บทที่ 31 ไม่ใช่พวกเขาอ่อนแอเกินไป แต่ข้าแข็งแกร่งเกินไป
###
สวี่เหยียนนั่งอยู่บนหลังม้า มองไปยังสองคนที่ยืนขวางอยู่เบื้องหน้า ทั้งสองพกดาบยาวที่เอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจเล็กน้อย สายตาก็แฝงความเย็นชา
เขาแสดงออกด้วยท่าทางครุ่นคิด
"ข้าถูกคนจับตามองแล้ว? คิดจะลักพาตัวข้าหรือ?
"ไม่ถูกสิ ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่มีใครกล้าจับตามองข้า?
"หรือว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ถูกถอนหมั้น และมีสัญญาแต่งงานกับจวนแม่ทัพใหญ่ พวกคนในยุทธภพถึงไม่กล้าลงมือกับข้า?"
การเดินทางหาอาจารย์คนเดียวในเขตตงเหอ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ไม่เคยมีคนในยุทธภพคนไหนกล้าลักพาตัวคุณชายใหญ่แห่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในตงเหอเช่นเขา
แต่ตอนนี้ กลับมีคนกล้าหาญมาดักจับเขาในทางหลวงเช่นนี้!
ความคิดแรกที่สวี่เหยียนนึกขึ้นมาได้ก็คือ เป็นเพราะเขาถูกถอนหมั้นจากจวนแม่ทัพใหญ่ คนในยุทธภพจึงไม่เกรงกลัวอีกต่อไป และเริ่มจับตามองเขาแล้ว
"ถึงข้าจะไม่ใช่ว่าที่เขยของจวนแม่ทัพใหญ่ แต่ทว่า ข้ายังเป็นหลานของเสนาบดีกรมพิธีการอยู่นะ!"
เมื่อคิดเช่นนั้น สวี่เหยียนก็รู้สึกว่า แม้จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพใหญ่ แต่เขายังเป็นหลานของเสนาบดีกรมพิธีการ ซึ่งเป็นขุนนางผู้มีอำนาจของราชสำนัก
“เจ้าหนู เชื่อฟังดี ๆ แล้วมากับพวกเราเถอะ”
หนึ่งในสองคนจากยุทธภพ กระโดดขึ้นกลางอากาศ พยายามที่จะคว้าตัวสวี่เหยียนลงจากหลังม้า
ในตอนนี้ แม้ทางหลวงจะไร้ผู้คนผ่านไปมา แต่พวกเขาก็ต้องทำการจับตัวให้รวดเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหา
ตราบใดที่จับสวี่เหยียนได้ การลงมือครั้งต่อไปก็จะง่ายขึ้นมาก
มือที่ยื่นมาจับหัวไหล่ของสวี่เหยียนดึงอย่างแรง หวังจะคว้าตัวลงมา แต่ก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าตัวเขาราวกับเป็นภูเขาลูกใหญ่ ไม่ขยับเขยื้อนเลย!
แย่แล้ว!
ชายคนนั้นรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงพยายามจะปล่อยมือและถอยออกไป แต่ไม่ทัน เขาก็รู้สึกว่าคอถูกจับไว้เสียแล้ว มือข้างหนึ่งของสวี่เหยียนบีบคอเขาแล้วยกขึ้น
"ใครให้เจ้ากล้ามาจับข้า?"
สวี่เหยียนจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
อีกคนหนึ่งตกใจ รีบชักดาบออกมาและกระโดดขึ้นฟ้าฟันดาบใส่สวี่เหยียน
“ปล่อยเขา!”
สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาตและความโหดเหี้ยม
“ฮึ!”
สวี่เหยียนส่งเสียงหึในลำคอ มืออีกข้างของเขายื่นออกมาคว้าดาบที่ฟาดลงมา ทันใดนั้น พลังปราณเลือดลมก็แผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรง
ปัง!
ดาบยาวแตกออกเป็นหลายชิ้นในทันทีเมื่อสัมผัสกับพลังปราณ
บึ้ม!
พลังปราณเลือดลมจากมือของสวี่เหยียนพุ่งใส่ร่างของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ปัง!
เพียงพริบตา ร่างของชายที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ
เลือดเนื้อกระจัดกระจาย ทำให้สวี่เหยียนตกใจเล็กน้อย พลังปราณเลือดลมก็แผ่ซ่านออกมาปกคลุมทั่วตัวเขา
ในจังหวะนั้นเอง ชายที่ถูกจับคอไว้ก็พลาดท่า โดนพลังปราณเลือดลมกระแทกจนกระดูกหักทั่วร่าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่ชีวิตจะดับลงในทันที!
โครม!
พลังปราณเลือดลมกระจายตัวออกไป ทำให้ชิ้นส่วนร่างกายกระเด็นเข้าไปในพุ่มหญ้าริมทาง
“พวกนี้มันอ่อนแอเกินไป!”
สวี่เหยียนโยนร่างลงไปในพุ่มหญ้าแล้วพูดขึ้นด้วยความตกใจ
เขาแค่ใช้พลังปราณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กลับสามารถทำให้ร่างระเบิดเป็นชิ้น ๆ ได้!
“ข้าแข็งแกร่งเกินไป!
“ข้ากับพวกเขา อยู่ในคนละระดับกันแล้ว”
สวี่เหยียนถอนหายใจด้วยความตื่นเต้นในใจ นี่แหละคือพลังของวิถีแห่งนักสู้แท้จริง แต่ตนเองเพียงอยู่ในระดับพลังเลือดลมเท่านั้น กลับมีพลังที่น่ากลัวถึงเพียงนี้
“ข้าควบคุมพลังของตัวเองได้ไม่ดีนัก คราวหน้าจะต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้!”
หลังจากสวี่เหยียนได้เรียนรู้บทเรียนนี้ เขาก็ออกเดินทางต่อไป
บนทางหลวงเวลานี้ไม่มีผู้คน การฆ่าคนในยุทธภพสองคนนี้ไม่มีใครเห็น สวี่เหยียนจึงกลับบ้านไปด้วยความสบายใจ
...
“เหยียนเอ๋อร์ เจ้าได้กลับมาแล้ว!”
คุณนายสวี่ยิ้มด้วยความดีใจ พลางจับมือบุตรชายของตนตรวจดูร่างกาย ไม่มีผอมลง แถมยังดูแข็งแรงขึ้นอีกด้วย จึงรู้สึกสบายใจ
ตราบใดที่บุตรชายของตนไม่ได้ลำบากหรือถูกกดขี่ข่มเหง นั่นก็เป็นเรื่องดีแล้ว
“เหยียนเอ๋อร์นะ ครั้งนี้กลับมาแล้ว อย่าออกไปไหนอีกนะ ข้างนอกตอนนี้ไม่ปลอดภัย”
คุณนายสวี่กล่าวเตือนบุตรชายด้วยความห่วงใย
“ท่านแม่ แล้วท่านพ่อเล่า?”
สวี่เหยียนถามด้วยความสงสัย
ทุกครั้งที่เขากลับมา บิดาของเขาจะต้องมาปรากฏตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียร เพื่อเตรียมจะดุด่าว่ากล่าวเขาเสมอ
แต่วันนี้กลับไม่เห็นบิดาเลย!
“พ่อของเจ้าไปจัดการธุรกิจ”
คุณนายสวี่กล่าวด้วยความกังวลเล็กน้อย
“ท่านแม่ ครอบครัวเรามีปัญหาอะไรหรือ?”
สวี่เหยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกถึงความผิดปกติทันที
ไม่เช่นนั้น บิดาของเขาคงไม่ต้องลงมือจัดการธุรกิจด้วยตนเอง
เพื่อต้องการให้บุตรชายได้สำนึกถึงอันตรายภายนอก คุณนายสวี่ถอนหายใจและกล่าวว่า “ที่ตงเหอ ณ เส้นทางจินอัน ไม่รู้ว่าเมื่อไร มีโจรภูเขาปรากฏขึ้นมา พวกมันได้ปล้นสินค้าของเราส่วนหนึ่งไป
“ตอนนี้พ่อของเจ้า กำลังจัดการส่งสินค้ารอบใหม่ หากส่งไม่ทันตามสัญญา เราจะต้องชดใช้ถึงสามเท่าเลยทีเดียว
“เหยียนเอ๋อร์ เรื่องพวกนี้ พ่อของเจ้าจะจัดการเอง เจ้าเพิ่งกลับมา หิวหรือไม่?”
คุณนายสวี่สั่งให้คนเตรียมอาหารเลี้ยงต้อนรับบุตรชายสุดที่รัก
สวี่เหยียนขมวดคิ้ว ก่อนที่จิตใจจะคึกคักขึ้นมา
“ข้าเพิ่งเข้าสู่โลกของวิถีนักสู้แท้จริง แต่ยอดฝีมือในยุทธภพ กลับอ่อนแอราวกับกระดาษต่อหน้าข้า โจรภูเขาพวกนี้ที่กล้าปล้นสินค้าของครอบครัวข้า สมควรตายอย่างยิ่ง!
“ถือเป็นโอกาสดี ข้าจะได้ลองทดสอบพลังของข้า ว่าสามารถกวาดล้างพวกโจรภูเขาเหล่านี้ได้หรือไม่!”
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลองพลังของตนเอง และในขณะเดียวกันก็ช่วยแก้ปัญหาให้กับครอบครัวได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลของตนเองก็ใช้เงินไปไม่น้อย การที่บิดาของตนให้ความสำคัญกับการส่งสินค้าครั้งนี้ แสดงว่าสินค้าล็อตนี้มีมูลค่าสูงยิ่ง
“ท่านแม่ แล้วพวกโจรภูเขาพวกนั้นอยู่ที่ไหนเล่า? ทำไมถึงไม่มีขุนนางส่งทหารไปจัดการ?”
สวี่เหยียนถามด้วยท่าทีสนใจ
คุณนายสวี่ไม่ได้รู้ว่าบุตรชายของตนกำลังคิดที่จะไปจัดการพวกโจรภูเขาด้วยตัวเอง จึงไม่ได้ปิดบังอะไร เธอตอบว่า “พวกมันอยู่ที่เขาฮวงเฟิง ห่างจากเมืองตงเหอออกไปประมาณสองร้อยลี้ ติดกับเส้นทางจินอันพอดี”
“เจียงผิงซานอ้างว่าเขาต้องระวังพวกกลุ่มลัทธิสวรรค์ ไม่ยอมส่งทหารไปปราบโจรภูเขา หึ! หลังจากที่ถูกถอนหมั้น เขาก็ไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเราแล้ว ถึงได้นิ่งเฉยแบบนี้”
เมื่อพูดถึงเจียงผิงซาน ใบหน้าของคุณนายสวี่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
สวี่เหยียนได้ฟังแล้วก็เข้าใจทันที สินค้าล็อตนี้จะต้องถูกส่งไปที่ราชสำนักแคว้นฉี เมืองจินอันแน่นอน และพวกโจรภูเขาก็กล้ามาปล้นสินค้าของตระกูลสวี่ในเส้นทางจินอันพอดี
เรื่องนี้คงจะมีเงื่อนงำบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
แต่เรื่องพวกนี้สวี่เหยียนไม่สนใจ เขาสนใจเพียงแค่ได้ทดสอบพลังของตัวเอง และกวาดล้างพวกโจรภูเขาให้สิ้นซากเท่านั้น!
“ท่านแม่ ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต้องไปจัดการ ข้าขอตัวก่อน”
“เหยียนเอ๋อร์! เจ้าจะไปไหน! กลับมานี่!”
คุณนายสวี่ร้องเรียกด้วยความกังวล แต่สวี่เหยียนได้ควบม้าจากคอกออกจากเมืองไปแล้ว
“ถ้าข้าควบม้าไปถึงเขาฮวงเฟิงก็น่าจะทันช่วงเวลาพลบค่ำ พอดีเลย!”
สวี่เหยียนคิดอย่างตื่นเต้นในใจ
บนเขาฮวงเฟิง กลุ่มคนในยุทธภพต่างมารวมตัวกัน กำลังวางแผนกันว่าจะปล้นสินค้าของตระกูลสวี่อย่างไร
หัวหน้าโจรเป็นชายร่างกำยำเปลือยอก หน้าอกของเขาปกคลุมไปด้วยขนดำ เขาปักดาบใหญ่ไว้ข้างตัว และกล่าวเสียงดังว่า “ภารกิจครั้งนี้ต้องสำเร็จ! สวี่จวินเหอไม่ใช่คนธรรมดา การที่สินค้าของเขาถูกปล้นไปครั้งหนึ่งแล้ว ย่อมมีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พวกเราต้องไม่ประมาทเด็ดขาด!”
“พี่หมีไม่ต้องห่วง! ตราบใดที่เจียงผิงซานไม่ส่งทหารออกมา ต่อให้สวี่จวินเหอจะเก่งแค่ไหน ก็ปกป้องสินค้าของตัวเองไม่ได้หรอก!”
“ใช่แล้ว!”
ในตอนนั้นเอง ร่างของชายผู้หนึ่งซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยพลังปราณอันร้อนแรงก็พุ่งทะยานขึ้นมาบนเขา ร้องตะโกนอย่างดุดันว่า “คิดจะปล้นสินค้าตระกูลสวี่ ก็ลองดูฝีมือของพวกเจ้าสิ!”