26 - แผนเอาใจฮ่องเต้
26 - แผนเอาใจฮ่องเต้
หลี่ซื่อหลงอารมณ์เสียมาก ยิ่งพบเห็นพฤติกรรมของกงซุนอู๋จี้เขายิ่งเกิดความรำคาญมากกว่าเดิม
ในตอนแรกราชโองการยังไม่ประกาศออกไป แต่ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้เรื่องที่ตระกูลหลิวหมั้นหมายกับตระกูลกงซุนกันหมดแล้ว
ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหากับการแต่งงานครั้งนี้ แต่เขาไม่พอใจในสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
"ฝ่าบาท ฉินโม่มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" เกาซื่อเหลียนกล่าวเบาๆ
"เขามาทำไม? มาหาหลี่เยว่หรือ?" หลี่ซื่อหลงขมวดคิ้ว "ไล่เขากลับไป!"
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีเสียงดังจากข้างนอก "ท่านพ่อตาข้ามาหาท่านแล้ว!"
เกาซื่อเหลียนได้แต่ยิ้มเจื่อนส่ายหน้า มีแค่ฉินโม่เท่านั้นที่กล้าตะโกนเสียงดังในตำหนักไท่จี๋ ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกลงโทษไปนานแล้ว
หลี่ซื่อหลงทำหน้าบึ้ง แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นฉินโม่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้าง
ไม่รู้ทำไม แต่พอเห็นรอยยิ้มของฉินโม่ ฮ่องเต้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
"เจ้าโง่ เจ้ามาทำอะไรในวัง?"
"ข้าคิดถึงพ่อตา เลยตั้งใจมาทำอาหารอร่อยๆ ให้ท่านทาน!"
ฉินโม่เกาศีรษะ "เมื่อวานท่านพ่อตีข้าจนก้นแตก ดูสิ ตอนแรกข้าโกรธมาก แต่คิดๆ ดูแล้วท่านพ่อดูเหมือนจะพูดถูก ท่านคือพ่อตาของข้า ข้าต้องกตัญญูต่อท่านเหมือนกัน ข้าจึงตัดสินใจว่าจะเข้าวังมาเพื่อทำอาหารเป็นการขอโทษท่านพ่อตา!"
"โอ้? หม้อไฟอีกหรือ?"
หลี่ซื่อหลงแค่นเสียง "ข้าไม่สนใจ!"
เจ้าคนโง่คนนี้ ไม่รู้จักดีชั่วเสียเลย ต้องถูกตีถึงจะคิดได้!
เขาเป็นถึงฮ่องเต้ จะมาให้อภัยง่ายๆ เพียงแค่หม้อไฟมื้อเดียว ไม่มีทาง!
“หม้อไฟ? ท่านพ่อตาท่านดูถูกข้าเกินไปแล้ว ข้าจะบอกเลยว่าครั้งนี้ ข้าจะทำอาหารที่อร่อยกว่าหม้อไฟแน่ๆ รับรองว่าอร่อยจนท่านอยากจะกลืนลิ้นตัวเอง!”
หลี่ซื่อหลงเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
กล่าวตามตรง เจ้าโง่นี่ทำอาหารเก่งจริงๆ
พอดีช่วงเที่ยงเขาก็โกรธจนไม่ได้ทานอะไรสักคำ พอได้ยินคำพูดของฉินโม่ ก็เริ่มรู้สึกหิวเล็กน้อย
เกาซื่อเหลียนสังเกตเห็นสีหน้าของหลี่ซื่อหลงและรู้ว่าฉินโม่จูงใจฮ่องเต้สำเร็จแล้ว แต่ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีพระองค์จึงยังไม่กล่าวออกมา เขาจึงรีบกล่าวขึ้น "ฝ่าบาท ได้โปรดเห็นแก่ความกตัญญูของคุณชายฉินโม่ ควรให้โอกาสเขาสักครั้ง"
หลี่ซื่อหลงได้ยินดังนั้น จึงมีข้ออ้างที่จะยอมรับคำเชิญ เขาแค่นเสียงเย็นแล้วกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะลองชิมดู”
ฉินโม่คิดในใจ "เชอะ ฮ่องเต้ที่หยิ่งยโส แต่อาหารของข้าจะทำให้ท่านใจอ่อนแน่นอน"
“ท่านพ่อตา ท่านจะรออยู่ที่นี่ หรือจะไปที่ห้องครัวหลวงกับข้า?”
“ไปสิ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าโง่อย่างเจ้าจะทำอะไรได้”
“ได้เลย เช่นนั้นท่านพ่อตาช่วยข้าหน่อยแล้วกัน!”
เกาซื่อเหลียนเกือบจะตกใจจนฉี่ราด
จะให้ฮ่องเต้เป็นลูกมือทำกับข้าว! ฉินโม่กล้ากล่าวแบบนี้ได้อย่างไร!
หลี่ซื่อหลงก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
เมื่อมาถึงห้องครัวหลวง ขันทีและนางกำนันต่างตกใจแทบตาย
ในอดีตฮ่องเต้ไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่ แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาฮ่องเต้และฮองเฮาต่างแวะเข้ามาในครัวด้วยตัวเอง
"ถวายบังคมฝ่าบาท!"
"ลุกขึ้นเถิด!"
หลี่ซื่อหลงยืนกอดอกที่นั่น ความน่าเกรงขามของเขาทำให้ทุกคนไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
ฉินโม่หยิบผ้าผืนหนึ่งมาทำเป็นผ้ากันเปื้อน หยิบกระบวยขึ้นมาและเตรียมวัตถุดิบต่างๆ เมื่อเห็นว่าผักถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มลงมือหั่นผัก
คิดไปก็รู้สึกน่าสงสารตัวเอง ที่เป็นนักศึกษาด้านประวัติศาสตร์ แต่ดันทะลุมิติมายังโลกคู่ขนาน และยังต้องลงมือประกอบอาหารเองทุกครั้งไม่อย่างนั้นก็แทบกินอะไรไม่ได้เลย
ทำอาหารให้ตัวเองกินยังพอทน แต่ยังต้องมาทำให้ฮ่องเต้กินด้วย เรื่องนี้เขายิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
“ท่านพ่อตา ท่านยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น ช่วยข้าหยิบผักสิ! มันช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ ข้าต้องทำอาหารคนเดียว แต่ทุกคนได้กินจนอิ่มหนำ!”
คนในครัวหลวงพากันตัวสั่น แม้แต่เกาซื่อเหลียนก็รู้สึกกังวลอย่างมาก เขามองไปที่หลี่ซื่อหลงด้วยความหวาดกลัว อย่างไรก็ตามฮ่องเต้ไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังหัวเราะออกมาอีกด้วย
“เจ้าโง่ ตอนนี้เจ้าปีนขึ้นมาบนศีรษะของข้าแล้ว?”
พูดจบ หลี่ซื่อหลงก็เดินไปช่วยฉินโม่เด็ดผักจริงๆ
เกาซื่อเหลียนรีบคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวว่า "ฝ่าบาท เรื่องนี้ให้บ่าวทำแทนจะดีกว่า!"
"ท่านนี่มันไม่รู้จักดูสถานการณ์จริงๆ!" ฉินโม่เหลือบมองเขาด้วยความหงุดหงิด "ไปเอาเก้าอี้มาให้ท่านพ่อตาสิ เขาจะได้เด็ดผักเร็วขึ้น!"
เกาซื่อเหลียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เขาคิดว่าฉินโม่ให้เขาไปเอาเก้าอี้มาเพราะกลัวว่าฮ่องเต้จะรอจนเมื่อย ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นเพราะกลัวว่าฮ่องเต้จะเด็ดผักช้าเกินไป
"ไม่ต้อง ข้ายืนได้!"
หลี่ซื่อหลงเดินไปยังผักที่เตรียมไว้ แต่พอเห็นก็ไม่รู้จะเริ่มเด็ดจากตรงไหนก่อนดี
เขาไม่กล้าถาม ก็เลยต้องทำใจแข็งแล้วลงมือเด็ด
"ท่านพ่อตา ดูท่านสิ เด็ดผักยังเด็ดไม่ดี มือไม้ช่างเก้งก้าง!"
หลี่ซื่อหลงโกรธและทุบผักลงบนถังไม้ "ข้าเป็นถึงฮ่องเต้ หากใครรู้ว่าข้ามาเด็ดผัก ไม่หัวเราะเยาะข้าจนตายหรือ!"
"เป็นถึงฮ่องเต้แล้วอย่างไร ฮ่องเต้ก็ต้องกินต้องถ่ายเหมือนกัน!"
ฉินโม่ไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย "การที่รู้ว่าการทำอาหารมันยากเพียงใด จะทำให้เราเห็นคุณค่าของอาหารมากขึ้น และรู้จักการหวงแหนสิ่งที่เรามี!"
ประโยคนี้ทำให้หลี่ซื่อหลงนิ่งไปทันที
เจ้าโง่นี่พูดถูกอยู่บ้าง
ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาก็สามารถใช้ข้ออ้างนี้ได้ ชาวบ้านคงจะยิ่งชื่นชมเขาที่เป็นฮ่องเต้ที่เข้าใจชีวิตของผู้คน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็เริ่มลงมือเด็ดผักเร็วขึ้น
"หากจะทำก็ทำได้ แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่รีบทำ?"
หลี่ซื่อหลงรู้สึกแปลกใจที่รู้สึกยินดีกับคำชมของฉินโม่
ช่างแปลกประหลาดจริงๆ
เรื่องกังวลในใจที่มีอยู่มากมาย กลับรู้สึกผ่อนคลายลงได้ในทันที
เขามองดูฉินโม่ที่กำลังสั่งการเกาซื่อเหลียน และนึกในใจอย่างเงียบๆ ในฐานะที่เขาเป็นฮ่องเต้ เขาเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน
แต่เมื่อครอบครองตำแหน่งนี้จิตใจของเขากลับโดดเดี่ยวอย่างยิ่ง บางทีการได้พูดคุยกับฉินโม่มันทำให้เขามีความรู้สึกว่าตัวเขายังเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่
"ไปๆ ท่านมือเท้าเก้งก้างเกินไปแล้ว ทำอะไรนิดหน่อยก็ทำไม่ดี!"
ฉินโม่มองเกาซื่อเหลียนอย่างดูถูก เกาซื่อเหลียนทำได้แค่ยิ้มและหัวเราะ
เขาไม่มีทางเลือกจริงๆ เพราะแม้แต่ฝ่าบาทก็ยังต้องถูกเจ้าโง่นี่สั่งการ เขาจะกล้าขัดขืนได้อย่างไร
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม หลี่ซื่อหลงกล่าวขึ้นว่า "ไม่คิดว่าการทำอาหารจะมีขั้นตอนมากมายเช่นนี้!"
"ท่านพ่อตา ท่านดูอยู่เฉยๆ ก็พอ!"
ฉินโม่ใส่น้ำมันลงในกระทะ จากนั้นก็เริ่มผัดอาหาร
ทุกคนที่อยู่ในครัวต่างตะลึงไปหมด
"เจ้าทำอาหารแบบนี้ได้อย่างไร?"
แม้ว่าหลี่ซื่อหลงจะไม่รู้วิธีทำอาหาร แต่เขาก็รู้ว่าปกติแล้วอาหารต้องต้มจะมาคลุกเคล้ากับน้ำมันแบบนี้ได้อย่างไร
"นี่เรียกว่าผัด เป็นสูตรที่ข้าคิดค้นเอง ท่านก็รอดูเถิด รับรองว่าอร่อยแน่!"
ฉินโม่เริ่มทำจูอวี่ผัดเนื้อ จากนั้นปลานึ่งซีอิ๊ว ตามด้วยซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน เต้าหู้คลุกต้นหอม สุดท้ายก็ผัดผักกวางตุ้ง
เหล่าพ่อครัวมองกันตาค้าง พวกเขาไม่เคยเห็นวิธีทำอาหารแบบนี้มาก่อน
ที่สำคัญ อาหารที่ทำเสร็จแล้วดูมีสีสันสวยงาม กลิ่นหอมโชยมา ทำให้เกิดความอยากอาหารอย่างมาก!
…………….