธอ

“แต่จะว่าไป คุณแดยอง คุณโทรหาเพื่อนของคุณแล้วหรือยัง? เขาไปทำงานแล้วใช่ไหม?”

เธอหมายถึงคังวูจิน

“ครับ โทรแล้ว”

“เขาว่ายังไง?”

“เขาขอให้ตั้งใจทำงาน...”

“ธรรมดาจัง”

ไม่ใช่เลย ความจริงแล้ว คิมแดยองได้ยินคังวูจินพูดว่า ‘เป็นไงได้อยู่กับฮงฮเยยอนน่ะ เอาแต่จ้องมองเธอล่ะสิ?’

พอถามจบแล้ว ฮงฮเยยอนและทีมของเธอก็ขึ้นลิฟต์ไป

“มาเร็วไปหน่อยนะ เดี๋ยวฉันขอโทรหา PDยุนก่อน”

“ครับ”

จุดหมายปลายทางของพวกเธอคือแผนกวาไรตี้

-ติ๊ง!

ลิฟต์มาถึงชั้นแล้ว ประตูลิฟต์เปิดออกอย่างช้า ๆ

“เอ๊ะ??”

ในกลุ่มคนที่รออยู่ ผู้หญิงที่มีจุดใต้ตา เธอตกใจเมื่อเห็นฮงฮเยยอนในลิฟต์

“เฮ้ พี่ฮเยยอน?”

ฮวาลิน... ใช่เธอคนนั้นเอง ฮงฮเยยอนในลิฟต์ และฮวาลินที่มองเธอด้วยแววตาตกใจ ทั้งสองแต่งตัวต่างสไตล์กันโดยสิ้นเชิง ฮงฮเยยอนสวมเสื้อเชิ้ตหลวม ๆ ส่วนฮวาลินใส่เสื้อแขนสั้นรัดรูป

แต่...

“พี่สาว??”

“ฮวาลิน??”

ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ คิมแดยองก็เช่นกัน

‘ว้าว- ฮวาลินนี่นา สมแล้วที่ต้องเจอกันในสถานีโทรทัศน์!’

ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ฮงฮเยยอนก็ก้าวออกจากลิฟต์และยืนอยู่ตรงหน้าฮวาลิน

“ฮวาลิน? เธอมาทำอะไรที่นี่? ตั้งแต่เช้าเลยนะ”

ดวงตาของฮวาลินเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เธอตอบคำถามด้วยคำถาม

“อ่า- พี่สาวล่ะ?”

“ฉันมาพบกับPDยุนน่ะ”

“···PDยุน? หมายถึงPDยุนบยองซอนใช่ไหมคะ?”

“แล้วที่HTBS นี่จะมี PDยุนคนอื่นนอกจากเขาอีกเหรอ?”

ฮงฮเยยอนถามกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัย

“อย่าบอกนะ- ฮวาลิน เธอก็มาพบกับPDยุนเหมือนกัน??”

“ไม่······คือฉันเพิ่งไปพบกับPD ยุนมาแล้ว”

“ไปพบแล้วเหรอ?”

ฮวาลินพูดออกมาอย่างรวดเร็วราวกับความคิดผุดขึ้นมาในหัว

“เอ่อ พี่ ฮงฮเยยอน พี่ไปเพราะรายการใหม่ของPDยุนบยองซอนใช่ไหม? ไม่ใช่เหรอ?”

ฮงฮเยยอนตอบสั้น ๆ ขณะที่ใช้มือหวีผมยาวตรงของเธอ

“ใช่”

ในทันใดนั้น ดวงตาของฮวาลินเบิกกว้าง

“โอ้! จริงเหรอ? ทำไม? ไหงกะทันหันแบบนี้ล่ะคะ?”

“ไม่ ฉันถามเธอเหมือนกัน”

“อืม? อ๋อ···ฉัน”

ฮวาลินพูดติด ๆ ขัด ๆ ก่อนจะลดเสียงลง

“ฉันได้งานนี้แล้ว”

“ได้งาน? หมายถึงได้ร่วมรายการใหม่ของPD ยุนใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ”

“ฉันไม่รู้เลยไม่รู้จริง ๆ แล้วทำไมไม่บอกฉันก่อนล่ะ?”

“ไม่ใช่ไม่บอก แต่บอกไม่ได้PDยุนบอกว่าเป็นความลับ”

“แต่ข่าวออกไปข้างนอกว่าวูจินได้ร่วมรายการแล้วนี่”

“แค่คังวูจินเท่านั้นที่ยืนยันแล้วค่ะ นอกจากฉัน ยังมีอีกหลายคนที่ตกลงแล้ว”

ฮงฮเยยอนกัดริมฝีปากเบา ๆ เมื่อได้ยินคำตอบ

‘นี่มันอะไรกัน? แปลว่าฮวาลินจะร่วมงานกับคังวูจิน ทั้งละครสั้นและรายการวาไรตี้?’

ความรู้สึกของเธอยิ่งชัดเจนขึ้น

‘บังเอิญ···หรือเปล่า? แต่ละครสั้นยังพอเข้าใจ แต่จะมาติดรายการวาไรตี้ต่อเนื่องแบบนี้ มันดูเกินไปหน่อย-’

ฮวาลินเป็นคนขัดจังหวะความคิดของฮงฮเยยอนที่ลึกล้ำ

“พี่ก็ได้รายการวาไรตี้ด้วยเหรอ?”

“···ยังไม่ได้ตกลง แค่ไปคุยกันก่อน”

“เฮ้ พี่ไม่ค่อยรับงานวาไรตี้ไม่ใช่เหรอคะ?”

“อื้มก็จริง แต่ฉันอยากพักเรื่องการแสดงสักพัก เลยลองคุยกับPDยุนดู”

ฮงฮเยยอนอธิบายพลางเอื้อมมือไปวางบนไหล่ของฮวาลินแล้วดึงเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหู

“ฮวาลิน เธอชอบคังวูจินเหรอ?”

จบ

-ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร -ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด