บทที่ 816: "ลางสังหรณ์แห่งสงครามครูเสด"
[-แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ-]
[-Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอนแต่จะราคาแพงที่สุด-]
[-หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ-]
บทที่ 816: "ลางสังหรณ์แห่งสงครามครูเสด"
"แน่นอนว่าต้องเป็นหนวดขาวสิ ลุงสนใจเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ?"
บทสนทนาระหว่างไทเกอร์กับมิฮาล์คดึงดูดความสนใจของเอส แม้เหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะยังไม่ทำให้เขาสำนึกได้ แต่เขาก็ยังคงตั้งเป้าหมายไว้ที่หนวดขาว
หลังจากการต่อสู้ระหว่างหนวดขาวกับไคโดจบลง ใครกันแน่ที่แข็งแกร่งที่สุดระหว่าง "สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด" กับ "ชายที่แข็งแกร่งที่สุด" ก็กลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงในท้องทะเล
เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อเวลาผ่านไป ไคโดจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด
พวกเขาไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง แต่ไคโดยังหนุ่มกว่า เขามีเวลามากกว่า นั่นคือข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
สำหรับเอส การที่เขาต้องการท้าทายหนวดขาวนั้นเกี่ยวข้องกับโรเจอร์อยู่บ้าง
เอสไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อพ่อที่เขาไม่เคยพบเจอ เขาจึงอยากท้าทายหนวดขาว ผู้ที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกับโรเจอร์ ในช่วงที่พวกเขาอยู่จุดสูงสุด ไคโดยังเป็นแค่เด็กฝึก ไม่มีชื่อเสียง
แต่คนภายนอกไม่รู้เหตุผลนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาคือโรเจอร์ และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี อย่างน้อยที่สุดในเกาะเงือก ชื่อเสียงของโรเจอร์ก็ธรรมดา
แม้ว่าเนปจูนจะเคยเจรจาสันติภาพกับเขา และทอมก็เคยสร้างเรือให้เขา แต่ผู้คนบนเกาะเงือกหลายคนก็เกลียดชังราชาโจรสลัดคนนี้ พวกเขาขอบคุณหนวดขาวที่ให้ความคุ้มครอง และขอบคุณกลุ่มร้อยอสูรที่นำการพัฒนามาให้ แต่ก็เกลียดชังโรเจอร์ที่เป็นผู้เปิดศักราชแห่งโจรสลัด
ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา นอกจากช่วงเวลาของเจ้าหญิงเงือกองค์ก่อน เกาะเงือกไม่เคยมีเสถียรภาพที่ยาวนาน แต่หลังจากที่ยุคสมัยแห่งโจรสลัดเริ่มต้นขึ้น เกาะเงือกก็ยิ่งปั่นป่วนวุ่นวายมากขึ้น
เงือกและมนุษย์เงือกจำนวนไม่น้อยคิดว่า หากไม่มีโรเจอร์ เกาะเงือกคงจะสงบสุขกว่านี้ แม้ว่าจะมีโจรสลัดอยู่บ้าง ก็คงไม่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสายเช่นนี้
"ไม่สนใจที่ฉันพูดหรอก นั่นมันเรื่องของนายอยู่ดี"
ไทเกอร์ไม่เหมือนกับจินเบ แม้ว่าจะได้ยินว่าเอสต้องการท้าทายหนวดขาว เขาก็ไม่ได้คิดจะห้ามปราม แม้ว่าเอสจะต้องการท้าทายไคโด เขาก็จะไม่ห้ามเช่นกัน
อาโอบะต่างจากไทเกอร์ อาโอบะเคารพนับถือไคโดเป็นการส่วนตัว การเข้าร่วมกลุ่มร้อยอสูรก็เพราะชื่นชมไคโด แต่ไทเกอร์เป็นเพียงสาวกของเทพเจ้าอาร์เซอุส ตราบใดที่เอสไม่พูดอะไรแปลกๆ หรือทำอะไรผิดปกติ เขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
"ถ้านายทำสำเร็จ ชีวิตต่อไปของนายคงจะสุขสบายน่าดู"
"หมายความว่ายังไงครับ?"
"ก็แค่นึกว่า นายมีพรสวรรค์ในการขุดเหมืองน่ะ"
"?"
เอสงุนงงอีกครั้ง เขาเริ่มไม่เข้าใจโลกใหม่แล้ว ดูเหมือนว่าคนที่นี่จะให้ความสำคัญกับพรสวรรค์ในการขุดเหมืองมาก แต่ไทเกอร์ไม่ได้อยู่ต่อ เขาหยิบสมุดขึ้นมาแล้วเดินไปอีกด้านหนึ่ง
เอสไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดที่ไร้สาระพวกนี้ เขาไม่คิดจะใช้วิธีนี้หาเงินในอนาคต
หลังจากใช้เวลาหลายวัน กลุ่มโจรสลัดโพดำก็สะสมเงินทุนเริ่มต้นได้สำเร็จด้วยการขุดเหมือง และรอคอยกลุ่มโจรสลัดกลุ่มอื่นๆอย่างราบรื่น
กลุ่มโจรสลัดเหล่านั้นคือผู้ล้มเหลวในโลกใหม่ พวกเขาต้องการปล้นสะดมก่อนที่จะหนีกลับไปยังครึ่งแรกของแกรนด์ไลน์ แล้วก็บังเอิญเจอกับเอสและพวกพ้อง หลังจากถูกปล้นเรือไป พวกเขาก็ต้องมาทำงานขุดเหมืองแทน
ในเรื่องนี้ โอโตฮิเมะที่ไม่ชอบการฆ่า ได้เรียนรู้วิธีการดัดสันดานของกลุ่มร้อยอสูร นั่นก็คือการขุดเหมือง จนกว่าอีกฝ่ายจะสำนึกผิดอย่างแท้จริง
ถ้าไม่สำนึกผิดก็ไม่เป็นไร ปกติแล้วขุดไปสักสองสามร้อยปี ก็จะได้รับอิสรภาพอีกครั้ง
สำหรับวิธีตรวจสอบว่ามีการกลับใจจริงหรือไม่นั้น โอโตฮิเมะมีวิธีเฉพาะตัวของเธอเอง
...
"พี่ไท ปล่อยให้พวกเขาไปแบบนี้เลยเหรอครับ?"
"ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งหรอก เด็กหัวดื้อแบบนี้มีเยอะแยะ แกดูแลไม่ไหวหรอก ไม่ว่าจะเป็นฝั่งร้อยอสูรหรือหนวดขาวก็เหมือนกัน"
มองดูกลุ่มโจรสลัดหนวดดำที่จากไป จินเบลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนอยากจะเข้าไปขัดขวาง แต่สุดท้ายก็ฟังคำแนะนำของไทเกอร์ ตามที่ไทเกอร์บอก แค่พวกเขาจะไปถึงจุดหมายได้อย่างราบรื่นหรือไม่ก็เป็นปัญหาแล้ว
ไทเกอร์มีสถานะในหมู่เผ่าเงือกเหมือนกับวีรบุรุษในตำนานของเผ่ายักษ์ มีอิทธิพลเหนือกว่าคนทั่วไป คำแนะนำของเขามักจะได้รับการปฏิบัติตามอย่างราบรื่น
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าหนุ่มนั่นก็เป็นซูเปอร์โนว่าคนหนึ่ง ปกติแล้วจะถูกชักชวนเข้ากลุ่ม แต่ด้วยนิสัยแบบนี้... จินเบ แกเดาว่าเขาจะไปขุดแร่ให้ร้อยอสูร หรือจะถูกหนวดขาวปราบล่ะ?"
"บางทีอาจจะเป็นลูกเขยของบิ๊กมัมก็ได้นะครับ? หรือว่าบางทีบิ๊กมัมอาจจะสนใจตัวเขาเลยก็ได้"
"ฮ่าฮ่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็สนุกดี แต่คงไม่น่าเป็นไปได้หรอก ว่าแต่จินเบ ที่นี่ฝากให้แกดูแลแล้วกัน ฉันว่าจะออกไปท่องเที่ยวสักพัก แม่ชีมิสุเชิญฉันไปอีกแล้ว"
ก่อนหน้านี้ ตอนที่คุยกันเล่นๆ เอสและคนอื่นๆไม่ได้ปิดบังความตั้งใจของตัวเองเลย พวกเขาบอกว่าเป้าหมายที่อยากจะท้าทายคือพวกระดับท็อป ซึ่งในสายตาของไทเกอร์ เขาไม่มีทางสำเร็จแน่ แค่รอดูว่าจะล้มเหลวตรงไหนเท่านั้น
โลกใหม่ไม่เคยขาดคนทะเยอทะยาน แต่ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่เหลืออยู่คือศพของคนเหล่านั้น ทะเลที่อันตรายได้ฝังศพนับไม่ถ้วนเอาไว้
ถ้าเอสสามารถท้าทายพวกเขาตามแผนที่วางไว้ได้จริงๆ แค่รอดจากมือของคนๆเดียวได้ก็ถือว่าโชคดีมากๆแล้ว ในโลกใหม่ปัจจุบัน ไม่เคยมีนักสู้คนไหนที่ทำให้จักรพรรดิแห่งท้องทะเลสองคนโกรธพร้อมกันแล้วรอดชีวิตได้
วีรบุรุษผู้โดดเดี่ยวในอดีตได้สร้างวีรกรรมที่ไม่มีใครทำได้อีกแล้ว ก่อเรื่องในดินแดนของหนวดขาว ทำให้ลูกน้องของร้อยอสูรไม่พอใจ แล้วยังไปขโมยอาหารของบิ๊กมัมอีก เรียกได้ว่าไม่เคยมีใครทำได้แบบเขาทั้งก่อนและหลัง
แต่มาถึงตอนนี้ สถิติของเขามีโอกาสที่จะถูกทำลาย แชงค์ผมแดงได้ขึ้นเป็นหนึ่งในสี่จักรพรรดิ ซึ่งหมายความว่ามีเป้าหมายที่ต้องท้าทายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน บางทีในอนาคต อาจจะมีนักสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเกิดขึ้นมาอีกก็ได้
"เข้าใจแล้วครับ ผมจะดูแลที่นี่เอง"
...
ไทเกอร์ตั้งใจจะไปดูว่ามิสุเผยแผ่ศาสนาอย่างไร และมิสุก็หวังว่าในหมู่ผู้เผยแผ่ศาสนาจะมีคนที่มีกำลังมากขึ้น เพื่อจัดการกับพวกนอกรีต กิจกรรมเผยแผ่ศาสนาที่พิเศษจึงเริ่มต้นขึ้น
แต่ก่อนหน้านั้น บนเกาะโอนิกาชิมะกำลังมีงานฉลองวันเกิดที่แปลกๆ คนที่ฉลองวันเกิดมีอายุมากแล้ว
ปัง! ปัง!
มีคนจุดพลุดอกไม้ไฟกระดาษหลายอัน โปรยกระดาษสีลงบนหัวของเอเซียร์ เนื่องจากเป็นนักวิจัยที่ไม่มีพลังต่อสู้ คนที่มาร่วมงานวันเกิดครบรอบ 250 ปีของเอเซียร์จึงมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวของเจ้าหน้าที่ด้วยกันเอง
ถึงแม้จะมีคนน้อย แต่อายุรวมของคนที่นี่ก็สูงมาก
ไนจินวัย 75 ปี, เอเซียร์วัย 250 ปี, และโอลกะวัย 201 ปี ล้วนเป็นบุคคลที่มีอายุยืนยาวอย่างแท้จริง
"พ่อ พ่อจะไม่ลงมืออีกเหรอ? ไนจินมางานวันเกิดพ่อแล้วนะ"
"เธอเป็นผู้ใหญ่กว่านะ ลูกไม่ควรจะเรียกเธอแบบนั้น"
"ก็รอดูว่าพ่อจะทำสำเร็จไหมก่อนเถอะ แล้วถ้านับจริงๆ พ่อไม่คิดว่าเธอควรจะเรียกหนูว่าทวดเหรอ?"
"..."
คำพูดของโอลกะทำเอาเอเซียร์พูดไม่ออก สองพ่อลูกมักจะลืมช่วงเวลาเกือบสองร้อยปีที่อยู่ในท้องของเจ้าทะเลไป แต่บางครั้งโอลกะก็จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดใหม่ ถ้านับตามความอาวุโสแล้ว สองพ่อลูกแทบจะไม่มีใครเทียบได้
"เอาล่ะ พอแล้ว ไม่ล้อเล่นแล้ว สู้ๆนะพ่อ หนูเชื่อในตัวพ่อค่ะ"