ตอนที่แล้วบทที่ 59 น้องข้า! ข้าขอร้อง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 61 โชคดี!ที่ไม่มีอะไรร้ายแรง

บทที่ 60 แก้ปัญหาไปได้เรียบร้อย...


เมื่อเห็นว่าฉือซงพูดไปน้ำตาก็คลอหน่วย เสียงเริ่มสั่นจนเหมือนจะร้องไห้ หงจุ้นก็เริ่มตกใจ

“พี่ใหญ่ ถ้ามีอะไรก็พูดมา อย่าร้องไห้เลย”

อายุปูนนี้แล้ว ทำไมถึงมาร้องไห้ได้กันล่ะ

หงจุ้นทำอะไรไม่ถูก แต่ฉือซงนั้นกลั้นไม่ไหวจริง ๆ เขาเป็นหัวหน้าหอผู้คุมกฏมา 1,386 ปีแล้ว แต่ไม่เคยได้รับความอับอายแบบนี้มาก่อน

กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ฉือซงกัดฟันถามว่า “น้องชาย เจ้ายังจะให้ข้าสบายใจได้หรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หงจุ้นที่ยังมึนเมาอยู่บ้างรีบตอบทันที

“พี่ใหญ่ เจ้าพูดอะไรเช่นนี้ เราเป็นพี่น้องกันมานานหลายปี ข้าย่อมหวังให้พี่ดีอยู่แล้ว”

“แล้วเรื่องยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์...”

“ข้าจะดูแลอย่างเข้มงวดแน่นอน”

“เจ้าพูดแล้วนะ”

“ข้าพูดแล้ว พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง”

เมื่อได้รับคำยืนยันจากหงจุ้น ฉือซงจึงยอมกลับไป

ที่ฉือซงทำแบบนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา ไม่มีทางเลือกจริง ๆ ศิษย์ของยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ก่อปัญหาจนทำให้หอผู้คุมกฏไม่อาจสงบสุขได้

แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่ได้ทำผิดกฎของนิกาย เนื่องจากกฎของนิกายไม่ได้ห้ามการรับภารกิจแบบเป็นกลุ่ม

และฉือซงเป็นคนที่ยึดมั่นในกฎมาก เมื่อพวกเขาไม่ทำผิดกฎ หอผู้คุมกฏก็ไม่อาจทำอะไรได้ จนในที่สุดฉือซงจึงต้องไปหาหงจุ้นด้วยตัวเอง

เมื่อได้รับคำมั่นสัญญาจากหงจุ้น ฉือซงก็กลับไปยังยอดเขาหลักและไปพบกับผู้อาวุโสสามผู้ดูแลหอภารกิจ

“น้องชายหงจุ้นยอมตกลงแล้ว หอภารกิจของเจ้าเล่า?”

“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ข้าได้สั่งเพิ่มภารกิจใหม่ ๆ ไว้แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉือซงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

คิดว่าเรื่องราวจะจบลงตรงนี้แล้ว ในอีกไม่กี่วันถัดมา ศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้มารับภารกิจเป็นกลุ่มอีก

หอภารกิจก็กลับสู่สภาพปกติ ไม่เพียงแต่ผู้ดูแลภารกิจเท่านั้น แม้แต่ศิษย์จากยอดเขาต่าง ๆ ก็รู้สึกโล่งใจ

แต่ทว่าภายในยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์หลายคนกลับพบปัญหาใหม่ นั่นคือแต้มสะสมของพวกเขาไม่เพียงพอ

ก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มพลังให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวิชายุทธ์ ยาเม็ดสมุนไพร หรือคัมภีร์ต่าง ๆ พวกเขาก็แลกใช้แต้มสะสมกันอย่างบ้าคลั่ง

ศิษย์เกือบทุกคนใช้แต้มสะสมที่สั่งสมมาหลายปี หรือแม้กระทั่งหลายสิบปีจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน

และเมื่อไม่มีแต้มสะสม การฝึกฝนก็ย่อมชะลอตัวลงอย่างมาก

พอถึงเวลาอาหาร ศิษย์หลายคนก็เริ่มพูดคุยกันถึงปัญหานี้

"พี่ใหญ่ เจ้ายังมีแต้มสะสมเหลือเท่าไหร่?"

"เฮ้อ ก็เหลือเพียงแค่ร้อยกว่าแต้มเท่านั้น"

"ร้อยกว่าแต้ม? ก็แค่พอแลกวิชาเหลืองขั้นต้นได้วิชาเดียวเอง"

"ใช่ ข้าซื้อยาเม็ดไปหลายอย่าง ใช้แต้มมากจริง ๆ"

"ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ ไม่มีแต้มสะสมอยู่ในนิกาย จะทำอะไรก็ลำบาก"

"ไม่มีทางเลือก ต้องไปรับภารกิจแล้ว"

"พี่ใหญ่หมายความว่าจะรับภารกิจหลายอันเหมือนครั้งก่อนหรือ?"

"เจ้าบ้าแล้วหรือไง? เจ้านิกายออกคำสั่งชัดเจนแล้วว่าศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์สามารถรับภารกิจได้ครั้งละไม่เกินสามภารกิจเท่านั้น"

นี่คือคำสั่งของหงจุ้น หลังจากที่ฉือซงมาหาเขาครั้งนั้น ก็ออกข้อห้ามนี้ทันที

"แล้วพี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร?"

"ถึงเราจะทำแบบพี่สาวจินหมิงไม่ได้ แต่ภารกิจของนิกายก็ต้องทำอยู่ดี หากไม่มีแต้มสะสม การฝึกฝนของเราก็จะหยุดชะงัก แล้วเจ้ายังคิดว่าจะยังได้กินข้าวต่อไปหรือ?"

"ถ้าอยากรักษาความเร็วในการฝึกฝนเอาไว้และต้องการให้ได้ที่นั่งในการรับประทานอาหารทุกมื้อ แต้มสะสมก็จำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเราต้องทำงานหนักขึ้น รับภารกิจให้มากขึ้น"

"นอกจากการฝึกฝนและการกินข้าว เวลาอื่นๆก็ใช้ไปรับภารกิจให้หมดและระหว่างทำภารกิจต้องมั่นใจว่าจะไม่เสียเวลาจนเลยเวลามื้ออาหาร รีบทำภารกิจให้เสร็จ กลับมาที่นิกายให้เร็วที่สุด กินข้าวเสร็จแล้วไปรับภารกิจใหม่ทันที"

ศิษย์พี่ใหญ่คนนี้อธิบายแผนของเขาออกมาและศิษย์หลายคนก็เห็นด้วยทันที

ใช่แล้ว ถ้าอยากกินข้าวต่อทุกมื้อ ก็ต้องพยายามแข็งแกร่งขึ้นและการจะเป็นคนที่แข็งแกร่งต้องมีทรัพยากรในการฝึกฝน

แล้วทรัพยากรมาจากไหน? แน่นอนว่าจากใช้แต้มสะสมของนิกาย

ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องทำภารกิจให้มากขึ้น พยายามสุดความสามารถเพื่อแลกกับการฝึกฝนของตนเอง

เมื่อพวกเขาไม่มีความมุ่งมั่นและความกล้าหาญแบบศิษย์พี่จินหมิง พวกเขาจึงต้องพึ่งพาความขยันขันแข็ง ไม่ปล่อยเวลาเสียเปล่าเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่ทำภารกิจ

ความขยันขันแข็งสามารถชดเชยความอ่อนแอได้จริง ๆ

เย่ฉางชิงที่นอนอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ ได้ยินศิษย์พูดคุยกัน เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่คุ้นเคยจากศิษย์เหล่านี้

คิดอยู่หลายครั้งก็ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร จนกระทั่งหลังมื้ออาหาร เมื่อทุกคนทยอยกันออกไป เย่ฉางชิงจึงนึกขึ้นมาได้

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที มุมปากเริ่มกระตุก

“ข้ารู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคย นี่มันตัวข้าเองเลยไม่ใช่หรือ!”

นี่คือเย่ฉางชิงในชาติก่อน ในชาติที่แล้วบนโลกมนุษย์เขาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ

หลังจากที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยล้มเหลว เย่ฉางชิงก็กลายเป็นคนที่พยายามทำทุกอย่างอย่างไม่ย่อท้อ

เพราะผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ดี เขาจึงต้องไปเรียนที่โรงเรียนสอนทำอาหาร ตอนนั้นเขารู้สึกเสียใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงต้องพยายามเรียนรู้ทักษะอย่างสุดความสามารถ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด