บทที่ 156 ตาเฒ่า: เมล็ดพันธุ์นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้วหรือเปล่า?
[-แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ-]
[-Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอนแต่จะราคาแพงที่สุด-]
[-หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ-]
บทที่ 156 ตาเฒ่า: เมล็ดพันธุ์นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้วหรือเปล่า?
ลูกแก้วขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือหัวเย่เหริน เขาตัดสินใจก้าวออกไป
พุ่งเข้าหา 'ผู้ถูกลืม' ที่อยู่ไกลที่สุด
ผู้ถูกลืม "!?"
แววตาของมันว่างเปล่า แต่ในวินาทีที่เห็นเย่เหรินพุ่งเข้ามา มันก็เผยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง
บ้าเอ๊ย ฉันตั้งใจยืนอยู่หลังสุดแล้วนะ ยังจะพุ่งมาหาฉันอีกเหรอ?
ในชั่วพริบตาที่ร่างของผู้ถูกลืมสัมผัสกับเย่เหริน ลูกแก้วสีแดงสดเหนือหัวของเย่เหรินก็เบิกกว้างขึ้นทันที
ทักษะปลดอาวุธทำงาน!
ในวินาทีที่ร่างกายของผู้ถูกลืมสัมผัสกับพลังนี้ ร่างกายของมันก็เหมือนกับถูกพายุที่มองไม่เห็นพัดกระหน่ำ โครงสร้างภายในพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
เหมือนลูกโป่งที่ถูกสูบลมจนเกินขีดจำกัดของมัน แล้วระเบิดออกในทันที
เศษเนื้อสีเทาขาวกระจายไปทั่ว เหมือนเม็ดทรายละเอียดในนาฬิกาทราย
เย่เหรินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
"ขอให้ไปสู่สุขคติ..."
โชคดีที่ผู้ถูกลืมตายไปแล้ว ไม่งั้นคงต้องสบถด่าออกมาบ้างแหละ
มันวิ่งไปไกลที่สุดแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเย่เหรินจะไม่ทำตามแผน เลือกที่จะโจมตีมันที่อยู่ไกลที่สุด?
เมื่อผู้ถูกลืมตัวแรกกลายเป็นเถ้าธุลีภายใต้สกิลปลดอาวุธของเย่เหริน ผู้ถูกลืมที่อยู่โดยรอบก็ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด
เกิดเป็นพื้นที่ว่างเปล่าเล็กๆรอบตัวเขา
ผู้ถูกลืมที่อยู่ใกล้ๆสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้าที่บิดเบี้ยวอยู่แล้วก็ยิ่งแสดงความหวาดกลัวมากขึ้น
นั่นคือความหวาดกลัวที่มาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ เป็นความกลัวโดยสัญชาตญาณต่อสิ่งที่ไม่รู้จักและความตาย!
"อย่า... อย่าเข้ามานะ..."
ดูสิ เย่เหรินเก่งขนาดไหน
ถึงกับทำให้ผู้ถูกลืมพวกนี้พูดภาษาคนได้เลย!
เย่เหรินค่อยๆเอื้อมมือไปด้านหลัง พูดด้วยความสงสาร
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะปลดปล่อยพวกนายเอง..."
ผู้ถูกลืม "(ΩДΩ)?"
ใครอยากถูกปลดปล่อยกันเล่า ตอนนี้พวกเราอยากหนีต่างหาก ไอ้บ้า!
ในวินาทีที่เขาจับดาบโลหิต หมอกโลหิตก็แผ่กระจายออกมาในทันที นั่นคือมลทินแห่งความกลัวที่รุนแรงและบริสุทธิ์ยิ่งกว่า!
ในขณะที่เย่เหรินชักดาบโลหิตออกมาจนสุด หมอกสีแดงรอบๆก็เหมือนกับมีชีวิตขึ้นมา
มันพลิ้วไหว ก่อตัวเป็นคลื่นที่มองไม่เห็น แผ่กระจายไปทุกทิศทุกทาง
ลักษณะเฉพาะของจ้าวแห่งห้วงลึกทั้งสี่ ได้แก่ ผู้นำมาซึ่งสุริยคราส, เนตรเพลิง, จ้าวแห่งเลือดเนื้อ และราชันย์ปรากฏขึ้นรางๆในหมอกสีแดง
ผู้ถูกลืมหลงทางอย่างสิ้นเชิงในคลื่นนี้ ร่างกายของพวกมันขดตัวโดยไม่รู้ตัว ราวกับพยายามหลีกหนีความกลัวที่แทรกซึมไปทุกที่ด้วยวิธีนี้
แต่ความกลัวได้ซึมเข้าไปในทุกเซลล์ของพวกมันแล้ว
"ฉันอยากกลับบ้าน..."
"ไม่นะ..."
"ช่วยด้วย..."
ทุกตารางนิ้วในม่านหมอกแดงฉานถูกเติมเต็มด้วยความหวาดกลัว เสียงร่ำไห้ของผู้ถูกลืมเลือนดังระงม แต่ก็ไม่อาจกลบความสิ้นหวังในใจพวกเขาได้
เย่เหรินเอ่ยถามแผ่วเบา
"พวกนายเชื่อไหมว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า พวกนายจะต้องตาย?"
【คำทำนาย : กำลังทำงาน】
ผู้ถูกลืมที่เคยเป็นมนุษย์ ตอนนี้ได้สติกลับคืนมาเล็กน้อย
คำทำนายระดับจินตภาพที่เย่เหรินปลดปล่อยออกมานั้น ไม่ใช่แค่คำพูดธรรมดา
มันคือกุญแจ กุญแจที่ไขปลดพันธนาการในส่วนลึกของจิตใจผู้ถูกลืม
เมื่อคำพูดนี้ก้องกังวาน อาการสั่นสะท้านของผู้ถูกลืมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ร่างกายพวกเขาเริ่มกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับวิญญาณกำลังดิ้นรนครั้งสุดท้าย
"ดูเหมือนว่าพวกนายจะเชื่อแล้วนะ..."
เมื่อปราการในใจของผู้ถูกลืมเลือนถูกทำลายลงด้วยคำทำนาย
【การตัดสินคำทำนาย : มีผล】
ภาพตรงหน้าเย่เหรินเต็มไปด้วยกรอบข้อความแจ้งเตือนที่กะพริบอยู่ แต่ละอันมีข้อความ【สามารถเปิดใช้งานทักษะ : ประหาร】อย่างชัดเจน
เขาไม่ลังเล ยกดาบโลหิตขึ้น -
ฟาดฟัน!
【ประหาร】
เมื่อเย่เหรินเคลื่อนไหว อากาศรอบข้างก็ราวกับหยุดนิ่ง แม้แต่กาลเวลาก็เหมือนจะหยุดชะงัก
จากนั้น แสงดาบสีแดงเลือดหมูจำนวนนับไม่ถ้วน บางเฉียบดุจเส้นผม แต่คมกริบ ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
แสงดาบพุ่งไปมาดุจสายฟ้าฟาด พุ่งผ่านระหว่างผู้ถูกลืม ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ถูกลืมแต่ละคนอย่างแม่นยำ
ในวินาทีนั้น ผู้ถูกลืมก็ราวกับกลายเป็นรูปปั้นที่หยุดนิ่ง
ร่างกายของพวกเขาถูกแสงดาบแทงทะลุทีละคน
ไม่มีเลือดไหล ไม่มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
สิ่งที่เกิดขึ้นแทนคือ ความเงียบสงบที่แปลกประหลาด ความสงบสุขที่กลับคืนสู่ผืนดิน
ในชั่วพริบตาที่แสงดาบสัมผัสร่างของผู้ถูกลืม ร่างของพวกเขาก็เริ่มสลายกลายเป็นอนุภาคเล็กๆนับไม่ถ้วน ปลิวหายไปกับสายลม
เหลือเพียงเถ้าถ่านจางๆปลิวไปทั่วผืนดินที่ถูกสาปแช่งนี้
เมื่อแสงดาบสุดท้ายหายไป ผู้ถูกลืมเลือนทั้งหมดก็ถูกประหารจนสิ้น เหลือเพียงความเงียบงัน
เย่เหรินกล่าวด้วยความสงสาร "จงพักผ่อนให้สบาย เหล่าผู้ถูกลืม"
ผู้ถูกลืมเลือน: "ไม่ได้อยากพักผ่อนเว้ย!"
【รีเซ็ตคูลดาวน์คำทำนายแล้ว】
【รีเซ็ตคูลดาวน์ประหารแล้ว】
ไม่ไกลนัก ในเงามืด ชายชราลึกลับซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่
เขาแอบสะกดรอยตามเย่เหรินมาตลอด
อย่าเข้าใจผิดไป
เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของ "เมล็ดพันธุ์" เขาจึงตามมาโดยเฉพาะ คิดว่าถ้าถึงเวลาคับขัน เขาจะช่วย "เมล็ดพันธุ์" ได้
แต่ตอนนี้...
ชายชราลึกลับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เขาอุทานออกมาว่า "พระเจ้าช่วย! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!?"
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น ชายชราหันไปมองปีกที่หักอยู่ข้างหลังเขาแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "เจ้าแน่ใจนะ ว่านี่คือเมล็ดพันธุ์ที่เจ้าตามหา? เขาดู...แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรือเปล่า?"
ปีกศักดิ์สิทธิ์สั่นเล็กน้อยราวกับจะตอบคำถาม แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่รู้เหมือนกัน! ตอนแรกมันมั่นใจว่าเย่เหรินคือเมล็ดพันธุ์ที่มันตามหา...แต่เมล็ดพันธุ์นี้แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!
ชายชราหลับตาลงสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวัง เขาพึมพำกับตัวเองว่า "บางทีการตัดสินใจของเจ้าในวันนั้นอาจจะถูกต้อง พลังของเมล็ดพันธุ์นี้เหนือจินตนาการของพวกเราไปแล้ว!"
ปีกศักดิ์สิทธิ์อยากจะอธิบาย แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง สถานการณ์ตอนนี้มันเกินกว่าที่มันจะควบคุมหรือคาดเดาได้ เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังของชายชรา ในที่สุดมันก็เลือกที่จะเงียบ
เอาเถอะ ไปทีละก้าว บางทีเมล็ดพันธุ์นี้อาจจะกินฮอร์โมนเข้าไปเยอะเลยโตผิดปกติก็ได้
ทักษะ 'ประหาร' ของเย่เหรินเมื่อครู่นี้ไม่เพียงแต่ทำให้เหล่าผู้ถูกลืมสลายไปในพริบตา แต่ยังทำให้ฐานที่มั่นที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้ราบเป็นหน้ากลอง
ลองมองไปรอบๆเย่เหรินสิ ฐานที่มั่นที่ครั้งหนึ่งเคยแข็งแกร่ง ตอนนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังบิดเบี้ยว ถูกคมดาบของเขาบดขยี้จนกลายเป็นฝุ่นผงแห่งประวัติศาสตร์ ก้อนอิฐและเหล็กที่เคยรวมกันเป็นหนึ่ง ตอนนี้กระจัดกระจายไร้รูปแบบ พวกมันนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น เหมือนโครงกระดูกของยักษ์ที่ถูกทิ้งร้าง เป็นพยานเงียบของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
กำแพงถูกฉีกกระชาก พื้นถูกพลิกคว่ำ ก้อนหินและฝุ่นผงจากเพดานร่วงหล่นลงมาเหมือนสายฝน ฝังทุกสิ่งไว้ใต้ซากปรักหักพัง สายลมพัดผ่านซากปรักหักพัง พัดเอาฝุ่นผงขึ้นมาเป็นกลุ่มใหญ่
เย่เหรินตบมือ "ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว"
เจียงซุ่ยเดินตามเขาไป ดวงตาเป็นประกาย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเย่เหรินสร้างความอลังการแบบนี้ แต่ทุกครั้งเจียงซุ่ยก็ยังอดทึ่งไม่ได้
พี่เย่ของพวกเราเก่งจริงๆ!