บทที่ 514 ตีลูกแล้วพ่อมา?
เมื่อพลังชีวิตของซือถูโหวที่ถูกกดทับใต้ตราพลิกผืนดินสลายหายไปโดยสมบูรณ์ บรรยากาศที่ใต้ยอดเขามั่วไถกลับเงียบสงัดอย่างน่าขนลุก
งูเขียวและงูแดงกลับไปด้านข้าง มันมองเฉินโม่ที่ร่างกายยังคงสั่นเล็กน้อยด้วยสายตาแวบหนึ่งจากนั้นก็ขดตัวกลับไปยังสระวิญญาณฉางเกอ
ซ่งหยุนซีถอนหายใจยาว เขาเคยเตรียมใจไว้แล้วว่าหากศัตรูฝ่าค่ายกลออกมาได้เขาจะพาเฉินโม่หนีทันที
"ตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็ยังมีความหวัง"
แต่ความจริงก็คือ...เขาทำสำเร็จแล้ว!
ค่ายกลขั้นสาม สังหารได้ในการโจมตีครั้งเดียว
ครั้งหนึ่งป่านเสี่ยวเว่ยเคยกล่าวว่า พรสวรรค์ของเฉินโม่ในด้านค่ายกลนั้นธรรมดา แค่พอสูสีกับเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำพูดนั้นอาจเป็นแค่การรักษาความหยิ่งในใจของตนเอง
เขามองไปที่เฉินโม่ด้วยเช่นกัน รอคอยการกระทำต่อไป
ส่วนเนี่ยหยวนจือเลือดที่แขนของเขาได้หยุดไหลแล้ว ความรู้สึกหลากหลายเต็มในใจจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ความประมาทของเขานำมาซึ่งภัยจากผู้บรรลุขั้นปฐมภูมิ เกือบจะทำลายล้างทั้งสำนักเซียน
คนที่อยู่ที่นี่คงจะตายกันหมด
แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าเฉินโม่กลับทำได้สำเร็จ!
เขารู้ดีว่าสำนักมั่วไถแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
"ไปพยุงเว่ยหงอีขึ้นมา" เฉินโม่กล่าว
เขาไม่ได้เจาะจงว่าให้ใครไปแต่เนี่ยหยวนจือก็พุ่งไปถึงตัวเว่ยหงอี ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาพยุงนางขึ้นมาและค่อยๆพานางมาอยู่ข้างเฉินโม่
"ต้องขอโทษเจ้าจริง ๆ ที่ทำให้ต้องทนทุกข์เช่นนี้"
"ไม่...ไม่เป็นไร...แค่...แค่ขาข้างเดียวเท่านั้น" เว่ยหงอีพูดตะกุกตะกักมองไปที่เฉินโม่ด้วยสายตาลังเล
ตอนนี้นางไม่กล้าแม้แต่จะมองตรงไปที่เจ้าสำนักท่านนี้ แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ในขั้นทองเหมือนกันแต่ความแตกต่างของพลังนั้นเปรียบเสมือนฟ้ากับเหว!
"อย่าห่วง ข้ารู้ว่ามียาหนึ่งที่สามารถฟื้นฟูอวัยวะที่ขาดไปได้อีกไม่นานข้าจะหาทางหามันมาให้เจ้า"
ยาที่สามารถฟื้นฟูอวัยวะที่ขาดไป?ทั้งเนี่ยหยวนจือและเว่ยหงอีไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมัน
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมีอยู่จริงแต่แม้กระนั้นเว่ยหงอีก็ยังรู้สึกขอบคุณในใจ
"พี่เนี่ย พาสหายเว่ยไปพักที่ยอดเขาเซวียนเซียวก่อน"
"ได้!"
เนี่ยหยวนจือแบกเว่ยหงอีบนหลังและบินไปยังยอดเขาอีกแห่ง
"อย่าลืมพืชวิญญาณที่เจ้าสัญญาไว้กับข้าล่ะ!" โอวหยางตงชิงพึมพำขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
การต่อสู้เป็นตายเมื่อครู่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลอะไรต่อเขาเลยเขายังคงสนใจแค่การวาดยันต์ของตัวเองเท่านั้น!
"แน่นอน!"
เมื่อได้รับคำตอบโอวหยางก็หันหลังเดินจากไปทันที
ในสวนดอกไม้ที่ว่างเปล่าบัดนี้เหลือเพียงเฉินโม่และซ่งหยุนซีสองคน
"ความจริงแล้ว เรื่องนี้ไม่อาจโทษผู้อาวุโสเนี่ยทั้งหมดได้" ซ่งหยุนซีพยายามปลอบใจ
เฉินโม่ไม่ได้พูดอะไรแต่ยกมือขึ้นยกเลิกค่ายกลสังหารและค่ายกลดาบเก้าสวรรค์ หุ่นเชิดเกราะทองคำทั้งห้าตัวยังคงยืนอยู่ที่ขอบค่ายกลราวกับเป็นทหารที่แข็งแกร่งคอยปกป้องทั้งสำนักเซียน
ยิ่งเฉินโม่แสดงออกว่าใจเย็นมากเท่าไรซ่งหยุนซีก็ยิ่งกังวลในใจมากขึ้นเท่านั้น
เขารู้จักเฉินโม่มาหลายปี นี่อาจเป็นครั้งที่สองที่พวกเขาเผชิญกับวิกฤต! ครั้งแรกก็คือวันที่สำนักเสินหนงทำลายสำนักชิงหยาง
เขาเห็นเฉินโม่นั่งยองๆและหยิบวงแหวนทองที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
ภายใต้การต่อสู้ของคัมภีร์ตะวันมหาดาว แม้ว่าวงแหวนนี้จะลดความรุนแรงลงชั่วคราว แต่ก็ยังไม่อาจซ่อนความล้ำค่าของมันได้
สมบัติระดับต่ำ!
แม้ว่ามันจะไม่เทียบเท่ากับดาบประจำตัวของเจี้ยนฉือฉีอย่างกระบี่เจินหลง แต่ประโยชน์ของมันอาจจะยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก
เฉินโม่พยายามขจัดจิตวิญญาณที่ยังคงเหลืออยู่บนสมบัติออกไป
ในเมื่อศัตรูตายสนิทแล้วเครื่องหมายใดๆที่เหลืออยู่ในโลกนี้ก็ได้หายไปทำให้จัดการได้ง่ายขึ้นมาก
หลังจากเก็บสมบัติทั้งวงแหวนทอง ตราพลิกผืนดิน และดาบเจินหลงแล้ว ศพที่มีรอยแผลพรุนทั้งตัวของซือถูโหวก็นอนอยู่ในดงดอกไม้
ผู้บรรลุขั้นปฐมภูมิ!
นี่คือผู้บรรลุขั้นปฐมภูมิ!
เฉินโม่ค้นหาบนร่างของเขา พบเพียงแหวนเก็บของหนึ่งวง จี้หยกสองชิ้น และตราที่เอวหนึ่งอัน ไม่มีสิ่งอื่นใด
เขาใช้ดาบเจินหลงกรีดไปที่บริเวณตันเถียนของซือถูโหวและดอกบัวโลหิตที่กำลังเบ่งบานก็ปรากฏขึ้น
การเปลี่ยนขั้นจากทองเป็นปฐมภูมิ
ไม่คาดคิดเลยว่าแก่นแท้ผู้บรรลุขั้นปฐมภูมิจะเป็นดอกบัวโลหิตต
เฉินโม่เคยได้ยินมาว่า ทุกเม็ดทองคำมีแก่นแท้เฉพาะตัว ซึ่งแทบจะไม่มีประโยชน์สำหรับคนในขั้นเดียวกัน แต่สำหรับผู้ฝึกตนที่อยู่ในจุดสูงสุดของการสร้างรากฐานมันคือขุมทรัพย์มหาศาล!
ตราบใดที่สามารถเดินตามเส้นทางที่ผู้มาก่อนเคยเดินไว้และเข้าใจแก่นแท้ในทองคำนี้ได้บุคคลนั้นก็จะสามารถรวมทองคำและก้าวเข้าสู่ขั้นสำคัญที่สุดในเส้นทางแห่งการฝึกตนได้อย่างราบรื่น
ขั้นปฐมภูมิ...อาจจะเป็นเช่นนั้นด้วย
เฉินโม่เก็บของทั้งหมดไว้จากนั้นจุดไฟเผาร่างของซือถูโหวจนกลายเป็นขี้เถ้า
เมื่อไม่มีพลังวิญญาณเหลืออยู่ ผู้บรรลุขั้นปฐมภูมิก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่แข็งแรงกว่าปกติเล็กน้อยเมื่อตายไปก็เท่านั้น
หลังจากจัดการสนามรบเสร็จแล้วว เขากลับมาที่เดิมและตอบคำถามที่ซ่งหยุนซีเพิ่งพูดไว้
"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อยู่ที่เรา"
"เรา?"
"คือพวกเรายังไม่แข็งแกร่งพอ"
ซ่งหยุนซีเงียบไป
ใช่แล้ว!
พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ!
ถ้าเขาบรรลุขั้นปฐมภูมิแล้วแม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศัตรูแต่ก็สามารถปกป้องสำนักมั่วไถได้อย่างปลอดภัย
ทุกวิกฤตล้วนมีต้นเหตุมาจากความอ่อนแอ!
เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าหลังจากเรื่องนี้จบ เขาจะมอบหมายงานสอนศิษย์ให้กับเนี่ยซินและตัวเขาเองจะรีบปิดด่านเพื่อหลอมรวมยาเซียนเสริมพลังให้มากขึ้น
หลังจากทั้งสองรออยู่สักพักเนี่ยหยวนจือก็กลับมาแล้ว
หลังจากจัดการเว่ยหงอีเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบกลับมา ในขณะที่เขากำลังจะก้าวขึ้นมาขอโทษ เฉินโม่กลับหยุดเขาไว้ก่อน
"พี่เนี่ย! นี่คือความบกพร่องของสำนักมั่วไถ ไม่ใช่ความผิดของท่าน!"
"แต่ข้า..."
เนี่ยหยวนจืออึ้งไปชั่วขณะจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
"ภูเขาตงจี๋ซานเป็นสำนักเซียนแบบไหน?"
การฆ่าคนของพวกเขาย่อมต้องมีการจัดการหลังจากนี้ด้วย
ในขณะนั้น สีหน้าของเนี่ยหยวนจือเปลี่ยนไป
"ดูจากอายุของคนเมื่อครู่นั้น ไม่เกินร้อยปี ถ้าเขาเป็นผู้ฝึกตนจากภูเขาตงจี๋ซาน เขาน่าจะเป็นเจ้าสำนักซือถูโหว!"
"เจ้าสำนัก? เจ้าสำนักลงมือเอง?"
เฉินโม่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
เขาไม่มีเวลามาสนใจรายละเอียดของสำนักเซียนต่างๆจึงมอบหมายเรื่องเหล่านี้ให้เนี่ยหยวนจือจัดการ
"แต่คนที่มีพลังมากที่สุดในภูเขาตงจี๋ซานไม่ใช่เขา! แต่เป็นอาจารย์ของเขา บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักหมี่เหวินซง!"
"หมี่เหวินซง?"
"ใช่! เขาคือบุคคลในตำนานคนหนึ่ง"
เนี่ยหยวนจือเล่าเรื่องที่เขารู้ให้ฟังอย่างละเอียด ยิ่งเขาเล่ามากเท่าไร คิ้วของเฉินโม่ก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้นเท่านั้น
ซ่งหยุนซีรู้สึกหนาวสันหลังเช่นกัน!
"หมายความว่า เราฆ่าลูกไปแล้ว พ่อจะตามมาหรือ?"
เมื่อเผชิญกับคำถามของเฉินโม่เนี่ยหยวนจือก็พยักหน้าอย่างขมขื่น
"เดี๋ยวก่อน!"
ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้!
เฉินโม่มองเขาโดยไม่พูดอะไร
"ถ้าหากเป็นภูเขาตงจี๋ซานที่ลงมือ! ตระกูลจ้าวแห่งเมืองเป่ยเจียงคงต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล! หมายความว่าจ้าวหมิงฮั่นเป็นคนเชิญพวกเขามาเพื่อฆ่าพวกเรา!" เนี่ยหยวนจือกล่าวอย่างตื่นเต้น "ข้ารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร! ถ้าเป็นเช่นนี้ หมี่เหวินซงไม่เพียงจะไม่มาหาเราแต่ยังจะช่วยเรากำจัดจ้าวหมิงฮั่นอีกด้วย!"
(จบบท)