บทที่ 156 ซูเฉียนหยวนเริ่มหลงตัวเองแล้วหรือ?
ณ เอวเขาภูเขาหมอกสวรรค์ หน้าถ้ำในภูเขา
เย่หลัวจ้องมองซูเฉียนหยวนตรงหน้า สายตาเปี่ยมด้วยความชื่นชม ซูเฉียนหยวนในยามนี้ดูแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เห็นเพียงซูเฉียนหยวนหัวโล้นเป็นประกาย เปลือยท่อนบน ร่างกายไม่ได้กำยำล่ำสันนัก แต่กลับดูกระชับเป็นสัดส่วน ลอนกล้ามเนื้อชัดเจน รอบกายแผ่รัศมีน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก
เพียงยืนอยู่ตรงนั้น ก็ราวกับอสูรร้ายที่พร้อมจะสยายเขี้ยวเล็บตลอดเวลา สร้างความรู้สึกหวาดหวั่นให้ผู้พบเห็น
รัศมีน่าเกรงขามนี้ ทำให้แม้แต่เย่หลัวยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดถึงพลังของซูเฉียนหยวน
"น้องสาม เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลยนะ เพิ่งจากกันไปไม่นาน พลังของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วเหลือเกิน" เย่หลัวกล่าวชื่นชม
"พี่ใหญ่ ก็เพียงได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์เท่านั้นเอง คราวก่อนน้องติดขัดในการบำเพ็ญเพียร จึงขึ้นเขามาขอคำแนะนำจากอาจารย์ หลังจากได้รับคำชี้แนะก็ทะลวงขีดจำกัดได้ และยังค้นพบวิถีใหม่ในการฝึกฝนร่างกาย พลังจึงเพิ่มขึ้นมากมาย" ซูเฉียนหยวนฝืนยิ้มบางๆ
นึกถึงว่าผู้อาวุโสที่ทรยศตนตอนนี้ต้องทำงานใต้บังคับบัญชาของพี่ใหญ่ผู้นี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจนัก
"วิถีใหม่ในการฝึกฝนร่างกาย? เป็นอย่างไรหรือ? พี่ขอฟังหน่อยได้ไหม?" เย่หลัวถามอย่างสนใจใคร่รู้
ได้ยินดังนั้น ซูเฉียนหยวนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาตั้งใจว่าหลังจากเข้าใจวิถีการฝึกฝนร่างกายอย่างถ่องแท้แล้ว ก็จะบันทึกไว้ในคัมภีร์ของนิกายอู๋เต้า เพื่อเพิ่มพูนรากฐานของนิกาย การพูดถึงตอนนี้จึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการพูดกับพี่ใหญ่ของตน
คิดดังนั้นแล้ว ซูเฉียนหยวนจึงเอ่ยปาก
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก คราวก่อนอาจารย์ให้น้องเน้นฝึกฝนร่างกาย น้องจึงทุ่มเทสมาธิ หมั่นฝึกฝนกำปั้นของน้องไม่หยุดหย่อน พลังก็เพิ่มขึ้นจริงๆ และยังเปิดมุมมองใหม่ให้น้องด้วย"
"การฝึกฝนเลือด! ในร่างกายเรามีเลือดมากมายนับไม่ถ้วน ใช้พลังปฐพีขัดเกลาเลือดทุกหยด เลือดที่ผ่านการขัดเกลาจะมีพลัง และสามารถควบคุมได้"
"เลือดเพียงหยดเดียวอาจไม่ทรงพลังนัก แต่ร่างกายมนุษย์มีเลือดมากมาย หากควบคุมได้ทุกหยด พลังที่ได้จะน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก"
"ยิ่งไปกว่านั้น น้องรู้สึกว่าการฝึกฝนเลือดยังมีช่องว่างให้พัฒนาอีกมาก แต่น้องยังไม่ได้ค้นพบทั้งหมด"
ซูเฉียนหยวนค่อยๆ อธิบาย
"น้องสาม... ในยุคนี้ ผู้ฝึกฝนร่างกาย เจ้าคือหนึ่งเดียวที่ยอดเยี่ยมที่สุด!" เย่หลัวนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยประโยคนี้ออกมา
"พี่ใหญ่ นี่ท่านพูดเหลวไหลอะไรกัน นอกจากน้อง ยังมีใครฝึกฝนร่างกายอีก? วิถีการฝึกฝนร่างกายสูงสุดก็แค่ขั้นแก่นทอง ที่เหลือล้วนเป็นสิ่งที่น้องขบคิดเองกับคำชี้แนะของอาจารย์" ซูเฉียนหยวนกลอกตาพลางกล่าวอย่างระอา
"ก็ใช่ๆ พูดไปแล้ว ในบรรดาศิษย์ของอาจารย์ พวกเราใครบ้างที่ไม่ได้ค้นพบวิถีของตนเอง?" เย่หลัวส่ายหน้าพลางกล่าว
"จริงด้วย พี่ใหญ่ แต่ยังไม่รู้เลยว่าน้องเล็กเรียนรู้อะไรมา" ซูเฉียนหยวนเงยหน้ามองขึ้นไปบนภูเขา พลางกล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น
"เรื่องนี้พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน หากน้องไม่แสดงออกมาเอง พวกเราจะรู้ได้อย่างไร" เย่หลัวตอบ
"อืม ก็จริง แต่พี่ใหญ่ คราวนี้ท่านมาหาน้อง มีธุระอะไรหรือ?" ซูเฉียนหยวนถาม
"ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อาจารย์ตัดสินใจเข้าร่วมการประลองใหญ่แห่งนิกาย เจ้าก็ต้องไปร่วมด้วย เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน"
เย่หลัวครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ 'การประลองใหญ่แห่งนิกาย' ให้ซูเฉียนหยวนฟังทั้งหมด
ซูเฉียนหยวนฟังจบก็ประกาศทันทีว่าจะต้องติดอันดับสิบของการประลองให้ได้
น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความมั่นใจ ราวกับไม่เห็นอัจฉริยะทั้งหลายในใต้หล้าอยู่ในสายตา
เย่หลัวฟังแล้วถึงกับตะลึง
"น้องมั่นใจขนาดนั้นเลยหรือ?" เย่หลัวกระตุกมุมปากพลางถาม
"อย่าบอกนะ อย่าบอกนะ ว่าพี่ใหญ่ไม่มั่นใจว่าจะติดอันดับสิบน่ะ?" ซูเฉียนหยวนกล่าวล้อเลียน น้ำเสียงแฝงรอยยิ้ม
"พวกเรายังไม่เคยปะทะกับอัจฉริยะจากแคว้นอื่นเลยนี่ ทำไมน้องถึงได้มั่นใจขนาดนี้?" เย่หลัวกล่าวอย่างแปลกใจ
"ไม่ใช่นะพี่ใหญ่ น้องจำได้ว่าการประลองใหญ่แห่งนิกายนี้ มีแค่รุ่นศิษย์เท่านั้นที่เข้าร่วมได้ใช่ไหม? น้องก็อดีตประมุขของศูนย์กลางแคว้นตงโจว พี่ใหญ่ยิ่งเป็นประมุขคนปัจจุบัน แถมพวกเรายังมาจากนิกายเร้นลับ การไปรังแกเด็กๆ แบบนี้ ถ้าไม่ติดอันดับสิบ หน้าอาจารย์คงจะหมดเลย"
ซูเฉียนหยวนกล่าว
ได้ยินดังนั้น เย่หลัวก็สะดุ้งตื่น
ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
คิดดูแล้ว ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นประมุข อีกทั้งยังมาจากนิกายเร้นลับ
ไปรังแกเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์
ถ้าไม่ได้อันดับ
ก็คงน่าอับอายจริงๆ
"อย่างน้อยก็ควรถ่อมตัวหน่อยสิ จะมั่นใจขนาดนั้นได้ยังไง"
"พอๆ น้องสาม ไปเก็บก้อนหินสักก้อนจากในถ้ำมาให้พี่หน่อย" เย่หลัวโบกมือ
"พี่ใหญ่จะเอาก้อนหินไปทำอะไรหรือ?" ซูเฉียนหยวนถามอย่างสงสัย
"ไม่มีอะไรหรอก จะเอาไปหลอกคนโง่คนหนึ่ง เจ้าไปหยิบมาก็พอ" เย่หลัวตอบลอยๆ
"อ้อ" ซูเฉียนหยวนพยักหน้า
หมุนตัวกลับเข้าไปในถ้ำ
หยิบก้อนหินมาสักก้อน แล้วกลับออกมามอบให้เย่หลัว
เย่หลัวก้มมองก้อนหินที่เต็มไปด้วยพลังปฐพีในมือ เก็บเข้าแหวนเก็บของ พยักหน้าอย่างพอใจ
เตรียมตัวจะจากไป
แต่ยังไม่ทันได้ไป
ซูเฉียนหยวนก็เรียกเย่หลัวไว้อย่างกะทันหัน
"พี่ใหญ่ รอก่อน!"
น้ำเสียงของซูเฉียนหยวนเร่งรีบ ราวกับกลัวว่าเย่หลัวจะหนีหายไปเสียก่อน
"มีอะไรหรือ? น้องยังมีธุระอะไรอีก?" เย่หลัวถามกลับ
"พี่ใหญ่ น้องเพิ่งทะลวงขีดจำกัด ยังไม่ได้ลองประลองฝีมือจริงๆ เลย ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่จะกรุณาชี้แนะสักเล็กน้อยได้ไหม?" ซูเฉียนหยวนรีบกล่าว
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเย่หลัวก็ชะงักไป ก่อนจะผุดรอยยิ้มบางๆ
น้องสามคนนี้คงจะเหลิงหลังจากทะลวงขีดจำกัดสินะ...