ตอนที่แล้วบทที่ 23 มันอร่อยจริง ๆ หรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 ควรใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบนี้

บทที่ 24 มุ่งเป้ามาที่จุดอ่อน


บทที่ 24 มุ่งเป้ามาที่จุดอ่อน

ภายในหุบเขาการแพทย์

ที่นี่เต็มไปด้วยดอกไม้และสมุนไพรแปลกตาหลากหลายชนิด อากาศบริสุทธิ์อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของพืชพรรณ ทำให้รู้สึกสดชื่นสบายใจ

หากมองจากสวนดอกไม้ไปทางทิศเหนือ จะเห็นโถงใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง โดยล้อมรอบไปด้วยอาคารต่าง ๆ เช่น ห้องยา ศาลากลาง หอตำรา และที่พักของศิษย์

เมื่อเทียบกับศิษย์ในหุบเขาการแพทย์แล้ว บรรดาผู้อาวุโสในหุบเขาการแพทย์จะมีอิสระในการเลือกที่อยู่อาศัยมากกว่า และสามารถเลือกพักอาศัยได้ตามต้องการ

บ้านพักของผู้อาวุโสกัวอวี่ฉือและครอบครัวตั้งอยู่โดดเดี่ยวริมสวนไผ่แห่งหนึ่ง

หน้าบ้านมีการใช้พื้นที่บางส่วนสำหรับปลูกสมุนไพรหายาก

สมุนไพรดังกล่าวต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และเป็นเรื่องยากสำหรับเกษตรกรที่จะปลูกเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ ผู้อาวุโสกัวจึงต้องปลูกมันด้วยตัวเอง

เขากำลังตรวจสอบสมุนไพรในแปลงปลูกอย่างละเอียด เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่

วันนี้มีเพียงเขาอยู่บ้านคนเดียว บุตรชายกัวอี้ถังออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่พร้อมกับผู้ติดตาม ส่วนภรรยาไปสอนวิชาแพทย์ให้ศิษย์ที่หอตำรา

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องของม้า จึงเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง และเห็นว่าเป็นผู้ติดตามสองคนของลูกชายที่นำม้ากลับมา

ผู้อาวุโสกัวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามว่า “เสี่ยวถังล่ะ? เหตุใดเขาจึงไม่กลับมาพร้อมกับพวกเจ้า?”

ผู้ติดตามร่างสูงตอบว่า “นายท่าน ในวันนี้โรงแรมประหลาดขยายใหญ่ขึ้น เขาเลยตัดสินใจจะพักที่นั่น และไม่ได้กลับมาด้วยกัน”

“ว่าไงนะ?!” กัวอวี่ฉือขุ่นเคืองเล็กน้อย “ในเมื่อมีบ้านให้กลับ แล้วเหตุใดจึงต้องไปนอนข้างนอกด้วย?”

เขาเองก็ยอมรับว่าห้องพักของโรงแรมนั้นดีมาก แต่บ้านของตัวเองอยู่ใกล้เพียงแค่นี้ จะเสียเงินพักในโรงแรมไปทำไม? แค่ที่บ้านอาจไม่สบายเท่า แต่มันจะตายเลยหรืออย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเก้าอี้และเตียงในโรงแรมนั้นจะนุ่มสบาย และห้องน้ำก็สะอาดสะอ้าน สะดวกต่อการใช้งาน ทว่าห้องพักนั้นก็ร้อนอบอ้าวเกินกว่าจะอาศัยอยู่ มันจะเทียบกับการพักผ่อนริมสวนไผ่ที่เย็นสบายได้อย่างไร?

ผู้ติดตามร่างสูงอธิบายว่า “นายท่าน โรงแรมนั้นมีกฎว่า เฉพาะลูกค้าที่เข้าพักจึงจะเข้าไปในลานบ้านได้ มันอาจจะมีอะไรพิเศษซ่อนเร้นอยู่ ซึ่งจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเข้าไปดูด้วยตนเองเท่านั้น”

กัวอวี่ฉือขมวดคิ้วมุ่น “มันเป็นแค่ลานบ้าน นอกจากวิวสวย ๆ ให้เชยชม มันจะอะไรพิเศษให้น่าพิศวง?” แม้กล่าวเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่แน่ใจนัก จึงหันไปถามต่อว่า “แล้วโรงแรมนั้นขยายใหญ่ขึ้นได้อย่างไร? หลังจากขยายแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?”

ผู้ติดตามร่างสูงตอบว่า “เรียนนายท่าน ข้าน้อยเห็นกับตาตัวเองเลยว่าอาคารนั้นสูงขึ้นและใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตา ส่วนภายในโรงแรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ข้าน้อยยังไม่แน่ใจ แต่ด้านนอกโรงแรมมีสถานที่สำหรับจอดรถม้าอยู่ใต้ดิน โดยเสียค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ สถานที่นั้นมีทั้งน้ำและหญ้า น้ำใสสะอาดเหมือนน้ำพุจากภูเขา ส่วนหญ้าก็ดูชุ่มฉ่ำอย่างยิ่ง”

ผู้ติดตามร่างเตี้ยกว่ากล่าวว่า “นายท่าน ข้าน้อยยังสังเกตเห็นว่าชั้นหนึ่งของโรงแรมเปลี่ยนไป ผนังด้านที่ติดกับถนนหลวง บริเวณตอนบนกลายเป็นหน้าต่างแถวยาว ดูแตกต่างจากชั้นสองอย่างเห็นได้ชัด”

กัวอวี่ฉือลูบแก้มพลางครุ่นคิด “ชั้นหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงด้วยหรือ? จะเปลี่ยนไปยังไงกันนะ?”

ผู้ติดตามร่างสูงตอบว่า “เรียนนายท่าน ข้าน้อยไม่อาจทราบได้เลย เนื่องจากโรงแรมแห่งนั้นยังไม่เปิด”

กัวอวี่ฉือขมวดคิ้วถามคำ “เถ้าแก่ได้บอกหรือไม่ว่าจะเปิดอีกครั้งเมื่อไหร่? หรือว่าเด็กนั่นจะรออยู่นอกโรงแรมตลอดเวลา?”

โง่เขลาหรืออย่างไร? เหตุใดจึงยังรอ? เพื่อที่จะได้สัมผัสกับลานบ้านที่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ถึงกับไปรออยู่หน้าโรงแรมท่ามกลางอากาศร้อนจัดแบบนี้เลยหรือ? ได้รับบทเรียนครั้งหนึ่งแล้ว แต่เด็กคนนี้ดูเหมือนจะกู่ไม่กลับ

ผู้ติดตามร่างสูงส่ายหัว “ข้าน้อยไม่ทราบเหมือนกันขอรับว่าจะเปิดเมื่อไหร่ ตอนที่จากมาคุณชายกำลังนั่งอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายอยู่บริเวณใกล้ ๆ เพื่อรอให้โรงแรมเปิด”

“เอาล่ะ เอามาให้ข้าดูก่อน คราวนี้พวกเจ้าซื้ออะไรกันมาบ้าง? ครั้งก่อนก็ซื้อมาถุงใหญ่แล้ว วันนี้ยังจะซื้อมาอีกถุงใหญ่อีกหรือ?” กัวอวี่ฉือเดินออกมาจากแปลงสมุนไพร เช็ดมือด้วยผ้าแล้วหยิบถุงผ้าที่พวกเขานำมาเปิดออกดู “นาฬิกาปลุก ไฟแช็ก กระดาษชำระ ผ้าอนามัย... เมื่อวานพวกเจ้าเพิ่งซื้อไปเองไม่ใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ถึงยังซื้อมาอีกเยอะแยะ?”

ผู้ติดตามร่างสูงตอบกลับ “คุณชายบอกว่า เนื่องจากมีการจำกัดการซื้อ ดังนั้นจึงต้องซื้อให้หมดตามจำนวนที่กำหนด เพื่อที่จะได้ไม่เสียเที่ยวขอรับ”

กัวอวี่ฉือ “…”

อย่างไรก็ตาม สิ่งของต่าง ๆ อย่างนาฬิกาปลุกและไฟแช็กสามารถใช้ได้หลายครั้ง เมื่อวานลูกชายตัวแสบซื้อมาแล้วถึงเก้าอัน วันนี้ก็ยังไปซื้อมาเพิ่มอีกเก้าอัน

ดูจากความโง่เขลาของเจ้าลูกชายแล้ว พรุ่งนี้เขาคงจะไปซื้อมาอีกเก้าอันใช่ไหม?

วันแล้ววันเล่า ซื้อมาเก้าอันทุกวัน มันจะไม่เกินเลยไปหน่อยเหรอ?

กัวอวี่ฉือพูดขึ้น “ช่างเถิด พวกเจ้านำของไปเก็บก่อน หลังจากดูแลสมุนไพรเสร็จแล้ว ข้าจะตามเข้าไปดูเอง”

ถึงตอนนั้น เขาจะไปดึงตัวลูกชายที่โง่เขลากลับมาสั่งสอนให้เข็ดหลาบ

“ขอรับนายท่าน”

กัวอี้ถังอดไม่ได้ที่จะเรอออกมาหลังจากทานอาหารเสร็จ

ข้าวผัดสับปะรดถูกเขากินหมดจาน สะอาดเอี่ยมราวกับถูกเลีย ส่วนปลาต้มพริกก็กินจนไม่เหลือซุปแม้แต่หยดเดียว

นอกจากนี้ เขายังไปที่โต๊ะของไป๋ฮ่าวเกอเพื่อขอซื้ออาหารบางส่วน

ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนจะลอยละลิ่วไปบนสวรรค์ ปากยังคงรู้สึกชาและเผ็ดร้อน และท้องก็อิ่มจนแทบจะระเบิด

เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า ไม่อยากขยับไปไหนเลย

แต่เนื่องจากดื่มน้ำซุปไปเยอะ ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะ เขาอดทนกับมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็กลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

“เถ้าแก่ขอรับ ที่นี่มีห้องส้วมหรือไม่?”

เฟิงหยวนหนิงยังคงเล่นเกมแต่งตัวอยู่ ทำให้ชุดของซิ่วเอ๋อร์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา ลูกค้าในร้านเห็นจนชินตา กระทั่งไม่รู้สึกแปลกใจอะไรอีกแล้ว

เธอตอบแบบส่ง ๆ ไปว่า “เดินออกจากร้าน แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไป ห้องน้ำก็คือห้องส้วมนั่นแหละ ระวังอย่าไปผิดทางล่ะ”

กัวอี้ถังเดินตามเส้นทางที่เถ้าแก่บอก ก็พบห้องน้ำในล็อบบี้ชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ห้องน้ำแบ่งเป็นห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิง เมื่อเข้าไปด้านใน เขาก็ได้รับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับห้องน้ำในทันที

ทันใดนั้น เขาเหลือบไปเห็นกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ กระจกบานนั้นสะท้อนรูปลักษณ์ของเขาอย่างชัดเจน รวมถึงขนคิ้วและเส้นผมทุกเส้น ราวกับว่ากระจกดูดวิญญาณของเขาเข้าไป

กัวอี้ถังตกใจจนตัวแข็งค้างไปชั่วขณะ เขาพยายามตั้งสติแล้วจึงสงบลงได้

ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เถ้าแก่ถึงขนาดสร้างคนขึ้นมาได้ แล้วเหตุใดต้องพยายามฆ่าเขาด้วยวิธียุ่งยากด้วย?

เขาจ้องมองกระจกอย่างละเอียด เห็นเด็กหนุ่มในกระจกหน้าตาหล่อเหลา ดวงตากลมโต ผิวขาว

อืม ปรากฏว่าเขาดูดีขนาดนี้เลยเหรอ? เขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้กระจกมากขึ้น จ้องมองอย่างระมัดระวัง แล้วลูบใบหน้าตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ

หลังจากชื่นชมความหล่อเหลาของตัวเองเสร็จ เขาก็ทนปวดปัสสาวะไม่ไหว จึงรีบไปทำธุระส่วนตัวโดยเร็ว

ระหว่างที่กำลังทำธุระ เขาก็เหลือบมองไปรอบ ๆ

เห็นว่าพื้นห้องน้ำสะอาดเรียบลื่น โคมไฟส่องแสงขาวนวล ที่นี่ไม่เหมือนห้องน้ำเลย แต่เหมือนห้องนอนที่อบอุ่นมากกว่า

ภายในห้องไม่เพียงแค่สะอาดมาก แต่ยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ อีกด้วย การเข้าห้องน้ำในที่แบบนี้เป็นความสุขที่หาจากที่ไหนไม่ได้

หลังจากได้ลองใช้ห้องน้ำที่นี่แล้ว เขาไม่อยากกลับไปใช้ห้องน้ำที่หุบเขาการแพทย์อีกเลย

ส้วมที่นั่นไม่เพียงส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง แต่ทุกฤดูร้อน หลุมและด้านข้างหลุมส้วมจะมีหนอนแมลงวันคลานยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ซึ่งน่าขนลุกมาก

เขาเกลียดหนอนแมลงวันพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก เมื่อเทียบกับส้วมที่หุบเขาการแพทย์แล้ว ห้องน้ำในโรงแรมเหมาะกับเขามากกว่า

หลังจากทำธุระเสร็จ เขาก็เดินสำรวจห้องน้ำทั้งห้อง เห็นว่าไม่มีหนอนแมลงวันที่น่ากลัวแม้แต่ตัวเดียว และไม่มีคราบสกปรกเลยด้วยซ้ำ ชักโครกสีขาวสะอาดจนเหมือนจะสะท้อนแสงได้

เขาอดไม่ได้ที่จะใช้เวลาในห้องน้ำอีกสักพักหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองดูตัวเองในกระจกอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะเดินออกไป

ต่อไปจะทำอะไรดีล่ะ? อาหารก็กินแล้ว ห้องก็ได้แล้ว งั้นไปดูลานบ้านหน่อยดีกว่า

เขาเดินไปทางประตูกระจกที่นำไปสู่ลานบ้าน โดยตั้งใจจะเข้าไปชมความสวยงามด้านใน

เมื่อเดินมาถึงประตูกระจก เขากำลังจะเดินเข้าไป แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนมาจากด้านหลัง “เจ้าเด็กเหลือขอ หยุดเดี๋ยวนี้!”

กัวอี้ถังสะดุ้งตกใจ เมื่อหันกลับไปตามเสียง พบว่าเป็นพ่อของเขาที่กำลังเดินเข้ามาจากทางประตูโรงแรม

สองพ่อลูกสบตากัน ทำให้กัวอี้ถังใจเต้นไม่เป็นจังหวะพร้อมรู้สึกถึงลางร้าย จึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในลานบ้านอย่างรวดเร็ว

“หยุดนะ!” ผู้อาวุโสกัวเห็นดังนั้นก็ยิ่งโกรธ นี่เขาดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? เจ้าเด็กเหลือขอถึงได้วิ่งหนีทันทีที่เห็นหน้าเขา

กัวอวี่ฉือรีบวิ่งตามไปที่ประตูกระจก ก่อนชะงักฝีเท้าอยู่ข้างเครื่องหยอดเหรียญสักครู่ เขาหยิบเศษเหรียญออกมาหยอดใส่ตู้ และรับตั๋วมาหนึ่งใบ

ด้วยตั๋วนี้ เขาจึงเข้าไปในลานบ้านได้อย่างราบรื่น

สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือทางเดินเส้นหนึ่ง พร้อมกับพุ่มไม้หลากสีสันที่ตัดแต่งอย่างเรียบร้อยอยู่ข้างทาง และมีต้นไม้ใหญ่รูปทรงต่าง ๆ ปลูกอยู่บ้างประปราย

ไม่ว่าจะเป็นพุ่มไม้เตี้ยหรือต้นไม้สูงใหญ่ พวกมันต่างก็เรียงรายเป็นระเบียบราวกับขาดวิญญาณแห่งอิสระ แต่ขณะเดียวกันก็ดูสวยงามน่ามอง

แม้จะเป็นทิวทัศน์ที่คนธรรมดาสร้างได้ยาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับฉากแดนสวรรค์ที่จินตนาการไว้ เขากลับรู้สึกว่ายังขาดหายอะไรไปนิดหน่อย

หากลานบ้านมีเพียงทิวทัศน์แค่นี้ การเสียเงิน 50 เหวินเพื่อเข้าชมครึ่งชั่วโมงถือว่าไม่คุ้มค่าเท่าไหร่

เขาเห็นกัวอี้ถังอยู่ไกล ๆ จึงรีบสาวเท้าวิ่งตามไป “เจ้าเด็กเหลือขอ กลับมาซะ!”

แต่ปรากฏว่า กัวอี้ถังเลี้ยวไปทางขวา แล้วหายไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว

กัวอวี่ฉือขมวดคิ้วมุ่น เจ้าลูกชายตัวดีคงคาดเดาได้ว่าเขามาหาด้วยเจตนาที่ไม่ดี ถึงได้รีบวิ่งหนีไปซ่อนตัว

เขารีบเดินออกจากทางเดิน ก่อนพบกับลานกว้างอยู่ข้างหน้า บริเวณตรงกลางมีสระน้ำพร้อมกับน้ำพุพวยพุ่งออกมา ซึ่งดูคล้ายกับบุปผาสีใสที่บานสะพรั่ง

กัวอวี่ฉืออดไม่ได้ที่จะตกตะลึง สามารถสร้างสระน้ำแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร? เถ้าแก่เป็นเทพเซียนที่มีพลังอำนาจมหาศาลจริง ๆ งั้นหรือ?

เขาต้องยอมรับว่า สระน้ำนี้ช่างน่าทึ่งมากจริง ๆ การได้เห็นสระน้ำเช่นนี้ด้วยตาตัวเอง แม้จะเสียเงิน 50 เหวินเพื่อรับชมครึ่งชั่วโมง… ก็ถือว่าพอรับได้

แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถมองทิวทัศน์นี้ได้แค่ไม่กี่ครั้ง หากต้องจ่าย 50 เหวินบ่อย ๆ เพื่อเข้ามาชื่นชม เกรงว่าคงมีแต่คนโง่เขลาเท่านั้นที่ยอมรับมัน

แน่นอนว่าตอนนี้การจับตัวลูกชายกลับไปถือว่าสำคัญที่สุด เขาจึงเดินไปทางขวา เลือกเส้นทางเล็ก ๆ ทางหนึ่งและเดินตรงเข้าไป

หลังจากเดินไปไม่ไกล เขาก็เห็นลานกว้างพร้อมป่ากระสอบทรายอยู่ข้างหน้า กระสอบทรายเหล่านั้นแขวนอยู่กับตาข่ายเหล็ก ซึ่งดูยิ่งใหญ่มาก

กระสอบทราย? กัวอวี่ฉือเดินเข้าไปใกล้ด้วยความสงสัย แต่แล้วกระสอบทรายก็เคลื่อนไหวเองโดยไม่มีลมพัด และโจมตีมาทางเขา

กัวอวี่ฉือ “!!!”

เขารีบถอยหลังหนึ่งก้าว กลิ้งหลุน ๆ เหมือนลาขี้เกียจ และหลบการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด

เมื่อเขาถอยออกห่างจากกระสอบทรายเหล่านั้น กระสอบทรายก็กลับมาสงบนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนอีก

กัวอวี่ฉือลุกขึ้นยืน คิดอยู่ครู่หนึ่ง กระสอบทรายที่โจมตีคนได้เองงั้นเหรอ? หรือว่านี่จะเป็นจุดเด่นที่แท้จริงของลานบ้านแห่งนี้?

เขาหลบเลี่ยงป่ากระสอบทรายเหล่านั้นแล้วเดินต่อไป

เมื่อเดินมาถึงบาร์เบลและได้รับข้อมูลการใช้ เขาก็พลันตะลึงงัน

บาร์เบลนี้สามารถช่วยนักรบฝึกกล้ามแขน?!

เขามองไปที่ป่ากระสอบทรายข้าง ๆ อีกครั้ง แล้วลังเลสักครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปและฟาดด้วยฝ่ามือ

โดยไม่คาดคิด ไม่เพียงกระสอบทรายจะไม่ได้รับความเสียหาย ในทางกลับกัน ฝ่ามือของเขาเหมือนกับหยดน้ำเย็นที่กระเซ็นลงไปในกระทะน้ำมันร้อน กระสอบทรายทั้งหมดรอบ ๆ เคลื่อนไหวเองโดยไม่มีลมพัด และโจมตีเขามาจากทุกทิศทุกทาง

กัวอวี่ฉือต้องใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างเพื่อตอบโต้กระสอบทรายที่เข้ามา

แต่ยิ่งเขาโจมตีเร็วเท่าไหร่ กระสอบทรายก็ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเท่านั้น เหมือนกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ มุ่งเป้ามาที่จุดอ่อน ทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออก

จุดแข็งของเขาคือการแพทย์และการใช้พิษ เขาไม่เคยสนใจเรื่องการฝึกฝนวรยุทธ์มากนัก และฝีมือการต่อสู้ของเขาก็อยู่ในระดับธรรมดา

หากให้ใช้พิษเพื่อป้องกันตัว เขาคงทำได้สบาย ๆ แต่หากให้ต่อสู้ด้วยฝ่ามือเพียงอย่างเดียว เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับเขา

ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักจากกระสอบทราย เขาจำเป็นต้องตั้งสมาธิและแทบใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี

เมื่อเขาถูกตีจนกระเด็นออกมาจากป่ากระสอบทราย เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าจากการต่อสู้ครั้งนี้ เขาถูกบังคับให้เข้าใจและปรับปรุงจุดอ่อนบางอย่างของตัวเอง

กัวอวี่ฉือ “…”

แต่ปัญหาคือ เขาไม่เคยคิดจะฝึกฝนวิชาการใช้ฝ่ามืออย่างจริงจัง

เขาเป็นหมอรักษาคน ไม่ใช่นักรบ!

แต่เนื่องจากหุบเขาการแพทย์เป็นสำนักหนึ่งในยุทธภพ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีพลังป้องกันตัวเลย

ในหุบเขาการแพทย์ไม่ได้มีแค่หมอรักษา แต่ยังมีคนบางกลุ่มที่เลือกฝึกฝนวรยุทธ์โดยเฉพาะ ซึ่งคนกลุ่มนี้เหมาะกับการใช้ป่ากระสอบทรายมากกว่า

กัวอวี่ฉือเกิดความคิดขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องรีบกลับไปที่หุบเขาการแพทย์เพื่อบอกข่าวนี้ให้เจ้าสำนักทราบ

เขาไม่คิดสนใจลูกชายอีกต่อไป ก่อนจะออกจากโรงแรมไปทันที

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด